ข่าว

ตร.ยัน'อดีตเมียโดโด้'ไม่พันแก๊งยา

ตร.ยัน'อดีตเมียโดโด้'ไม่พันแก๊งยา

22 ม.ค. 2555

"คำรณวิทย์" รรท.ผบช.ภ.1 ยันอดีตเมีย "โดโด้" ไม่เกี่ยวแก๊งค้ายา หลัง ตร.ค้นบ้านที่ปล่อยให้เช่าพบยานับพันล้าน ขณะที่ "จิรายุ" จี้ปปง.สอบอ้างเกรงเชื่อมโยงฝ่ายค้าน ด้าน "เฉลิม" ดันแนวคิดสร้างคุกยาเสพติดตัดวงจรค้ายาผ่านคุก

            วันที่ 22 ม.ค.  พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.ภ.1 กล่าวถึงกรณีบ้านเช่าย่านปทุมธานีที่ผู้ต้องหานำยาเสพย์ติดมาเก็บไว้ซึ่งเป็นบ้านของนางจริญญา หาญณรงค์ หรือลูกตาล อายุ 41 ปี ดารานักแสดงชื่อดังและอดีตภรรยานายยุทธพิชัย ชาญเลขา หรือโดโด้ว่า จากการสืบสวนแล้วพบนางจริญญาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนร้าย เพียงแค่ให้เช่าบ้านเท่านั้น ซึ่งในวันที่ 23 ม..ตนได้เรียกชุดสืบสวนประชุมติดตามความคืบหน้าของคดีอีกครั้ง

              พล.ต.ต.คำรณวิทย์  กล่าวถึงผลคดีดังกล่าวว่า ล่าสุดได้ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ของ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และชุดของตำรวจภูธรภาค 1 ติดตามจับกุมผู้ต้องหาและได้ส่งหมายจับไปตามด่านทั่วประเทศเพื่อกันการหลบหนีออกนอกประเทศ เชื่อว่าคนร้ายยังหลบหนีอยู่ในประเทศไทย พร้อมทั้งกำลังตรวจสอบว่า เชื่อว่าคนร้ายคนเดียวไม่สามารถทำได้ขนาดนี้ น่าจะเป็นการทำเป็นขบวนการ ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่


"จิรายุ"จี้ปปง.สอบอ้างเกรงเชื่อมโยงฝ่ายค้าน


              ที่พรรคเพื่อไทยเมื่อเวลา 14.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ได้นำเอกสารซึ่งเป็นรูปหน้าปกนิตยสาร ฉบับหนึ่งเดือน ก.ย.2554 โดยอ้างว่าผู้หวังดีส่งรูปมาให้ทางเว็บไซต์  โดยเป็นภาพของนางจริญญาถ่ายคู่กับนักการเมืองซึ่งเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่งมาแถลงข่าว โดยระบุว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่า บ้านของนางจริญญานั้นเกี่ยวข้องกับนักการมืองซีกฝ่ายค้านคนไหน

              "ขอเรียกร้องไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบการฟอกเงิน (ปปง.) ไปตรวจสอบให้ดีว่า บ้านเช่าหลังนั้น เจ้าของบ้านไม่เคยไปดูหรืออย่างไร ทั้งนี้ ฝากไปยังรัฐบาลให้ช่วยสอบเส้นทางการเงินให้ดีด้วย เพราะบ้านหลังใหญ่โตแต่ไม่มีใครรู้ ซึ่งถือว่าน่าตื่นเต้น"  นายจิรายุ  กล่าว

 

ตร.เชียงรายปะทะแก๊งค้ายาดับ1เจ็บ1


              วันเดียวกันเวลา 18.00 น. ตำรวจ สภ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย นำโดย ร.ต.อ.ศิริวัฒน์ ปริญญา ร.ต.ท.ทัตตวีร์ ด่านพิทักษ์ตระกูล ร.ต.ต.ศิราวุฒิ ทูลกำลัง และ ด.ต.โยธิน แก้วคำอ้าย นำรถยนต์สายตรวจตระเวนพื้นที่บริเวณบ้านจะลอ หมู่ 10 ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย พบวัยรุ่นขี่รถจักรยานยนต์มา 2 คน จึงเรียกให้หยุดเพื่อตรวจค้น ทราบชื่อคือนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี และนายบี (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ได้ขอตรวจปัสสาวะ และโทรศัพท์เรียกผู้ปกครองมาร่วมในการตรวจปัสสาวะ ผ่านไปประมาณ 30 นาที รถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์ทอง ไม่ทราบทะเบียน ขับผ่านมาโดยมีชายฉกรรจ์กว่า 10 คน อาวุธครบมือกระหน่ำยิงใส่ตำรวจประมาณ 5 นาที แล้วขับหนีไปอย่างรวดเร็ว หลังจากเสียงปืนสงบพบว่า ร.ต.ต.ศิราวุฒิ อายุ 50 ปี ถูกยิงเสียชีวิต และ ด.ต.โยธิน อายุ 42 ปี ถูกยิงที่บริเวณหัวไหล่ขวาบาดเจ็บสาหัส

              จากการตรวจสอบจุดเกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 และอาก้า ตกอยู่บริเวณที่เกิดเหตุจำนวนมาก สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุคาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มขบวนการที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน



"เฉลิม"ดันแนวคิดสร้างคุกยาเสพติดตัดวงจรค้ายาผ่านคุก


              ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนมีแนวคิดที่จะสร้างคุกยาเสพติดแยกต่างหาก เพื่อตัดสัญญาณโทรศัพท์ ตัดวงจากค้ายาเสพติดผ่านคุก ไม่อย่างนั้นมันแก้ปัญหาเสพติดที่ระบาดหนักไม่ได้ เช่น นักโทษข้อหาอื่นเมื่อไปรวมกันมันกลายเป็นมารวมกัน อย่างมือปืนรับจ้างเข้าไปติดคุกพอพบกับนักโทษยาเสพติดดังนั้นมันต้องพูดคุยกันเชื่อมต่อกัน มันก็พัฒนาไปเป็นพ่อค้ายาเสพติดต่อไป

              "เรื่องนี้ไทยปล่อยปละละเลยกันมานาน ได้แต่พูด จริงๆยาเสพติดไม่ได้เกิดในบ้านเรา ดังนั้นต้องเป็นวาระภูมิภาค ต้องเปิดให้โลกรู้ว่ายาเสพติดมันเกิดจากที่อื่น โดยผมจะประสานกับ ปปส.ของประเทศในกลุ่มอาเซียนเพื่อร่วมกันหาแนวทางไปพูดคุยกับพม่า เพื่อร่วมกันแก้ปัญหายาเสพติดอย่างจริงจังต่อไป"ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว

 

รมว.ยธ.ปัดแนวคิดสร้างคุกใหม่ของ“เฉลิม”


               พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวกับ "สำนักข่าวเนชั่น" ถึงแนวคิดของ ร.ต.อ.เฉลิมว่า กรมราชทัณฑ์ได้คัดแยกผู้ต้องขังคดียาเสพติดออกจากผู้ต้องขังคดีทั่วไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขยายหรือเชื่อมโยงเครือข่ายยาเสพติดทั้งในและนอกเรือนจำ ส่วนนักโทษที่มีพฤติการณ์เป็นนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ กรมราชทัณฑ์ได้แยกคุมขังภายในแดนความมั่นคงสูงของเรือนจำกลางคลองไผ่ จ.นครราชสีมา และเรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี ซึ่งติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือเพื่อป้องกันการลักลอบนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปใช้สั่งซื้อขายยาเสพติดจากในเรือนจำ

              “เรื่องการสร้างเรือนจำใหม่เพื่อแยกขังนักโทษคดียาเสพติดคงต้องไปสอบถามรายละเอียดจากร.ต.อ.เฉลิม แต่สำหรับกระทรวงยุติธรรมยังไม่มีงบประมาณและแนวคิด เพราะเรือนจำที่มีอยู่ได้แยกการคุมขังแล้ว และจัดให้มีแดนความมั่นคงสูงเพื่อควบคุมอย่างเข้มงวด ” พล.ต.อ.ประชากล่าว

              ด้านนายกอบเกียรติ กสิวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงยุติธรรมเคยเสนอของบประมาณเพื่อก่อสร้างเรือนจำซุปเปอร์แม็กซ์ เพื่อคุมขังนักโทษกลุ่มฮาร์ดคอร์ โดยออกแบบให้มีห้องขังเดี่ยวและห้องขังย่อยใช้คุมขังนักโทษห้องละไม่เกิน 10 คน ภายในเรือนจำจะควบคุมด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เพื่อตัดความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ต้องขัง หัวใจคือการติดต่อสัมพันธ์ระหว่างผู้คุมกับนักโทษต้องมีน้อยที่สุด เนื่องจากผู้ต้องขังคดียาเสพติดมีฐานะทางการเงิน จึงสามารถใช้เงินซื้อได้ทุกอย่าง แต่โครงการดังกล่าวไม่ได้รับการอนุมัติงบประมาณ กรมราชทัณฑ์จึงปรับปรุงพื้นที่ในเรือนจำกลางเขาบิน ให้เป็นแดนความมั่นคงสูงติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์แต่มีปัญหาซึ่งยังเป็นอุปสรรคทำให้ประสิทธิภาพไม่เต็ม 100 %

              “เดิมเราติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ภายในเรือนนอนก็ถูกนักโทษลักลอบนำน้ำมาหยอดหรือทุบทำลายให้เครื่องชำรุด กรมราชทัณฑ์จึงเปลี่ยนวิธีมาเป็นการตั้งเสาเพื่อตัดสัญญาณจากนอกเรือนจำ แต่มีบางจุดที่เป็นจุดอับจึงสามารถใช้โทรศัพท์ได้บางช่วงเวลา นอกจากนี้ยังพบว่านักโทษพยายามลักลอบนำโทรศัพท์ระบบผ่านดาวเทียมเข้าไปใช้ทดแทนโทรศัพท์ที่ถูกตัดสัญญาณ”รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าว

              สำหรับแนวความคิดในการแยกคุมขังนักโทษคดียาเสพติด ริเริ่มขึ้นตั้งแต่ยุคที่ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จึงมีการก่อสร้างทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางขึ้นภายในบริเวณใกล้เคียงกับเรือนจำกลางคลองเปรม และได้ใช้เรือนจำดังกล่าวคุมขังนายสยาม ทรัพย์วรสิทธิ์ หรือภาพ 70 ไร่ แต่แนวคิดดังกล่าวไม่สามารถตัดวงจรยาเสพติดได้ เนื่องจากผู้ต้องขังคดียาเสพติดทั่วประเทศมีจำนวนมากกว่า 120,000 คน หรือคิดเป็น 60% ของผู้ต้องขังหมด ทั้งนักโทษรายสำคัญ รายใหญ่ และรายย่อยต่างมีพฤติการณ์สั่งซื้อขายยาเสพติดจากในเรือนจำทั้งสิ้น เพราะรายได้จากการขายยาเสพติดมีมูลค่ามหาศาล ส่งผลให้เจ้าหน้าที่เรือนจำถูกหว่านล้อมให้เข้าร่วมเป็นเครือข่าย ลักลอบนำโทรศัพท์มือถือเข้ามาในเรือนจำ หรือเป็นนกต่อส่งข้อความให้กับญาติหรือเครือข่ายยาเสพติดนอกเรือนจำ บางรายที่สอบสวนพบ เจ้าหน้าที่ได้รับเงินค่าจ้าง 20,000 บาทต่อการส่งโทรศัพท์ให้นักโทษ 1 ครั้ง ซึ่งถือเป็นรายได้ที่มากกว่าเงินเดือนทั้งเดือนที่ได้รับอยู่เพียง 15,000 บาท
             

              ดังนั้นจึงมีแนวคิดที่จะสร้างแดนความมั่นคงสูง พร้อมติดตั้งเครื่องตัดสัญญาณโทรศัพท์ ในเรือนจำกลางเขาบิน เรือนจำกลางคลองไผ่ เรือนจำกลางพิษณุโลก เรือนจำกลางระยอง เพื่อตัดช่องทางการสื่อสารผ่านโทรศัพท์มือถือของนักโทษ แต่ยังพบความพยายามในการติดต่อสั่งซื้อขายยาเสพติดผ่านญาติในห้องเยี่ยม รวมถึงการติดต่อระหว่างญาติของนักโทษกับผู้คุม