ข่าว

'ประยุทธ์'ลั่นฟันไม่เลี้ยงทหารพันยาบ้า

'ประยุทธ์'ลั่นฟันไม่เลี้ยงทหารพันยาบ้า

26 ม.ค. 2555

“ประยุทธ์” ลั่น “ฟันไม่เลี้ยง” ทหารนอกแถวเอี่ยวยาเสพติด ย้ำ กอ.รมน.ไม่เกเรทำสิ่งผิด กม. เผย “ปิติภาคย์” ไม่มีอำนาจสั่งการแล้ว สั่ง จนท.เก็บบัตรหมดอายุคืนทั้งหมด พร้อมร่วมมือ ตร. ย้ำนโยบาย “ทหารสีขาว” ตร.จราจรจอมเทียนกรรโชกทรัพย์คนเสพยา

              26ม.ค.2555 กรมวิทยาศาสตร์ทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกำลังพลของกองทัพบกเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดและอ้างบัตรของ กอ.รมน. ว่า พล.ท.ปิติภาคย์ ป้อมนาค อดีตนายทหารสังกัด กอ.รมน.ผู้ที่ออกบัตรไม่มีอำนาจในเรื่องนี้อยู่แล้ว และบัตรดังกล่าวทั้งหมดต่อไปนี้ใช้อะไรไม่ได้ทั้งสิ้น

              ตนได้ยินเรื่องนี้มานนานแล้ว และพล.ท.ปิติภาคย์ ก็เกษียณไปหลายปีแล้วแต่บัตรพวกนี้ยังอยู่ เราพยายามเก็บกลับเข้ามา ซึ่งได้แจ้งให้เจ้าตัวเขาทราบเรื่องแล้วว่าบัตรที่ท่านออกไปครั้งก่อนนั้นมันใช้ไม่ได้แล้ว มันหมดสมัยไปแล้ว หมดอายุราชการไปแล้วด้วย คนออกบัตรเขาเกษียณไปแล้ว ดังนั้นใครถือบัตรนี้ไปแสดงมีความผิด ถือว่าเป็นการปลอมบัตรเจ้าหน้าที่ และคนที่เห็นบัตรประเภทนี้ก็แจ้งเจ้าหน้าที่กลับมาด้วย

              “กอ.รมน.ไม่ใช่หน่วยงานนอกกฎหมาย ไม่ใช่หน่วยงานอะไรที่ไปทำอะไรนอกลู่นอกทาง แต่ กอ.รมน. คือ องค์การในการบูรณาการร่วมกันระหว่างพลเรือน ตำรวจ ทหาร เป็นหน่วยงานที่นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้า ดังนั้นเราเกเรไม่ได้ อย่าไปห่วงว่า กอ.รมน.จะทำอะไรที่ไม่ใช่ในหน้าที่ ต้องทำตามกฎหมายทั้งสิ้น ส่วน พล.ท.ปิติภาคย์ จะมีความผิดหรือไม่ ก็ต้องไปดูว่าบัตรที่ออกมานั้นถูกต้องหรือไม่ ท่านอาจจะไม่รู้ก็ได้ก็ต้องสอบสวนกันไป” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

              เมื่อถามว่ามีการซัดทอดมายัง พ.ต.ปิยะณัฐ เจตจำรัส ซึ่งเป็นกำลังพลของกองทัพบกจะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนทราบแล้วว่ามีการจับกุมและมีความเกี่ยวพัน ตนจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ไปติดตามความคืบหน้า ซึ่งใครก็ตามที่มีส่วนร่วม เกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือทำผิดกฎหมาย ให้แจ้งมาทันทีก็ควบคุมตัวไปให้ ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด ดำเนินคดีสูงสุดเท่าที่ทำได้ทหารเราไม่เลี้ยงไว้อยู่แล้ว บอกไปแล้วว่าหน่วยทหารต้องเป็นหน่วยทหารสีขาว เรามีทหาร 2 แสนกว่า ดังนั้นมันต้องมีทั้งคนดีและคนไม่ดี แต่ก่อนเขาอาจเป็นคนดี แต่วันนี้เขาอาจเกเร เขาอาจจะหลงผิด เขาก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย คนดีเยอะกว่า ดังนั้นอย่าไปกลัวว่าผู้บังคับบัญชาจะปกป้องหรือปิดบังช่วยคนไม่ดี

              เมื่อถามว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกองทัพจะมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเพื่อพิสูจน์ความจริงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนอยู่แล้ว แต่ในชั้นต้นตำรวจเอาตัวไปได้เลย เอาไปสอบก่อนเพราะตำรวจมีหน้าที่ตามกฎหมาย ตอนนี้กองทัพควบคุมตัวไว้ให้ ต่อไปก็จะเข้าขั้นตอนตามกฎหมาย เมื่อถามย้ำว่า พ.ต.ปิยะณัฐถูกกล่าวหาเข้าไปเกี่ยวพันในหลายคดีแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ว่าเขามีความผิด เป็นเพียงการกล่าวหา ต้องไปสอบสวนก่อน ถ้าผิดก็ว่าไปตามผิด


ตร.จราจรจอมเทียนกรรโชกทรัพย์คนเสพยา

              เหตุการณ์รวบตำรวจ 4 นาย นอกรีตขู่กรรโชกทรัพย์ผู้ต้องหาเสพยาบ้า ได้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น. พล.ต.ต.จำนงค์ รัตนกุล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.สมนึก จันทร์เกตุ ผกก.สภ.บางละมุง และพ.ต.อ.เกียรติพงษ์ นำลา ผกก.สภ.นาจอมเทียน สนธิกำลังร่วมเข้าจับกุมตัว ร.ต.อ.สมพร สุ่มมาตย์ รองสารวัตรจราจร ประจำตู้ยามจุดโรงแรมแอมบาสเดอร์ ซิตี้ จอมเทียน พัทยา ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี พร้อมลูกน้องรวม 3 นาย ประกอบด้วย ด.ต.วีระพงษ์ บุดดาจันทร์ ตำรวจจราจร นายนิพนธ์ เย็นกมล อาสาจราจร และนายบุญลือ สีบท อาสาจราจร ข้อหา ร่วมกันกรรโชกทรัพย์ผู้อื่น พร้อมของกลางเงินสด 5,000 บาท

              จากการจับกุมตำรวจนอกรีตในคดีนี้ สืบเนื่องจากขณะที่เจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นาย นำโดย ร.ต.อ.สมพรตั้งจุดตรวจวินัยจราจร บนถนนสุขุมวิทบริเวณหน้าตู้ยาม ได้ทำการจับกุมตัวนายเจ (นามสมมุติ)   อายุ 18 ปี ชาวจังหวัดตรัง ขณะขี่รถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียนชลบุรี จากนั้น ได้นำตัวไปทำการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด เมื่อพบว่าเป็นสีม่วง จึงได้ทำการข่มขู่พร้อมเรียกเงินประกันตัว เป็นเงิน 5,000 บาท เจ้าทุกข์จึงได้ติดต่อโทรศัพท์ไปยังแฟนสาวชาวจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้ไปนำเงินที่ผู้ปกครองมาประกันตัวออกไป แต่ทางญาติเกรงไม่ได้รับความปลอดภัย และกลัวถูกหลอก จึงร้องเรียนไปยังหน่วยงานตำรวจ

              ต่อมา พล.ต.ต.จำนงค์ รัตนกุล ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ได้สั่งการเร่งด่วนให้ผู้กำกับ สภ.บางละมุง และสภ.นาจอมเทียน สนธิกำลังร่วมตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ก่อนทำการวางแผนให้แฟนนายเจนำเงิน 5,000 บาท เข้าไปประกันตัวแฟนหนุ่ม ที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในตู้ยาม เมื่อเห็นว่านายเจได้ถูกปล่อยตัวเป็นอิสระ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม แม้ขณะจับกุม ร.ต.อ.สมพรจะไม่อยู่ภายในตู้ยาม แต่เจ้าทุกข์ยืนยันว่า อยู่ด้วยขณะมีการเรียกเก็บเงิน จึงได้ควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นาย ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี เบื้องต้น ทั้งหมดให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา และได้ประกันตัวออกไปเป็นที่เรียบร้อย ส่วนทางด้าน นายเจตรวจสอบแล้วมีความผิดจริง จึงถูกดำเนินคดีในข้อหาเสพยาบ้า

              ด้าน พ.ต.อ.เกียรติพงษ์ นำลา ผกก.สภ.นาจอมเทียน เปิดเผยว่า แม้เจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นาย จะเป็นลูกน้องที่อยู่ในการบังคับบัญชาโดยตรง การสอบสวนจะไม่เอียงข้างใดข้างหนึ่ง ยืนยันจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย เบื้องต้นได้สั่งพักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นาย จนกว่าการสอบสวนคดีจะสิ้นสุด และหากพบว่ามีความผิดจริง ก็จะลงตามกฎหมายโดยไม่มีข้อยกเว้นอย่างเด็ดขาด


ตร.ปากน้ำโพรวบแก๊งค้ายาบ้า

              เมื่อเวลา 11.00 น.พ.ต.ท.จิรศักดิ์ มหึเมือง รอง ผกก.ป.สภ.เมืองนครสวรรค์ ได้แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดได้ผู้ต้องหา 3 คนคือนายจิระศักดิ์ พงษ์อุบล อายุ 22 ปี อบู่บ้านเลขที่ 1181/3 หมู่ 10 ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ นายศราวุธ วงษ์ทอง อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48/2 หมู่ 3 ต.แควใหญ่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ และนางสาวสร้อยสุนีย์ คงกล่อม อายุ 24 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99/6 หมู่ 4 ต.แควใหญ่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ พร้อมด้วยของกลางยาบ้าจำนวน 761 เม็ด รถจักรยานยนต์คาวาซากิ สีน้ำเงิน-ดำ ทะเบียน ขกต 690 นครสวรรค์ 1 คัน โดยผู้ต้องหาทั้งหมดถูกตำรวจจับกุมได้ที่บริเวณถนนหน้าโรงแรมวาเลนไทน์ ต.นครสวรรค์ตก อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ขณะนำยาบ้ามาส่งลูกค้าในงานตรุษจีนที่ผ่านมา
 
              พ.ต.ท.จิรศักดิ์ เปิดเผยว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้รับยาบ้าจากเอเย่นต์ คนหนึ่งชื่อ กิ๊ก เวลานี้ถูกจับกุมที่ จ.เชียงใหม่ในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยรับยาบ้ามาเม็ดละ 50 บาท มาขายเม็ดละ 250 บาท ซึ่งยาบ้าจะส่งมาทางรถโดยสารจากเชียงใหม่ โดยผู้ต้องหาทั้งหมดนี้จะตะเวรส่งยาให้ลูกค้าในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์ อาศัยช่วงเทศกาลตรุษจีนเร่งส่งยาบ้า หวังนำเงินมาต่อยอกเพื่อไปรับยาบ้ามาขายอีก แต่ตำรวจตั้งด่านสามารถจับกุมได้ทั้งหมด

              ทั้งนี้ผู้ต้องหาแก๊งนี้มีชื่อแก๊งว่าแก๊งหน้าป้ายอุทยานนครสวรรค์ พฤติกรรมจะนำยาบ้าใส่ในถุงยางอนามัย มีผู้หญิงซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ เมื่อถูกตรวจจะทำการกลื่นยาบ้า หรือนำยาบ้าใส่ในรูทวาร รอดการถูกจับมาหลายครั้งแล้ว แต่ตำรวจได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมมานาน ในที่สุดก็สามารถจับได้ยกแก๊ง เพราะผุ้ต้องหาคิดว่าตำรวจไปทุ่มให้งานตรุษจีน เลยอาศัยเวลาช่วงค่อนแจ้งส่งยาบ้า


ตำรวจน่านออกกวาดล้างอาชญกรรมพบไร่ฝิ่น

              เมื่อเวลา 06.30 น.พล.ต.ต.ฉลองชัย บุรีรัตน์ ผบก.ภ.จว.น่าน ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.วีระชัย บั้งเงิน รอง ผบก.ภ.จว.น่าน , พ.ต.อ.สิทธิชัย ทนันไชย ผกก.สภ.เมืองน่าน, พ.ต.ท.สุวัฒน์ จินดาวรรณ สวป.สภ.เมืองน่าน,ร.ต.ท.ถนัด สุวาสน์ รอง สว.สส.สภ.เมืองน่าน พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวนจำนวนหนึ่ง ได้ร่วมกันออกสกัดกั้น ตั้งจุดตรวจบริเวณเส้นทางบ้านชาวเขา เขตบ้านสมุนใหม่ หมู่ 16 ต.สะเนียน อ.เมือง จ.น่าน ที่คาดว่ากลุ่มผู้ค้าและลักลอบกระทำความผิด พรบ.ยาเสพติด พรบ.ป่าไม้ ตามนโยบายของ ภบช.ภาค 5 ที่ให้กวาดล้าง กดดัน กลุ่มเหล่านี้ให้หมดไป
 
              ทั้งนี้  เจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังเดินเท้า ตามเส้นทางหลังบ้านสมุนใหม่ ได้พบแปลงปลูกฝิ่น 1 แปลง อยู่ข้างลำห้วยท้ายหมู่บ้านจึงได้ร่วมกันตรวจสอบพร้อมร่วมกันทำลายทันที และห่างจากจุดเดิมประมาณ 2 กม.พบอีก 2 แปลง ซึ่งปลูกผสมผสานกับผักกาดเช่นกัน ได้สั่งให้ชุดสืบสวนออกหาติดตามหาเจ้าของ เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี
 
              พ.ต.อ.วีระชัย กล่าวว่า ในวันนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ออกทำงานตามนโยบายของ ทางหน่วยเหนือตามที่ได้รับมอบหมาย ให้เกาะติดหมู่บ้านเป้าหมาย เพื่อติดตามการทำงานและการขยายตัวของเครือข่ายยาเสพติดในเขตรับผิดชอบและเฝ้าระวัง และปราบปรามยาเสพติดทุกประเภทให้หมดสิ้น โดยจะใช้วิธีการทุกรูปแบบ ในวันนี้ต้องถือว่าเจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าว ทำงานได้ผลระดับหนึ่ง จากการกระจายกำลังกันทำงานในพื้นที่ๆได้รับมอบหมาย สามารถตรวจพบแปลงปลูกฝิ่นขนาดเล็ก ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบัน ผู้ปลูกจะใช้พื้นที่ขนาดเล็ก ปลูกปะปนกับผัก แต่ปลูกหลายจุด เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ หากไม่เข้าไปตรวจสอบอย่างถ้วนถี่ก็จะไม่พบ


ตร.ถลางระดมกวาดล้างยาเสพติด

              เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมชั้น 3 สถ.ถลางพ.ต.อ.วิฑูรย์ กองสุดใจ ผกก.สภ.ถลาง พร้อมด้วยพ.ต.ท.วีรยุทธ สิทธิรัตนกุล สว.สส.สภ.ถลาง, พ.ต.ท.ประสาน โตวอน สว.จร.และเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายวัชระ พันธุ์ทิพย์ และนายภานุพันธ์ กาญจนปราโมทย์ พร้อมด้วยของกลางประกอบด้วย ยาบ้าจำนวน 1,783 เม็ด ยาไอซ์ 179 กรัม ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนในข้อหามียาเสพติดให้โทษประเภท1(ยาบ้า,ยาไอซ์)ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมายสำหรับการจับกุมในครั้งนี้

              พ.ต.อ.วิวิฑูรย์ กองสุดใจ ผกก.สภ.ถลาง กล่าวว่า ด้วยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายว่ามีรถยนต์เก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีขาวทะเบียน กบ- 7212 ภูเก็ตน่าจะมีสิ่งของผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ จนกระทั่งเวลาประมาณ 23.20น.ของวันที่ 25 มกราคม 2555ทางเจ้าหน้าที่พบรถคันดังกล่าวจอดรถอยู่ริมถนนสายท่าเรือ - ป่าคลอกทางเจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนและทำการเข้าตรวจค้นโดยรถยนต์คันดังกล่าวมีนายวัชระ พันธุ์ทิพย์ เป็นเจ้าและเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายวัชระได้ขับรถยนต์คันดังกล่าวหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตาม จนสามารถจับกุมตัวได้ในที่สุด

              จากการตรวจค้นภายในรถพบยาบ้าจำนวน 1,763 เม็ด ยาไอซ์จำนวน 3 ถุงน้ำหนัก รวมประมาณ 179 กรัม จึงได้ควบคุมตัวพร้อมทั้งนำตัวไปทำการสอบสวนเพิ่มเติมและจากการสอบสวนทราบว่า นายวัชระได้รับยาบ้าจากที่บ้านเมืองใหม่ ต.เทพกระษัตรี จำนวน 4,000 เม็ด และยาไอซ์อีก 400 กรัม โดยมีคนนำไปวางไว้ข้างถนน เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2555 ที่ผ่านมา จากนั้นก็ได้นำไปขายให้กับกลุ่มวัยรุ่นในตัวเมืองภูเก็ต โดยมีนายบ่าวไม่ทราบชื่อ- สกุลซึ่งเป็นผู้ต้องขังในคดียาเสพติดที่เรือนจำนครศรีธรรมราชเป็นผู้โทรศัพท์สั่งให้ไปเอาแล้วนำไปส่งให้กับลูกค้าดังกล่าว

              นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังได้ขยายผลเข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 29/2 ม.3ต.ป่าคลอก ซึ่งเป็นบ้านของนายอ๊อฟ ไม่ทราบชื่อ -3กุลจริงโดยไม่พบตัวและจากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนยาวขนาด .22จำนวน 1 กระบอก, กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 28 นัด, กระสุนปืนขนาด.38 และเอ็ม 16 อย่างละ 1 นัด จึงได้ตรวจยึดไว้ตรวจสอบและเจ้าหน้าที่ยังได้ขยายผลเข้าทำการตรวจค้นบ้านเลขที่ 55/2 ม.11 ต.เทพกระษัตรี ของนายภานุพันธ์ กาญจนปราโมทย์ ผลการตรวจค้นปรากฏว่าพบยาบ้าจำนวน 20 เม็ด จากการสอบถามนายภานุพันธ์ รับสารภาพเป็นเจ้าของยาบ้าจำนวนดังกล่าวโดยรับมาจากนายวัชระ จำนวน 200 เม็ด แต่ได้จำหน่ายไปแล้วบางส่วน เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมและขยายผลต่อไป

ผบช.ภาค8 เร่งช่วยเหลือตำรวจที่ถูกแก๊งยาบ้าจ่อยิงเสียชีวิตขณะล่อซื้อ

              พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เปิดเผยถึงกรณีที่ ส.ต.ท.สุรินทร์ เมืองทิพย์ ตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด จังหวัดชุมพร ถูกผู้ค้ายายิงเสียชีวิตขณะกำลังล่อซื้อยาในพื้นที่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ช่วงรอยต่อกับ อ.ละแม จ.ชุมพร เสียชีวิตนั้น  โดยความช่วยเหลือเบื้องต้นได้ช่วยเหลือเงินส่วนตัวจาก ”กองทุนเพ็ญสูตร” จำนวน 1 หมื่นบาทไปก่อน ซึ่งกองทุน”เพ็ญสูตร” จัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือตำรวจได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่

              ส่วนสวัสดิการตำรวจ พิจารณาตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตามขั้นตอน โดยได้ประชุมร่วมกับคณะทำงานไปแล้ว อยู่ในกระบวนการการพิจารณายังระบุแน่ชัดไม่ได้ในตอนนี้ นอกจากนั้นทาง ปปส.ภาค 8 แจ้งมาว่า ทางสำนักงาน ปปส.มีงบประมาณ การช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานปราบปรามยาเสพติดกรณีที่เสียชีวิตจำนวนหนึ่งเช่นกัน โดยอยู่ในระหว่างการดำเนินการตามระเบียบของ ปปส.
 
              ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดวันนี้ พล.ต.ท.สันติ เพ็ญสูตร ผบช.ภาค 8 เดินทางไปเคารพศพ สิบตำรวจโทสุรินทร์ เมืองทิพย์ แสดงความเสียใจกับญาติพี่น้องของตำรวจที่เสียชีวิต และให้กำลังใจกับตำรวจชุดปฎิบัติหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด


 ตร.ดินแดงกว่า200นายตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด

              เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สน.ดินแดง   พ.ต.อ.เฉลิมเกียรติ อัมรากระสินธ์ ผกก.สน.ดินแดง พร้อมด้วยพ.ต.ท.สุวิรัตน์ ทับทิมพรรณ์ รองผกก.สส.สน.ดินแดง  พ.ต.ท.ณฐภัทร คูหาทอง พ.ต.ท.ประเสริฐ ชะเอมทอง สว.สส.สน.ดินแดง นำข้าราชการตร.สน.ดินแดงจำนวน 194 คน ตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด ตามโครงการตำรวจสีขาว เทิดไท้องศ์ราชันย์ 84 พรรษา เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและเสริมภาพพจน์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามนโยบายปราบปรามยาเสพติด

              ภายหลังการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดทางพ.ต.ท.สุวิรัตน์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากโครงการดังกล่าวนั้นก่อตั้งขึ้นเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตร.ทุกคนตระหนักว่าตำรวจเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายควบคุมผู้กระทำผิดในการนำผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมาดำเนินคดี ซึ่งหากมีเจ้าหน้าที่ตร.มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ายาเสพติดก็จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียมายังสถาบันตำรวจ ก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในประชาชน  รวมทั้งแสดงบริสุทธิ์ใจและสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนว่าตำรวจไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด  ซึ่งหากตรวจพบว่าผลตรวจของเจ้าหน้าที่รายใดสารเสพติดก็จะสั่งตั้งกรรมการสอบสวนก่อนจะพิจารณาให้ออกจากราชการ โดยก่อนหน้านี้ทางพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รองผบช.น.ได้ทำการสุ่มตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดที่สน.ห้วยขวางมาแล้ว เบื้องต้นไม่พบเจ้าหน้าที่ตร.ที่มีผลตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วงแต่อย่างใด


ตร.อ่างทองร่วมมือป้องกันปราบปรามยาเสพติด

              เมื่อเวลา 11.30 น. ที่หอประชุมตำรวจภูธรจังหวัดอ่างทอง พล.ต.ต. วัฒนา เขตร์สมุทร ผบก.ภ.จว.อ่างทอง พร้อมด้วย พ.ต.อ. ชูเดช กองกันภัย รอง ผบก. ภ.จว. อ่างทอง หัวหน้าสถานีทั้งจังหวัดอ่างทอง และนายร้อยใหม่ที่ย้ายมาหรือติดยศใหม่รับตำแหน่งของจังหวัดอ่างทอง ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามปัญหายาเสพติดของจังหวัดอ่างทอง หลังจากนั้น ผบก.ภ.จว.อ่างทอง ได่ให้โอวาทกับนายร้อยที่ย้ายมาหรือหรือมาติดยศใหม่ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

              พล.ต.ต. วัฒนา กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้ปัญหายาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติโดยมีการปราบปรามผู้ผลิต ผู้ค้า เพื่อลงโทษอย่างจริงจังเพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลโดยยึดหลัก 7 แผน 4 ปรับ 3 หลัก 6 เร่ง โดยใช้พลังมวลชน เป็นปัจจัยสำคัญในการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด ดังนั้น เพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดที่อยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจภูธรจังหวัดอ่างทอง เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบังเกิดประสิทธิผลสูงสุด จึงได้มีการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดเจ้าหน้าที่ตำรวจของจังหวัดอ่างทองทุกนาย จะได้ร่วมมือร่วมใจในการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่องและจริงจังหวังว่ายาเสพติดจะหมดไปจากจังหวัดอ่างทอง

              พล.ต.ต. วัฒนา กล่าวอีกว่า ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสถานีก็ทำการจับกุมปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่อง แต่ก็ยังมีการลักลอบจำหน่ายกันอีกเป็นจำนวนมากจึงต้องเร่งให้ตำรวจออกจับกุมยาเสพติดอย่างหนักเพื่อจังหวัดอ่างทองจะปลอดยาเสพติด


จับตร.พิษณุโลกตรวจฉี่หาสารเสพติด

              ที่บริเวณกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก พล.ต.ต.ธรรมนูญ เพชรบุรีกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก เป็นประธานเปิดโครงการตำรวจสีขาว เทิดไท้องค์ราชัน 84 พรรษา เอาชนะยาเสพติด โดย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก เป็นบุคคลแรกที่นำปัสสาวะมาตรวจหาสารเสพติด เพื่อเป็นแบบอย่างให้เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชา ก่อนดำเนินการนำเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1,704 นาย จาก 18 สถานี ในพื้นที่ 9 อำเภอของจังวัดพิษณุโลกตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ซึ่งการตรวจหาสารเสพติดของเจ้าหน้าที่ตำรวจครั้งนี้ เพื่อต้องการเป็นแบบอย่างให้ประชาชน ให้ประชาชนยอมรับการทำงานของตำรวจ เนื่องจากตำรวจเป็นผู้ทำหน้าที่ในการปราบปรามยาเสพติด และเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายจะต้องไม่เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และต้องการสนองแนวพระราชดำริเรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด รองรับคำสั่งศูนย์อำนวยการพลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด แห่งชาติ ที่ 13/2554 เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2554 เรื่องโครงการ 84 พรรษา เทิดไท้องค์ราชัน เอาชนะยาเสพติด
 
              พล.ต.ต.ธรรมนูญ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตำรวจจังหวัดพิษณุโลก เรามีการตรวจคัดกรองหาสารเสพติดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ไม่ได้ตรวจสอบทั้งหมด และผลการตรวจสอบที่ผ่านไม่พบว่ามีเจ้าน้าที่ตำรวจมีสารเสพติดแต่อย่างใด แต่ครั้งนี้ได้ขอความร่วมมือ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 พิษณุโลก สนับสนุนเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจหาสารเสพติดกับตำรวจ ในสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก ทุกนายตั้งแต่ระดับผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลงไปถึงชั้นตำรวจระดับประทวน และผู้ทำงานในโรงพักทุกแห่งต้องตรวจหาสารเสพติดด้วย หลังจากผลการตรวจสอบแล้วพบว่าตำรวจรายใดมีปัสสาวะสีม่วง จะลงโทษทางวินัย และให้ออกจากราชการ