ข่าว

จับรปภ.เดินสายลักทรัพย์นักกีฬาดัง

จับรปภ.เดินสายลักทรัพย์นักกีฬาดัง

18 ธ.ค. 2554

รวบอดีต รปภ.ร้านดัง ตระเวนลักทรัพย์นักกีฬาชื่อดังเพียบ ฉวยโอกาสขณะลงซ้อม-แข่งบอลตามสนามกีฬาทั่วกรุง บุกค้นที่พักพบของกลางอื้อ สารภาพทำมาแล้วนับไม่ถ้วน เหตุติดพนันงอมแงม แถมเคยติดคุกแต่ไม่เข็ด ตร.แจ้งให้ผู้เสียหายมาแจ้งความเพิ่ม

                  เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 18 ธันวาคม พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบก.น.6 พ.ต.อ.กิตติพันธุ์ จุนทการ ผกก.สน.ปทุมวัน พร้อมนายตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าวจับกุมนายวินัย จันทร์สิทธิ์ อายุ 46 ปี ชาวจังหวัดตาก พร้อมของกลางเงินสด 1,100 บาท และทรัพย์สินของมีค่าต่างๆ ได้แก่   กุญแจรถยนต์ นาฬิกาข้อมือ บัตรเครดิต บัตรเอทีเอ็ม ตั๋วจำนำ พระเครื่องชื่อดัง เช่น พระหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ พระสมเด็จบางขุนพรหม พระขุนแผน พระนางพญาเข่าตรง ฯลฯ รวม 42 รายการ โดยในจำนวนนี้มีทรัพย์สินของนักกีฬาชื่อดังหลายราย เช่นบัตรเครดิต ธนาคารกสิกรไทย ของนายสนฉัตร รติวัฒน์ นักเทนนิสฝาแฝดชื่อดัง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย 7610 ของนายจักรพันธุ์ พรใส นักฟุตบอลทีมชาติไทย และสโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ฯลฯ
   
              พล.ต.ต.สุวัฒน์ เปิดเผยว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 3 ตุลาคม ที่ผ่านมา นายธีรยุทธ เพียงประสบ อายุ 35 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นอดีตนักฟุตบอลสโมสรธนาคารกสิกรไทย ได้เข้ามาเตะฟุตบอลที่สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้นำกระเป๋าสะพายใส่เสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง และกุญแจรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุมิวเซเว่น วางไว้ข้างสนามฟุตบอล จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น.ผู้เสียหายกำลังจะกลับบ้าน ก็พบว่ากระเป๋าหายไป แต่รถยนต์ยังอยู่ จึงนำกุญแจสำรองมาเปิดตรวจสอบทรัพย์สินภายในรถก็ปรากฏว่าเงินสด 3.5 หมื่นบาท พร้อมทั้งพระเครื่องล้ำค่าประมาณ 5 แสนบาทได้หายไปจากรถ
   
              พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุจึงได้สืบสวนจนพบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุคือนายวินัย ซึ่งเคยมีประวัติถูกจับกุมคดีลักทรัพย์ตามที่พักอาศัย กับชิงทรัพย์มาแล้วถึง 4 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2552 นายวินัยได้ก่อเหตุลักทรัพย์ของผู้ที่มาออกกำลังกายในสนามกีฬาจุฬาฯ แต่ถูกจับได้เสียก่อนจึงถูกดำเนินคดีและจำคุก 1 ปี กระทั่งจับกุมตัวได้พร้อมของกลางของบางส่วนที่ย่านรังสิต ก่อนจะนำตัวไปตรวจค้นห้องพักเลขที่ 4 บี อาคารเจ้สุดา ตั้งอยู่เลขที่ 69/29 ซอยไวท์เฮ้าส์ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ก็พบทรัพย์สินของกลางทั้งหมด ซึ่งมีของนักกีฬาชื่อดังมากมาย รวมทั้งยังพบหลักฐานคือตั๋วรถตู้ที่นั่งไปก่อเหตุ ขโมยทรัพย์สินของนักฟุตบอลสโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ที่ถูกขโมยไประหว่างแข่งฟุตบอลเอฟเอคัพ กับสโมรสรชลบุรี เอฟซี เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาด้วย นอกจากนี้ยังมีตั๋วจำนำจำนวนมาก ระบุชื่อผู้จำนำคือนายสันติ ชูบุญ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน
   
              นายวินัยรับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เคยเป็นนักฟุตบอลเล่นให้แก่ทีมยามาฮ่าเป็นครั้งคราว ได้ค่าจ้างแมทช์ละ 200 บาท แต่หลังจากทีมยามาฮ่า เลิกส่งทีมแข่งก็ไม่ได้ทำงานอะไร แต่ติดเล่นการพนันทั้งฟุตบอล มวย หมากรุก ทำให้เป็นหนี้จำนวนมาก เลยเกิดความกลัวว่าจะถูกเจ้าหนี้ตามล่าตัวและรุมทำร้าย จึงตัดสินใจออกไปชิงทรัพย์ หรือลักทรัพย์ตามบ้านเรือน เพื่อหาเงินไปใช้หนี้การพนันจนถูกจับได้ไป 3 ครั้ง จนกระทั่งครั้งล่าสุดเมื่อปี 2552 ที่ถูกจับกุมเป็นครั้งที่ 4 นั้น จึงตัดสินใจลองเข้าไปขโมยทรัพย์สินในสนามกีฬาจุฬาฯ เป็นครั้งแรก แต่ถูกจับได้จนติดคุกอยู่นานประมาณปีกว่า
   
              นายวินัยให้การว่า หลังจากพ้นโทษออกมา ก็ไปสมัครเป็น รปภ.อยู่ร้านเจ้เล้ง แต่ทำงานไปได้ไม่กี่เดือน ก็ลาออกเพราะทนทำงานไม่ไหว จากนั้นก็ออกตระเวนลักทรัพย์ตามสนามกีฬา หรือสถานที่ออกกำลังกาย ศูนย์ฝึกซ้อมกีฬา เช่นสนามกีฬาจุฬาฯ สวนลุมพินี สนามกีฬาเมืองทองธานี สนามกีฬากองทัพบก เรื่อยมา โดยจะอาศัยช่วงจังหวะที่ประชาชนมาออกกำลังกายไม่ค่อยได้ระวังทรัพย์สิน หรือไม่มีคนเฝ้าดูทรัพย์สิน เข้าไปลักเอากระเป๋าสตางค์หรือโทรศัพท์มือถือออกมา ซึ่งหากเจอกุญแจรถยนต์ที่มีรีโมท ก็จะเอาออกไปตระเวนกดหารถที่ลานจอดรถ เมื่อพบรถก็เข้าขนทรัพย์สินในรถยนต์ออกมาด้วย แต่จะไม่ขโมยรถไปเพราะขับรถไม่เป็น
   
              หลังได้ทรัพย์สินมาก็นำไปขายตามร้านทอง ร้านขายของเก่า ร้านขายโทรศัพท์มือถือ หรือเอาไปจำนำที่โรงรับจำนำ โดยจะเปลี่ยนที่ไปเรื่อยไม่มีที่ประจำ ได้เงินมาก็จะเอาไปเล่นการพนันทุกรูปแบบ ทั้งบอล มวย หมากรุก ทั้งนี้ในการนำทรัพย์สินไปจำนำนั้น จะใช้บัตรประจำตัวพนักงานของนายสันติ ชูบุญ ผู้เสียหายรายหนึ่งในการนำทรัพย์สินไปจำนำมาโดยตลอด ซึ่งโรงรับจำส่วนใหญ่นำจะเอาบัตรไปดูเท่านั้น ไม่เคยดูหน้าตาว่าตรงกับในบัตรหรือไม่ สาเหตุที่ช่วงหลังเลือกลงมือก่อเหตุตามสนามกีฬานั้น ก็เพราะเคยเป็นนักกีฬามาก่อนทำให้ง่ายต่อการลงมือ
   
              "เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นั่งรถตู้ไปดูฟุตบอลเอฟเอคัพ คู่ระหว่างชลบุรี เอฟซี กับเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ที่สนามกีฬาพลศึกษา จ.ชลบุรี โดยระหว่างที่ทั้งสองทีมแข่งขันกันอยู่นั้น ผมก็ลงมาเข้าห้องน้ำ แต่ประตูทางเชื่อมระหว่างห้องแต่งตัวของนักบอลกับห้องน้ำนั้นไม่ได้ล็อก ประกอบกับไม่มีเจ้าหน้าที่ รปภ.อยู่เลย จึงแอบเข้าไปรื้อค้นทรัพย์สิน ซึ่งได้แค่โทรศัพท์มือถือมา 2 เครื่อง และไอพอดอีก 1 เครื่องเท่านั้น" นายวินัยกล่าว
   
              พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวด้วยว่า จากการสืบสวนขยายผลพบว่า ตั้งแต่เดือนมิถุนายน-พฤศจิกายน 2554 นั้น ผู้ต้องหาลงมือก่อเหตุมาแล้ว 5 ครั้ง ครั้งแรกเมื่องช่วงเดือนมิถุนายน ขโมยทรัพย์สินของพันจ่าอากาศเอกอภิชาต อรอินทร์ โค้ชบาสเกตบอล ขณะมาออกกำลังกายในสวนลุมพินี ได้กุญแจรถยนต์กับนาฬิกายี่ห้อแทก ฮอยเออร์ไป ครั้งที่ 2 วันที่ 1 กรกฎาคม 2554 เข้าไปลักทรัพย์ของนายสนฉัตร-สรรค์ชัย รติวัฒน์ สองนักเทสนิสฝาแฝดชื่อดังของไทย และนักเทนนิสดาวรุ่งอีกคนคือนายกิตติพงษ์ วชิรมโนวงศ์ โดยตามยึดของกลางเป็นบัตรเครดิตของนายสนฉัตรคืนมาได้
   
              ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ก่อเหตุลักทรัพย์ของนายธีรยุทธ เพียงประสบ อดีตนักฟุตบอลสโมสรธนาคารกสิกรไทย ได้ทรัพย์สินไปเกือบ 5 แสนบาท ครั้งที่ 4 สี่คือเมื่อเดือนพฤศจิกายน ไปก่อเหตุลักทรัพย์ของนักฟุตบอลสโมสรเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ส่วนอีกครั้งเข้าไปลักทรัพย์ของนายสันติ ชูบุญ ที่สนามกีฬากองทัพบก ก่อนจะใช้บัตรประจำตัวของนายสันติไปใช้จำนำทรัพย์สินทุกครั้ง เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาลักทรัพย์ไว้ก่อน ทั้งนี้ยังมีทรัพย์สินของกลางอีกหลายชิ้นที่ผู้ต้องหาจำไม่ได้ว่าก่อเหตุที่ไหนมาบ้าง จึงฝากไปยังผู้เสียหายที่เคยถูกลักทรัพย์ในสนามกีฬาให้มาดูของกลางได้ที่ สน.ปทุมวัน
   
              ด้านนายธีรยุทธกล่าวว่า วันเกิดเหตุ ตนเข้าไปเตะฟุตบอลประเพณีให้ทีมศิษย์เก่าสวนกุหลาบวิทยาลัย แข่งกับทีมฟุตบอลของประเทศฟิลิปปินส์และฮ่องกง โดยเอากระเป๋าสตางค์ เงินสด 3.5 หมื่นบาท ไว้ในรถ หลังเปลี่ยนชุดเสร็จก็เอาของใส่กระเป๋าแล้ววางไว้ใต้อัฒจันทร์ชั้นแรก ซึ่งบริเวณนั้นมีรุ่นพี่ศิษย์เก่าสวนกุหลาบอยู่กันหลายคน ไม่คิดว่าจะถูกขโมยทรัพย์สิน