
มหาดไทยเด้งล้างบางผู้ว่าฯกลุ่มอำนาจเก่า
เผยฉากหลังมหาดไทยเด้งล้างบางผู้ว่ากลุ่มอำนาจเก่า "สุรพล"ผู้ว่าฯชลบุรีโดนเด้งสังเวยม็อบเสื้อเดง ทำให้ส้มหล่นดัน "เสนีย์" กลับถิ่นเกิด ช้ำสุดว่าที่ร.ต.พงษ์ศักดิ์หนักกว่าเข้ากรุนั่งนักปกครอง
(6พ.ค.) นายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทยได้เสนอรายชื่อข้าราชการระดับ 10 ที่กระทรวงมหาดไทย ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจาณาแต่งตั้งโยกย้าย ทั้งนี้มีผลนับแต่วันที่ทรงกรุณาโปรดเกล้าเป็นต้นไป โดยตำแหน่งลำดับที่ 6 และ 7 ให้นำความกราบบังคมทูลภายหลังจาก ก.พ. ได้มีมติอนุมัติให้ผ่านการประเมินบุคคลและผลงาน โดยบัญชีรายชื่อประกอบด้วย 1. นายวีระวิทย์ วิวัฒนวานิช พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน 2. นายสุรพล พงษ์ทัดสิริกุล พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา
3. นายเสนีย์ จิตตเกษม พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดศรีษะเกษ ไปดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี 4. นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ไปดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมการปกครอง 5. นายระพี ผ่องบุพกิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดศรีษะเกษ และ 6. ว่าที่ร.ต.พงษ์ศักดิ์ พลายเวช พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ให้ดำรงตำแหน่งนักปกครอง 10 กระทรวงมหาดไทย 7. นายวัลลภ พริ้งพงษ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้รายชื่อที่น่าสนใจ คือ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ศรีษะเกษ ดั่งเดิมเป็นคนจังหวัดชลบุรี สำเร็จการศึกษารัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “สิงห์ดำ” เกษียณราชการในปี 2557 เป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันนายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้รับการแต่งตั้งไปเป็นผู้ว่าฯชลบุรี แทนนายสุรพล พงษ์ทัดสิริกุล ผวจ.ชลบุรี สำเร็จการศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ “สิงห์แดง” เกษียณราชการปี 2555 ในอดีตเคยเป็นข้าราชการระดับ 10 ในตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย ผวจ.อำนาจเจริญ ผวจ.สระแก้ว
ล่าสุดถูกฝ่ายการเมืองพิจารณาโยกย้ายไปนั่งผวจ.ฉะเชิงเทรา เพราะฝ่ายการไม่พอใจผลการปฏิบัติงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงบุกเข้าประชิดถึงรถยนต์ประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และเกือบถึงตัวนายกฯได้หลังการประชุมครม.สัญจรที่พัทยาเมื่อต้นเดือนเมษายน กลางเมืองพัทยาจนเกือบเสียชีวิต แต่ปรากฏว่านายสุรพลยังผิดพลาดในการประสานงานกับฝ่ายทหารและฝ่ายปกครองในการควบคุมดูแลสถานการณ์ในช่วงการประชุมอาเซียนจนทำให้กลุ่มเสื้อแดงบุกเข้าไปถึงโรงแรมสถานที่จัดงานและต้องยกเลิกการประชุมไปในที่สุด
จนกระทั่งแกนนำรัฐบาลได้เรียกนายสุรพลไปตำหนิหลายครั้ง แม้นายสุรพลจะพยายามแก้ปัญหาด้วยการล็อบบี้ ด้วยการดูแลเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะฝ่ายการเมืองขึ้นบัญชีดำนายสุรพลไว้เรียบร้อยแล้ว แถมแกนนำรัฐบาลก็ไม่ไว้ใจนายสุรพล เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า นายสุรพลเข้าออกบ้านเมืองทองธานี เพราะมีบ้านอยู่ใกล้กันห่างกันไม่กี่เมตรในหมู่บ้านเมืองทองธานี ทำให้ฝ่ายการเมืองคิดว่านายสุรพลเกียร์ว่าง เพราะเป็นคนของขั้วเพื่อไทย-ประชาราชจึงต้องเด็ดหัวให้เรียบร้อยโดยเร็ว
นอกจากนี้เป็นโอกาสที่ฝ่ายการเมืองต้องการผลักดันนายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าฯศรีษะเกษ ที่สั่งการเป็นสายตรงได้ตลอดเวลาย้ายมาคุมพื้นที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดเกรดเอที่มีผลประโยชน์มหาศาล อีกทั้งยังหวังผลการเลือกตั้งทั้งระดับชาติและระดับท้องถิ่น จึงต้องการส่งคนของตัวเองไปเป็นผู้ว่าฯชลบุรีเพื่อเป็นผลดีต่อการเลือกตั้งทีจะมีขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ส่วนการย้ายนอกฤดูกาลครั้งนี้ที่ถือว่า ชอกช้ำมากที่สุดคงหนีไม่พ้น ว่าที่ร.ต.พงษ์ศักดิ์ พลายเวช สำเร็จการศึกษานิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เกษียณราชการในปี 2553 พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ให้ดำรงตำแหน่งนักปกครอง 10 กระทรวงมหาดไทย ซึ่งถือเป็นการลดชั้นแบบไม่ไว้หน้าและเป็นที่รู้กันดีว่านี่คือตำแหน่งลงโทษที่รุนแรงมาก เพราะขนาดเงินค่าตำแหน่งยังไม่มี
สาเหตุส่วนใหญ่เป็นเพราะฝ่ายการเมืองเห็นว่าที่ร.ต.พงษ์ศักดิ์ขึ้นมารับตำแหน่งผวจ.แพร่โดยขยับจากรองผู้ว่าฯประจวบคีรีขันธ์ในรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ผนวกกับจังหวัดแพร่มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรงของพรรคเพื่อไทยโดยตระกูล “เอื้ออภิญากุล” กับตระกูล "ปราศจากศัตรู"
ซึ่งที่ผ่านมาคนตระกูล "ปราศจากศัตรู" สอบตกตลอด และเริ่มมีสัญญาณว่าอาจมีการเลือกตั้งเร็วๆนี้ทำให้ต้องเด้งว่าที่ร.ต.พงษ์ศักดิ์ออกจากพื้นที่แล้วดันนายวัลลภ พริ้งพงษ์ จากรองอธิบดีกรมส่งเสริมฯ ซึ่งมีอาวุโสเพราะอยู่ในตำแหน่งมานานแล้ว
อย่างไรก็ดีการย้ายผู้ว่าฯพื้นที่สีแดงออกจากพื้นที่อีกคน คือ นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าฯน่าน ซึ่งมีความใกล้ชิดกับแกนนำพรรคเพื่อไทย ซึ่งที่ผ่านมาจังหวัดน่านมีการชุมนุมของคนเสื้อแดงหลายครั้งที่หน้าศาลากลางจังหวัด รวมถึงมีปัญหาเรื่องวิทยุชุมชนในจังหวัดซึ่งฝ่ายปกครองไม่สามารถจัดการควบคุมได้ทำให้เป็นกระบอกเสียงสำคัญในการปลุกระดมให้มีการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในจังหวัดน่านและพื้นที่ใกล้เคียงในภาคเหนือ และเป็นที่รู้กันดีว่าในบรรดาคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาลก็มีเสื้อแดงจากจังหวัดน่านเข้ามาจำนวนมากโดยทางจังหวัดไม่ได้มีการกวดขันสกัดกั้นเท่าที่ควร
ขณะที่นายวีระวิทย์ วิวัฒนวานิช ที่ไปเป็นผวจ.น่านแทน โดยปรับย้ายมาจากจังหวัดฉะเชิงเทรา นั้นเป็นที่รู้กันดีว่าสนิทกับแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินที่จะย้ายไปสังกัดภูมิใจไทย ซึ่งการย้ายครั้งนี้เป็นเพราะฝ่ายการเมืองในพรรคภูมิใจไทยเห็นว่านายวีระวิทย์ จะเกษียณอายุราชการในปี 2553 แต่เห็นว่า พื้นที่ฉะเชิงเทราไม่ค่อยมีอะไรน่าสนใจ เพราะเป็นจังหวัดทางผ่าน เมื่อเทียบกับจังหวัดน่าน ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงและท้าทายกว่าในการแสดงฝีมือให้ฝ่ายการเมืองเห็นเพื่ออนาคตอาจจะกลับมาเล่นการเมืองด้วยการลงสมัครส.ส.ในสังกัดพรรคภูมิใจไทยจึงไม่ขัดข้องในการปรับเปลี่ยนไปอยู่จังหวัดน่าน
โดยรายชื่อข้าราชการระดับ 9 นายระพี ผ่องบุพกิจ รองผวจ.อุทัยธานี สำเร็จการศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็น “ สิงห์แดง ” เป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันเดียวกับนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และรมช.มหาดไทย รวมถึงยังเป็นเพื่อร่วมสถาบันเดียวกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงานรมว.มหาดไทย (ชวรัตน์ ชาญวีรกูล) ที่ได้รับการเสนอแต่งตั้งไปเป็นผู้ว่าฯศรีษะเกษ ทันทีได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเหล่าข้าราชการกระทรวงมหาดไทยเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นการเลื่อนชั้นที่ค่อนข้างเร็วเกษียณราชการในปี 2563 และถูกมองว่า นำคนที่มีอาวุโสน้อยข้ามหัว ขรก.จำนวนมากมานั่งเป็นผู้ว่าฯ ซึ่งทำให้ขรก.มหาดไทยหลายคนวิจารณ์กันเป็นอย่างหนัก
“เพื่อไทย”โดดอุ้มผู้ว่าฯชลบุรี ชี้เป็นแพะทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด
นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ครม.มีมติโยกย้าย 7 ผู้ว่าราชการจังหวัด โดยเฉพาะนายสุรพล พงษ์ทัดศิริกุล ผวจ.ชลบุรี ถูกพิษม็อบเสื้อแดงป่วน การประชุมอาเซียน ที่พัทยา ถูกโยกไปเป็น ผวจ.ฉะเชิงเทรา ว่า การโยกย้ายข้าราชการ คิดว่าวันนี้ข้าราชการต้องยอมรับว่ารัฐบาลชุดปัจจุบัน กล้าใช้อำนาจในการโยกย้ายเพื่อให้พวกพ้องของตนเองให้มีอำนาจมากขึ้น จากกรณีดังกล่าว ต่อไปก็ขอให้ข้าราชการต้องยืนหยัดทำงานตามกฎหมาย อย่าทำงานตามคำสั่งของรัฐมนตรี เพราะทุกวันนี้ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นข้าราชการต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด เมื่อมีปัญหาก็โยกย้ายซึ่ง ไม่ใช่เป็นการแก้ปัญหา แต่เป็นกระบวนการสร้างปัญหาซึ่งความจริงนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบเป็นคนแรกหากบริหารราชการแผ่นดินแล้วบ้านเมืองมีปัญหามากขึ้น
“การที่ครม.จะอนุมัติโยกย้ายใครที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายรัฐบาล ถือว่าเป็นความไม่ชอบธรรม เพราะแม้ข้าราชการพยายามทำตามหน้าที่แล้ว ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ก็กลายเป็นความผิด อย่างกรณีของผู้ว่าฯชลบุรี อยากถามว่าผู้ว่าฯชลบุรี กระทำผิดอะไร จากเหตุการณ์ชุมนุมที่พัทยา จนทำให้ประชุมอาเซียนต้องเลื่อนออกไป ทั้งๆที่มีผู้ใหญ่ทั้งนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี อยู่กันเต็มไปหมด รวมทั้งกองกำลังไม่ทราบฝ่าย แต่แก้ปัญหาไม่ได้ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นกลับโยกย้ายผู้ว่าฯซึ่งยิ่งกว่าแพะรับบาป เพราะไม่รู้ว่ารับบาปแทนใครในเรื่องนี้”นายสงวน ย้ำ