ข่าว

'ทอม'มอบตัวสู้คดีแทงเพื่อนสาวดับ

'ทอม'มอบตัวสู้คดีแทงเพื่อนสาวดับ

18 ม.ค. 2555

ทอมมอบตัวสู้คดีแทงเพื่อนสาวดับคาห้องพักย่านจตุจักร เหตุหึงหวงแฟนสาวเริ่มตีตัวออกห่าง คบหาผู้ชายแท้ ๆ เจ้าตัวรับไม่ได้บุกห้องพัก ทะเลาะมีปากเสียงก่อนตบตีใช้มีดแทงเข้าชายโครง นอนจมกองเลือด

               เมื่อเวลา 11.00 น.  วันที่ 18 มกราคม พ.ต.อ. ชาตรี กาญจนกันติ  ผกก.สน.พหลโยธิน พร้อมด้วย พ.ต.ท.กมล สายโอให้ รองผกก.สส. และพ.ต.ท.สุรจิตร์เปลี่ยนประเสริฐ  สว.สส.สน.พหลโยธิน ร่วมกันแถลงผลจับกุม น.ส.มีนธาฌา รุ่งรังสี อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 126 หมู่ 1 ต.หนองไม้กลอง อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นผู้ต้องหาฆ่า น.ส.จุฑารัตน์ เพชรดี อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ 3 ต.สระแก้ว อ.พนมไพร จ.ร้อยเอ็ด ข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

               พ.ต.อ.ชาตรี กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา เมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ได้รับแจ้งเหตุ มีหญิงสาวถูกแทงเสียชีวิตภายในห้องพักเลขที่ 410 ชั้น 4 อาคารทาวเวอร์วัน เลขที่ 15/354 ซ.รัชดา 36 แยก 9 (เสือใหญ่อุทิศ) แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. เมื่อเข้าไปตรวจสอบเจอศพ น.ส.จุฑารัตน์ นอนหงายเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่บนเตียงนอน  ซึ่งจากการสืบสวน ทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ  น.ส.มีนธาฌา ซึ่งมีลักษณะเป็นทอม และเป็นแฟนของผู้ตาย และยังเป็นผู้ลงมือก่อเหตุครั้งนี้ด้วย ส่วนสาเหตุเพราะความหึงหวง เนื่องจากฝ่ายหญิงเริ่มตีตัวออกห่าง กำลังจะคบหาดูใจกับผู้ชายแท้ ๆ  และที่ผ่านมาผู้ตายมักจะถูกผู้ต้องหาทำร้ายตบตี ทำให้เกิดบาดแผลฟกช้ำหลายครั้ง เวลาที่ทะเลาะมีปากเสียงกัน

               จากการสอบสวน น.ส.มีนธาฌา ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุดังกล่าวจริง โดยในวันที่เกิดเหตุ ตนไม่สามารถเข้าไปภายในอาคารดังกล่าวได้  จึงได้ใช้วิธีโทรศัพท์ติดต่อเพื่อนที่รู้จักที่พักในอาคารดังกล่าว ซึ่งพักอยู่ที่ชั้น 3 ของอาคารให้ช่วยมาเปิดประตู เพราะอาคารดังกล่าวเป็นระบบคีย์การ์ด เมื่อเข้าไปด้านในได้ จึงได้เข้าไปที่ห้อง 408 ซึ่งอยู่ติดกับห้องของผู้ตาย ก่อนที่จะปีนระเบียงด้านหลัง ไปยังห้องของผู้ตาย จากนั้นได้มีปากเสียง ทะเลาะตบตีกัน ระหว่างที่ทะเลาะวิวาทกันผู้ตายได้ต่อสู้ และได้หยิบมีดที่ซ่อนไว้ใต้หมอน พยายามที่จะเข้ามาทำร้ายตน

               "ระหว่างที่เกิดการยื้อแย่งกัน ฉันได้เข้าจับข้อมือหักพับไปด้านหลัง ทำให้เกิดการพลาดพลั้ง มีดแทงเข้าลำตัวผู้ตายจากทางด้านหลัง ก่อนที่ผู้ตายจะล้มลงไปนอนที่เตียงนอน สภาพเลือดท่วมตัว  ด้วยความตกใจจึงหยิบมีดออกจากห้อง แล้วรีบลงไปด้านล่าง เรียกรถแท็กซี่ ก่อนที่จะนำมีดไปทิ้งที่คลองลาดพร้าว  จากนั้นได้เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่ตลาดนัดจตุจักร เพื่อเดินเล่น" น.ส.มีนธาฌา กล่าว

               น.ส.มีนธาฌา กล่าวต่อว่า  หลังเกิดเหตุได้ปรึกษากับทางญาติเพื่อที่จะติดต่อเข้ามอบตัว เพื่อสู้คดี เนื่องจากเหตุที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ตนไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่าให้ตาย แต่เกิดอาการพลาดเท่านั้น  ส่วนสาเหตุที่ต้องทำลงไป เพราะเกิดจากอาการหึงหวง เนื่องจากระยะหลัง ๆ ผู้ตายได้โทรศัพท์นัดคุยกับผู้ชายบ่อยครั้ง ทำให้คิดว่า ผู้ตายน่าจะปันใจให้ผู้ชาย จึงเกิดเหตุโต้เถียงทะเลาะวิวาท ทำร้าย จนทำให้เกิดเหตุการณ์สลดดังกล่าวขึ้น

               ด้าน น.ส. ปัณารศรี คล้ายสินธุ์ อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นผู้พักอาศัยห้อง 408 และเป็นพยานในคดีดังกล่าว เปิดเผยว่า  ผู้ตายและผู้ต้องหาคบหากันในลักษณะแฟนทอมกับดี้ และที่ผ่านมา ผู้ตายมักจะถูกผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายเวลาที่ทะเลาะมีปากเสียงกัน ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาเคยเข้ามาที่ห้องของตนก่อนที่จะขอปีนระเบียงห้องจากทางด้านหลัง ปกติระเบียงดังกล่าวคงจะไม่มีใครกล้าปีน นอกจากผู้ต้องหาคนนี้ที่มีความบ้าคลั่งอยู่ในตัว

               "วันเกิดเหตุฉันเชื่อว่า ผู้ต้องหาไม่สามารถเข้าห้องฉันและปีนระเบียงจากทางด้านหลังได้อย่างแน่นอน เพราะฉันไม่ได้อยู่ห้องในเวลาดังกล่าว และผู้ต้องหาก็ไม่มีกุญแจห้องฉันด้วย แต่ผู้ต้องหาน่าจะมีกุญแจสำรองของห้องผู้ตาย เพราะก่อนหน้านี้ผู้ตายกับผู้ต้องหาเคยมีปากเสียงกันอย่างรุนแรง เสียงดังมาก ทำให้ผู้จัดการอาคารไม่อนุญาตให้ผู้ต้องหาเข้าภายในอาคาร แต่วันเกิดเหตุผู้ต้องหาได้พูดจาหว่านล้อมให้เพื่อนที่รู้จักอีกคนที่พักในอาคาร โดยอ้างว่า จะมาเอาสุนัขพันธุ์ ชิสุ ที่เคยซื้อให้ผู้ตายเลี้ยงคืน จึงทำให้สามารถเข้าในอาคารและไปก่อเหตุได้" น.ส.ปัณารศรี กล่าว

               น.ส.ปัณารศรี กล่าวอีต่อว่า ตนเชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะใช้กุญแจสำรองเปิดเข้าห้องผู้ตายเอง หรือผู้ตายอาจจะเปิดประตูห้องให้ เพราะที่ผ่านมามีการทะเลาะกันบ่อยครั้ง ตนเคยเข้าไปเคลียร์ปัญหาให้ ทุกครั้งก็เห็นทั้งคู่กลับมาคืนดีกันตลอด เพราะผู้ต้องหาเป็นคนที่มีคารมดี และชอบเอาใจด้วยการซื้อของ เวลาที่เข้ามาขอคืน สำหรับเหตุครั้งนี้ ตนเชื่อว่า เกิดจากความหึงหวงเพราะเมื่อไม่นานมานี้ เคยได้ยินผู้ตายบอกกับตนว่า กำลังคุยโทรศัพท์ดูใจกับผู้ชายคนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังทราบมาด้วยว่า ทางญาติของผู้ตายพยายามกีดกั้นให้เลิกคบกับผู้ต้องหา เนื่องจากมีปัญหาทะเลาะตบตีกันบ่อยครั้ง และส่วนใหญ่ผู้ตายจะถูกทำร้าย ฟกช้ำมาโดยตลอด 

               ขณะที่ พ.ต.ท.สุรจิตร์ กล่าวว่า หลังจากที่เข้าตรวจค้นที่เกิดเหตุ และได้สอบถามพยานจนกระทั่งสืบทราบมาว่า ผู้ก่อเหตุรายนี้คือใคร ทางเจ้าหน้าที่ไม่อยากที่จะกดดันมาก แต่ก็ได้พยายามติดต่อกับทางญาติเพื่อที่จะให้ผู้ต้องหารายนี้เข้ามามอบตัวเอง เพราะถ้าหากตำรวจไปกดดันมาก อาจจะส่งผลทำให้ผู้ต้องหารายนี้คิดสั้น ฆ่าตัวตายได้ เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีอารมณ์รุนแรง กล้าคิด กล้าทำ และกล้าตัดสินใจ และคำให้การขณะที่มอบตัว กับเวลาที่ไปทำแผนนั้น ยังไม่ตรงกับสภาพที่เกิดเหตุ

               "ผู้ต้องหาอ้างว่า ปีนเข้าทางระเบียงห้อง 408 แต่ได้สอบถามพยานแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันร่องรอยการต่อสู้มีไม่มากนัก สำหรับมีดที่เป็นอาวุธนั้น เป็นอาวุธที่ผู้ต้องหาเตรียมมาเอง ไม่ใช่มีดที่ซ่อนไว้ใต้หมอนของผู้ตาย และในตอนเกิดเหตุผู้ตายถือมีดมือซ้าย ก่อนที่จะเข้ายื้อแย่ง ล็อคจากทางด้านหลัง แล้วหักแขนเข้าทางด้านหลัง แต่บาดแผลที่พบเกิดที่ชายโครงด้านขวา และนอนหงายเสียชีวิต จึงเชื่อว่าผู้ตายน่าจะมีการเตรียมการก่อเหตุ ซึ่งจะต้องสอบสวนให้แน่ชัด ก่อนส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินดคีในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา" พ.ต.ท.สุรจิตร์กล่าว

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการเข้ามอบตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว น.ส. มีนธาฌา ไปทำแผนประกอบคำสารภาพ จุดแรก บริเวณอาคารทาวเวอร์วัน  ตั้งแต่เริ่มเข้าอาคาร  จุดที่ผู้ต้องหาเข้าลิฟท์ ก่อนที่จะเดินไปก่อเหตุที่ห้องพัก 410 และจุดที่ผู้ต้องหานำมีดที่ก่อเหตุไปทิ้งที่คลองลาดพร้าว โดยขณะที่ทำแผนปรากฏว่า ผู้ต้องหายังคงดูเรียบเฉย นิ่ง เป็นปกติ และที่บริเวณท่อนแขนด้านขวา พบร่องรอยขีดข่วน 3-4 แผล ซึ่งแผลดังกล่าวอาจจะเกิดจากการต่อสู้ หรือการคิดทำร้ายตัวเองก็เป็นได้