
ฆ่าตัด'จู๋ช้าง'ส่งตลาดมืดไสยศาสตร์
ฆ่าตัด'จู๋ช้าง'ส่งตลาดมืดไสยศาสตร์ :ทีมข่าวรายงานพิเศษรายงาน
เริ่มต้นศักราชปี 2555 ด้วยภาพข่าว "ศพช้างถูกเผาในป่าแก่งกระจาน" กลุ่มนักอนุรักษ์สัตว์ต่างเมินหน้าหนีจากหน้าจอทีวีพร้อมดวงตาที่แดงระเรื่อ หลายคนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ !!
บ่ายวันที่ 3 มกราคม สื่อมวลชนรายงานข่าวเบื้องต้นว่า พบซากช้างป่าถูกฆ่าแล้วเผาลักษณะคล้ายคนถูกฆ่าเผานั่งยางจนตายไม่ต่ำกว่า 3 ตัว ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน บริเวณป่าละอู ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เนื่องจากมีชาวบ้านไปพบซากบางส่วน พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าไม่ใช่ฝีมือของชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถบนี้อย่างแน่นอน เพราะวิธีการฆ่าผิดแปลกไปจากที่เคยเจอ
เช้าวันรุ่งขึ้น "ดำรงค์ พิเดช" อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เร่งลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ปรากฏว่าพบซากช้างป่าตัวผู้วัย 10 ปีถูกฆ่าเผายางตัดเอางาไป 1 ตัว ส่วนช้างป่าตัวอื่นที่ชาวบ้านอ้างถึงนั้นยังไม่พบ แต่ที่สร้างความตะลึงให้เจ้าหน้าที่คือ ฆาตกรได้เลือกชำแหละเอาอวัยวะบางส่วนที่สำคัญๆ ออกไปจนหมดสิ้น เช่น งาช้าง หาง หน้าผาก และอวัยวะเพศ หรือ "จู๋ช้าง" แม้อธิบดีกรมอุทยานฯ จะยืนยันว่าซากช้างที่พบถือเป็นครั้งแรกของป่าแถบนี้ แต่ชาวบ้านแอบกระซิบว่า ไม่นานมานี้มีคนพบช้างถูกฆ่าตายบริเวณเดียวกันอีก 1 ตัว ถูกชำแหละเอาอวัยวะสำคัญไปเช่นกัน ชาวบ้านจึงช่วยกันฝังกลบซากช้างที่ถูกเผาจนเหลือแต่กระดูกไปแล้ว
หากย้อนไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2553 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานได้ยิงต่อสู้กับกลุ่มพรานโจรล่าสัตว์ป่ามาแล้ว โดยทั้ง 2 ฝ่ายยิงปะทะกันนานกว่า 5 นาที จนฝ่ายพรานป่าถูกยิงเสียชีวิตไป 1 คน กลุ่มพรานโจรที่เหลือ 3 คนหนีรอดไปได้ เมื่อตรวจสอบหลักฐานที่ถูกทิ้งไว้พบซากสัตว์ป่ากว่า 10 ตัว เช่น ลิง ค่าง ถูกเผาไหม้เกรียมและชำแหละเป็นชิ้น ๆ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าจุดประสงค์หลักของพวกมันคือล่าช้างป่าเอางา แต่ลิง ค่างที่ได้เป็นเพียงของแถมเท่านั้น...คดีฆ่าช้างป่าเพื่อตัดงาเป็นปัญหาใหญ่มานานหลายสิบปี แต่กรณีที่ฆ่าแล้วชำแหละตัด "จู๋ช้าง" ออกไปด้วยนั้น ยังไม่เป็นที่กระจ่างนักว่าเอาไปทำอะไร ?
"วรวิทย์ โรจนไพฑูรย์" ผอ.สถาบันคชบาลแห่งชาติ ยอมรับว่า เคยได้ยินการตัดเอางาช้างไปขาย แต่จู๋ช้างนั้นยังไม่แน่ใจว่าเขาจะเอาไปทำอะไรกัน จึงสอบถามไปยังหมอช้างที่เป็นชาวบ้านผู้เกิดอยู่ในตระกูลเลี้ยงช้างมาหลายชั่วอายุคน ทำให้รู้ว่าในอดีตชาวบ้านจะนำจู๋ช้างที่ตายแล้วไปทำเป็นยาดอง หรือยาโด๊ป เพราะเชื่อว่าเพิ่มพลังทางเพศได้ แต่ชาวบ้านบางกลุ่มจะนำจู๋ช้างไปตากแห้งแล้วนำขึ้นไปไว้บนหิ้งบูชา ถือเป็นสิ่งของมงคล ปัจจุบันในตลาดเชื่อว่าราคาสูงไม่ต่ำกว่าหลักหมื่นบาท
หลังจาก "คม ชัด ลึก" สำรวจตลาดค้าสัตว์ป่า ทำให้พบว่ามีการวางขายจู๋ช้างอยู่จริง ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มผู้เชื่อเครื่องรางของขลังหรือของมหาเสน่ห์ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการประกาศขายผ่านหน้าเว็บไซต์ด้วย มีทั้งจู๋ช้างและจิ๋มช้างขาย โดยตั้งราคาไว้เพียงชิ้นละ 3,000-5,000 บาท พร้อมโฆษณาสรรพคุณว่า
"...เป็นของเมตตามหาเสน่ห์ที่หายากมากๆ อีกเช่นเดียวกัน แน่นอนว่าช้างหนึ่งตัวต้องมีจู๋และจิ๋มอย่างละ 1 อันแน่นอนที่สุด เนื่องจากช้างมีอายุขัยยืนมากๆ จึงจัดเป็นของหายากมากที่สุดอีกเช่นเดียวกัน (จู๋และจิ๋มช้างนี้ได้มาจากช้างที่ตายแล้ว ไม่ได้ฆ่ามา เพราะช้างตัวหนึ่งราคาหลายแสนบาทถ้าจะฆ่ามาทำเครื่องรางในราคาเพียงไม่กี่บาทเท่านี้ คงไม่คุ้มแน่นอนที่สุดครับ) สรรพคุณของจู๋ช้างและจิ๋มช้างนี้ ใช้ในเรื่องเสน่ห์เมตตามหานิยม ค้าขาย เข้าหาเจ้านาย หรือเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามได้ดีมากๆ อ.วัฒน์ สัปเหร่อชื่อดังที่สุดใน จ.แพร่ ปลุกเสกด้วยมนต์เสน่ห์ ช้างโขลงของทางเมืองเหนือ เป็นของหายากและน่าเก็บสะสมมากอีกเช่นกันครับ มีจู๋และจิ๋มอย่างละ 1 อันเท่านั้นครับ"
เจ้าของเว็บไซต์ที่นำจู๋ช้างมาประกาศขายอธิบายให้ฟังว่า เว็บไซต์ของตนจะขายเฉพาะเครื่องรางของขลังที่หายากเท่านั้น และเพิ่งจะขายจู๋ช้างและจิ๋มช้างไปอย่างละ 1 ชิ้น เมื่อต้นปีที่แล้ว เนื่องจากเป็นช้างของคนที่รู้จักกัน พอช้างตายเขาจึงเรียกให้ไปเอาอวัยวะเพศช้าง ตนจึงมั่นใจว่าเป็นของแท้ ที่ผ่านมามีผู้มาเสนอขายจู๋ช้างให้หลายครั้งแต่ไม่สนใจเพราะไม่เชื่อว่าจะเป็นของจริง สำหรับผู้ที่มาติดต่อซื้อไปนั้น เป็นกลุ่มคนที่ทำของไสยศาสตร์ เชื่อว่าจู๋ช้างเป็นเครื่องรางทำให้ดูน่าเกรงขาม ทั้งผู้หญิงและผู้ชายจะมีเสน่ห์ทำให้เพศตรงข้ามหมายปอง
"วิธีการเก็บคือต้องตากแห้งไว้เป็นเดือน จู๋ช้างของจริงยาวประมาณ 1 ฟุต ส่วนที่เห็นในภาพเว็บไซต์จะเป็นชิ้นที่ตัดออกมายาวประมาณ 10 ซม. ส่วนจิ๋มช้างยาว 7-8 ซม. ในตลาดไสยศาสตร์มีการซื้อขายจู๋ช้างมานานแล้ว คิดว่าพวกพรานป่าทำตามใบสั่งของลูกค้า ส่วนตัวแล้วผมไม่เห็นด้วยกับการฆ่าช้างเอาจู๋หรืออวัยวะอย่างอื่น แต่ถ้าเป็นช้างที่ตายแล้วก็ควรเก็บอวัยวะพวกนี้ไว้ทำประโยชน์" เจ้าของเว็บไซต์ข้างต้นกล่าว
ด้าน "โซไรดา ซาลวาลา" เลขาธิการมูลนิธิเพื่อนช้าง ยอมรับว่า รู้สึกหดหู่และเศร้าใจมาก เมื่อเห็นข่าวทีวีเรื่องเผาช้างป่าเอางา ทนไม่ไหวต้องเบือนหน้าหนีและลุกเดินไปจากจอทีวี เมื่อถามถึงวิธีแก้ปัญหาการล่าอวัยวะช้าง รวมทั้งการ "เฉาะจู๋+จิ๋มช้าง" นำไปขายนั้น โซไรดายอมรับว่าเป็นเรื่องยากตราบใดที่ตลาดยังต้องการ กลุ่มพรานป่าต้องรีบจัดหาไปให้เพราะค่าตอบแทนที่เย้ายวนใจ อยากเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งออกกฎหมายที่รุนแรงกว่านี้ เพราะบทลงโทษที่ผ่านมาแค่ปรับไม่กี่หมื่นบาทหรือจำคุก 1-2 เดือน และที่สำคัญคือการสร้างค่านิยมให้คนมั่นใจในตัวเองไม่หลงงมงายในไสยศาสตร์ สร้างความรู้ความเข้าใจให้ชุมชนว่าช้างมีประโยชน์อย่างไรต่อสิ่งแวดล้อม
"ตอนนี้เหลือช้างป่าทั้งประเทศแค่ 2,000 กว่าตัว ถ้าไม่รีบสร้างค่านิยมรักษ์ช้าง อีกไม่กี่สิบปีช้างป่าคงเหลือแต่ชื่อในตำนานป่าเมืองไทย..." โซไรดากล่าวทิ้งท้าย
.....................
(หมายเหตุ : ฆ่าตัด'จู๋ช้าง'ส่งตลาดมืดไสยศาสตร์ :ทีมข่าวรายงานพิเศษรายงาน)