ข่าว

'อรรถพร'เย้ย'จตุพร'เป็นคู่กัดไม่นาน

'อรรถพร'เย้ย'จตุพร'เป็นคู่กัดไม่นาน

25 ธ.ค. 2554

"อรรถพร" เย้ย "จตุพร" คงอยู่เป็นคู่กัดไม่นาน เหตุศาลรธน. กำลังพิจารณาสมาชิกภาพ ส.ส. เชียร์ฉายา "กระดองปูแดง" เหน็บนายกฯเป็นได้แค่หุ่นโชว์ ไม่ใช่ตัวจริง "ถาวร" ค้านแก้รธน. เชื่อยัดไส้ช่วย "ทักษิณ" เตือน หากแก้ “ม. 112”ปรชาชนเป็นแสนร่วมต้านแต่นอน

              25ธ.ค.2554 นายอรรถพร พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่สื่อมวลชนประจำรัฐสภามอบฉายา "คู่กัดแห่งปี" ระหว่างตัวเองกับ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยว่า คงเป็นคู่กัดกันได้อีกไม่นานเพราะนายจตุพร  คงเหลืออายุงานในสภาอีกไม่นานนัก เนื่องจากขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. โดยศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ตนเบาใจขึ้นแต่ตนมีความตั้งใจว่าถ้านายจตุพรพ้นจาก ส.ส. ก็จะไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง หากยังเคลื่อนไหวหรือทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายก็จะยื่นถอนประกันต่อไป ดังนั้นเมื่อไม่มีเอกสิทธิ์นายจตุพรก็ต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ  จะต้องระวังบทบาท จะทำเหมือนอย่างในสภาไม่ได้แล้ว ทั้งนี้คาดว่าศาลรัฐธรรมนูญจะใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน และคงชัดเจนว่านายจตุพรสามารถดำรงสมาชิกภาพได้หรือไม่ 

                ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่นายอรรถพรเป็น ส.ส. สมัยที่สองและได้ฉายาจากสื่อ เพราะทำงานเข้าตาสื่อใช่ไหรือไม่ นายอรถพรกล่าวว่า เวลาทำงานไม่ได้มองประเด็นนี้แต่มองว่าการทำหน้าที่หลายครั้งของนายจตุพรในสภาค่อนข้างสร้างปัญหาระหว่างการประชุมและไม่ได้รับใช้คนส่วนใหญ่ หากกลับมุ่งรับใช้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯมากกกว่า ตนจึงต้องทำหน้าที่คัดค้านนายจตุพรเพื่อให้สภาเดินหน้าไปได้ ตามปกติตนก็ไม่จ้องจะประท้วงนายจตุรพรเพราะบางครั้งนายจตุพรก็ดำเนินบทบาทได้ดี แต่บางครั้งก็สร้างปัญหาในสภามาก  ตนจึงต้อลุกขึ้นมาให้อยู่ในแนวที่ถูกต้อง

                ส่วนฉายาสภาที่ระบุว่าเป็นกระดองปูแดง นายอรรถพรกล่าวว่า เห็นด้วยเพราะว่ากันตามตรง ส.ส.ของรัฐบาลก็เหมือนกับลูกจ้างบริษัท มีนายจ้างสองคน โดยทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมากจนเกินไปในบางครั้ง และทำให้ น.ส.บยิ่งลักษณ์ เกิดความสำคัญผิดในบทบาทหน้าที่ที่มีในสภา หรือภาระความรับผิดชอบของฝ่ายบริหารที่มีต่อสภา  เท่าที่เห็นคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แทบจะไม่ให้ความสำคัญต่อการประชุมสภา นอกจากสิ่งที่เป็นเพียงพิธีกรรมที่ต้องมา ซึ่งผิดหลักการของประชาชธิปไตย จึงคิดว่าเกิดจาก ส.ส. เพื่อไทย ที่คอยเป็นองครักษ์แตะต้องไม่ได้


                ส่วนฉายาดาวดับที่สื่อมอบให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์นั้น นายอรรถพรกล่าวว่าถูกต้องแล้ว เพราะว่ากันตามตรง สภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ดำรงสถานะความเป็นนายกฯ เพราะนายกฯ ตัวจริงคือพ.ต.ท.ทักษิณ  เปรียบ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็เหมือนหุ่นโชว์ ทีโชว์ไปตามบทบาทที่ถูกกำกับ ไม่ใช่นายกฯที่แท้จริงจึงสอดคล้องกับฉายาที่สื่อตั้งให้

                ต่อฉายาหล่อดีเลย์ ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  นายอรรถพรล่าวว่าก็เป็นอีกมุมแต่ต้องยอมรับว่าวันที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายบริหารกับวันที่เราเป็นฝ่ายค้านความยากง่ายของการทำงานแตกต่างกันและภาพรวมการปฏิบัติมีปัจจัยอื่นค่อนข้างมาก แต่แน่นอนเราจะไปใช้เงื่อนไขว่าตอนเป็นฝ่ายค้าถึงพูด ทำไมเป็นรัฐบาลถึงไม่ทำ หากเป็นอย่างนั้นฝ่ายค้านคงพูดอะไรไม่ได้่ ทั้งนี้ตอนเป็นรัฐบาลจะมีปัจจัยอื่นมากกว่าความเป็นอิสระตอนนี้ การทำงานจึงดูเหมือนไม่สอดคล้องกัน แต่ก็ปฏิเสธฉายานี้ไม่ได้

                ผู้สื่อข่าวถามว่า มองการตั้งฉายาของสื่อประจำปีอย่างไร มีผลต่อการทำงานอย่างไร  ฉายาที่สื่อตั้งให้แต่ละท่านไม่ว่าจะเป็นประธานสภา หรือท่านอื่นก็สอดคล้องกับสายตาของสาธารณะจึงเป็นภาพสะท้อนให้ทุกคนที่มีชื่อปรากฏไม่ว่าจะเป็นแง่บวกหรือลบก็ต้องตระหนักถึงการทำหน้าที่ว่าสื่อที่เป็นเสียงสะท้อนของประชาชนได้จับตามองและให้คะแนนอยู่ เช่นประธานสภาฯเราก็เห็นว่าการทำหน้าที่ไม่เที่ยงตรงอย่างที่หลายคนคาดหวัง เมื่อตั้งฉายาให้แบบนั้นก็น่าจะเป็นการกระตุ้นเตือนให้ตระหนักถึงการทำหน้่าที่ที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งตนยังไม่เห็นฉายาไหนที่ขัดต่อความรู้สึก อาจจะเป็นเพราะเราเป็นฝ่ายค้าน สาธารณชนที่อยู่ในกระแสก็จะมองแบบเดียวกัน เช่นของ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ที่ได้ฉายาดาวเด่น  ดังนั้นจึงทำให้คนไม่ได้รับฉายากระตุ้นว่าทำอย่างไรให้ดีที่สุด  ตนคิดว่าสื่อเข้าใจและมีมุมมองที่ดีเพราะใช้คำเก๋ ระกอบกับสาธารณชนที่เห็นก็รู้สึกสอดคล้องซึ่งออกมาในเชิงอารมณ์ขัน

 

"รสนา"ระบุฉายาส.ว.ปีนี้ยังเบากว่าปีที่ผ่านมา

               น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว. กล่าวถึงฉายาของวุฒิสภาที่สื่อตั้่งให้ว่า " สังคโลก"  ว่าแล้วแต่มุมมองของสื่อแต่ส่วนตัวเห็นว่าสังคโลกมีคุณค่าในตัวเอง สังคโลกไม่ได้นำมาใช้งานแต่เป็นเครื่องประดับ ซึ่งก็ถูกแล้วเพราะเป็นของที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์  ไม่สามารถนำมาใช้จริง หากจะใช้ก็ต้องไปซื้อถ้วยชามตามตลาด ส่วนความหมายทีระบุว่าสังคมคาดหวังกับการทำหน้าที่ของ ส.ว. นั้น โดยบทบาทของวุฒิสภาเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะไปกำกับการทำงานของ ส.ส.  แต่เป็นบทบาทที่ถูกวางเอาไว้ในลักษณะไม่เชิงเป็นพี่เลี้ยง แต่เป็นการทำงานช่วยกลั่นกรองกฎหมาย ดังนั้น หากพูดถึงบทบาทของ ส.ว. ก็ต้องดูเป็นรายบุคคลไป ตนคิดว่าหากพูดถึงการตรวจสอบก็มี ส.ว.หลายคนที่ทำหน้าที่ แต่ก็อยู่ที่ว่าจะมองจากมุมไหน อย่างไรก็ตามตนเห็นว่าฉายาสังคโลก ถือว่าเป็นเรื่องดี มีคุณค่า ควรรักษาไว้ แต่ท่าทางเขาจะไม่รักษา ขณะนี้ตนอาจจะไม่ชอบสังคโลกแล้ว อาจจะชอบถ้วยชามเมลานีนมากกว่า  

               น.ส.รสนากล่าวต่อว่าส่วนฉายาของประธานวุฒิสภาที่ระบุว่าเป็น "นายพลถนัดชิ่ง"  ตนไม่สเคยประสบด้วยตัวเองว่าประธานวุฒิสภาชอบชิ่งเรื่องไหนบ้าง แต่สื่อที่ทำงานหรือสัมภาษณ์อาจจะไม่ได้รับคำตอบที่ทันใจและ มองว่าพล.อ.ธีรเดช มีเพียร ชิ่งเก่ง แต่ต้องบอกว่าการเมืองสมัยนีถ้าไม่ชิ่งก็อาจจะเจอหนักกว่านี้ อาจจะโดนระเบิดโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้

               น.ส.รสนากล่าวต่อว่า ฉายาดังกล่าวยังดีกว่าปี  2552  ที่ระบุว่าเป็นตะแกรงกั้นรั่ว ปี2553 ก็ระบุว่าเป็นอัมพฤษ์รับจ็อบ ซึ่งตอนนี้อาจจะดูเหมือนเป็นภาพธรรมดา นักข่าวไม่สามารถที่จะหาหรือแสดงภาพของ ส.ว. ได้มากกว่านี้  จะเห็นว่าภาพพจน์จะเลวร้ายน้อยลง หรือแม้แต่ตัวของประธานวุฒิก็แสดงว่า พล.อ.ธีรเดชอาจจะเข้าใจการเมืองดี เพราะการเมืองเวลานี้หากจะปะทะตรงๆก็คงลำบากดังนั้นการชิ่งอาจะถือว่าเป็นลีลาที่น่าสนใจก็ได้


"ถาวร"ค้านแก้รธน. เชื่อยัดไส้ช่วย"ทักษิณ" 

                นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญในช่วงนี้  มาตราต่างๆที่ต้องการแก้ไขไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศเลย ยกเว้นแต่จะมีวาระซ่อนเร้น หรือสับขาหลอกของพรรคเพื่อไทย เพื่อช่วยให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับบ้านโดยไม่ต้องติดคุก เท่านั้น

                นายถาวร กล่าวว่า นับตั้งแต่รัฐบาลพยายามจะออกพ.ร.ฎ.อภัยโทษ แล้วถูกจับได้ไล่ทันก็บอกว่าไม่ใช่ไม่จริง พอจะออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมก็จับได้ แล้วบอกว่าไม่ใช่อีก แล้วหันไปให้คณะนิติราษฏ์เสนอให้ล้มล้างการกระทำที่เกี่ยวข้องกับการปฏิวัติในปี 49 เพื่อเริ่มต้นใหม่ ทั้งหมดก็เพื่อพ.ต.ท.ทักษิณทั้งนั้น เพราะการเคลื่อนไหวหรือ จัดกิจกรรมแต่ละครั้ง ต้องใช้เงิน ถามว่าใครจะออก ไม่มีใครกล้าใช้พันๆล้านเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองตลอดมา ดังนั้นเชื่อว่า หากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะแก้ก็ต้องแก้ ม. 309 แน่นอน เพื่อให้การดำเนินการต่างๆทั้งหมดที่ทำให้มีการยึดทรัพย์ หรือคดีอาญากับพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เกิดจากรธน. ปี 49 และประกาศที่เกี่ยวข้องของ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เป็นอันโมฆะ แต่ปิดบังซ้อนเร้นโดยตั้ง ส.ส.ร.3 ขึ้นมา เขาต้องได้เสียงข้างมากอย่างแน่นอนจากเลือกตั้ง 71 คน หรือ22 คนจากรัฐบาลสรรหา

                “ผมขอเรียกร้องให้เรื่องนี้เอาไว้ก่อน เพราะเท่าที่ฟังประเด็นที่จะแก้ก็เรื่องของการยุบพรรค ที่มีมาตั้งแต่ปี 40 หรือเรื่องการห้าม ส.ส.ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ที่รัฐธรรมนูญ ปี 50 ยังผ่อนคลายด้วยซ้ำไป เรื่องอื่นๆยังไม่อยู่ในสถานะที่จำเป็น ฉะนั้นจำเป็นเรื่องเดียวคือเอาเจ้าของเงิน เจ้าของพรรคกลับบ้านโดยไม่ติดคุก ขอให้หยุดก่อน ถ้าฝ่าฝืนดันทุรัง วิกฤตทักษิณจะกลับมารอบ 2 แน่นอน เพราะต้องมีการปะทะของทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าเห็นแก่บ้านเมืองก็ขอให้ยุติเรื่องนี้ แล้วหันไปแก้ปัญหาน้ำท่วม และปัญหาทุจริต คอรัปชั่น เพราะเริ่มได้กลิ่นว่ามา เริ่มมีการเรียกใต้โต๊ะ คืนเงินทอนก่อนได้รับใบอนุญาตจัดสรรร้อยละ 35 ของโครงการบูรณะซ่อมแซมเยียวยาหลังน้ำท่วม มีการจัดสรรแต่รัฐมนตรีแต่ละราย ว่าได้โควต้ากันกี่ร้อยล้านพันล้าน รัฐมนตรีบางคนก็ให้ลูกน้องออกไปเร่ขายกับผู้รับเหมา โดยผมจะประสานกับสว. และภาคประชาชนคอยตรวจสอบต่อไป จึงขอปรามและอย่าคิดว่าประชาชนและฝ่ายค้านไม่รู้อะไร ขอให้นายกรัฐมนตรีจริงใจกับนโยบาย ปราบปรามการทุจริตอย่างเด็ดขาด” นายถาวร กล่าว

                ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคจะแสดงจุดยืนที่ชัดเจน ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างไร นายถาวร กล่าวว่า จะเสนอกับคณะกรรมการบริหารพรรค ว่าเราต้องคัดค้านเรื่องนี้อย่างหนักแน่น เพราะหากยอมให้มีการแก้ไข ไม่สามารถรับประกันได้ว่า พรรคเพื่อไทยจะมีการยัดไส้แก้ไขมาตราที่ช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ และหากเลยไปถึงขั้นทำประชามติ อาจจะมีการนำมาอ้างใช้ในการทำตามอำเภอใจ เหมือนที่เขาอ้างเรื่อง 15 ล้านเสียงต้องการให้คืนพาสปอร์ตให้พ.ต.ท.ทักษิณ หรือไม่ เมื่อถึงเวลานั้นตนเกรงว่าอาจจะคัดค้านช้าไปหรือไม่

                เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้พรรคเลยมีการโหวตไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คิดว่าในครั้งนี้จะต้องมีการโหวตภายในพรรคอีกหรือไม่ นายถาวร กล่าวว่า ถ้ามีความจำเป็นก็ต้องโหวต แต่ตนเชื่อว่า นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรค ที่เคยสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนั้น จะมีท่าทีที่เปลี่ยนไป เพราะท่านต่อสู้กับระบอบทักษิณมาตลอด และครั้งนี้จะเป็นการทำเพื่อช่วยพ.ต.ท.ทักษิณกลับมา จึงมั่นใจว่านายสุเทพไม่เอาด้วยแน่ แต่ทั้งนี้ต้องขอดูรายละเอียดอีกครั้งว่า พรรคเพื่อไทยจะแก้ไขมาตราใดบ้าง ถ้าไม่แตะมาตรา 309 เลย เราอาจจะพิจารณาดูอีกที แต่ถ้าแตะมาตรา 309 เมื่อไหร่ พรรคประชาธิปัตย์ไม่เอาด้วยแน่นอน

                ส่วนกรณีที่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี จะแก้ไขมาตรา 112 ในประมวลกฏหมายอาญานั้น นายถาวร กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขมาตราดังกล่าว เพราะทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในการฟ้องร้องหมิ่นประมาท โดยเฉพาะสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักและเคารพของคนไทย ที่เราสามารถดำเนินการฟ้องร้องหมิ่นประมาทแทนสถาบันได้ ทำไมรัฐบาลต้องมุ่งมั่นที่จะแก้ไขมาตรานี้ ทั้งที่เห็นชัดว่าจะเป็นชนวนให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น

                ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขม.112 มีขั้นตอนที่ง่ายกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยมีเสียงข้างมากในสภา ทางพรรคประชาธิปัตย์จะใช้วิธีการใดคัดค้าน นายถาวร กล่าวว่า ตนมั่นใจว่า แม้เราจะแพ้เสียงในสภา แต่เชื่อว่าคนไทยจำนวนมาก จะไม่ยอมให้รัฐบาลชุดนี้ได้ทำในสิ่งที่ต้องการ รัฐบาลอ้าง 15 เสียงแต่พวกเขามอบหมายให้มาบริหารประเทศ ไม่ใช่ให้มาทำอะไรตามใจชอบ แล้วทำไมไม่คิดบ้างว่า อีก 45 ล้านคน จะชอบใจหรือไม่ ตนบอกได้เลยว่า ถ้ารัฐบาลดำเนินการแก้มาตรา 112 เมื่อไหร่ จะมีประชาชนจำนวนรวมถึงตนและคนสงขลาออกมาคัดค้าน ซึ่งมากกว่าแสนคนที่ออกมาตอนปี 53 อย่างแน่นอน