
จับแก๊งแมวน้ำลักทรัพย์คนน้ำท่วม
ตำรวจนนทบุรีจับแก๊งแมวน้ำพายเรือลักทรัพย์ผู้ประสบภัยน้ำท่วมพร้อมของกลางอื้อ เร่งฟื้นฟูตลาดบางบัวทองหลังชาวบ้านปิดถนนประท้วง พบบิ๊กแบ็กเกลื่อนถนนสาย 340 ชาวบ้านแห่ฟ้องรัฐแก้น้ำท่วมเหลว นักวิชาการเสนอรัฐเพิ่มพื้นที่ไข่แดงป้องน้ำท่วมเพิ่ม
15ธ.ค.2554 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รรท.ผบช.ภาค 1 พล.ต.ต.คเชนทร์ คชพลายุกต์ รอง จตร.(สบ.7) ปฎิบัติหน้าที่กองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค. 1พ.ต.อ. อภิชาต เรือนทิพย์ รรท.ผบช.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.สุทธิโรจน์ วรรณปิติวัฒน์ ผกก.สภ.บางกรวย ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมตัวนายจักริน หรือ ป๊อป หนูหรุ่น อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101 หมู่ 4 ต.บางขุนกอง อ.บางกรวย นายชาญรณงค์ หรือแฟ้ม ยังแย้ม อายุ 28 ปี พร้อมด้วยของกลางได้แก่เรือที่ใช้ตระเวนลักทรัพย์ พระเครื่อง เครื่องเสียง โทรทัศน์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าจำนวนมาก โดยกล่าวหาว่าร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถานเวลากลางคืนในบริเวณเกิดเหตุอุทกภัยโดยใช้ยานพาหนะ (เรือ) หรือรับของโจร
ทั้งนี้ก่อนถูกจับกุมตัวผู้ต้องหาร่วมกันพวกอีก 6 คน ที่ยังหลบหนี ได้ใช้โอกาสช่วงที่ประชาชนประสบอุทกภัยน้ำท่วมและอพยพไปอยู่ที่อื่น ตระเวนใช้เรือเป็นพาหนะเข้าไปทำการลักทรัพย์ในเคหะสถานช่วงเวลากลางคืน โดยคืนวันที่ 20 และ 22 พ.ย. 54 ที่ผ่านมาได้เข้าไปลักทรัพย์ในบ้านเลขที่ 20 หมู่ 4 ต.บางขุนกอง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี หลังจากนั้นจะนำของกลางซึ่งเป็นพระเครื่องไปเร่ขายยังแผงพระย่านตลาดพระราม 5 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางกรวย และผู้เสียหายจำนวนหลายราย สืบทราบว่าทั้งสองคนร่วมกับพวกเป็นคนร้ายรายนี้จึงได้ขอหมายศาลเข้าทำการจับกุมตัวได้ที่บ้านในเวลาต่อมา เบื้องต้นผู้ต้องหารับสารภาพว่าออกก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายครั้ง จึงควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีพร้อมทั้งจะได้ติดตามพรรคพวกที่เหลือซึ่งทราบชื่อทั้งหมดและได้ออกหมายจับแล้วเพื่อนำตัวมาดำเนินการต่อไป
เร่งฟื้นฟูตลาดบางบัวทองหลังชาวบ้านปิดถนนประท้วง
ที่ตลาดบางบัวทอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าของร้านค้าในตลาด และเจ้าหน้าที่ได้เร่งทำความสะอาดและฟื้นฟูสถานที่ หลังจากถูกน้ำท่วมเป็นเวลานาน เพื่อให้กลับมาค้าขายได้อีกครั้ง โดยมีระยะเวลากำหนด 3 วัน ตามข้อเรียกร้องของชาวบ้านในชุมชน ที่ออกมาประท้วงปิดถนนบางกรวย-ไทรน้อย ด้านหน้าตลาดเมื่อวานนี้
ขณะที่ บริเวณถนนสาย 340 สภาพพื้นนั้นเต็มไปด้วยบิ๊กแบ็กที่ได้นำมาใช้กู้ถนนบางบัวทอง-สุพรรณบุรีก่อนหน้านี้ โดยมีสภาพกระจัดกระจาย และยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาเก็บออกจากพื้นถนน
ด้านถนนกาญจนาภิเษก มีรายงานว่า นายปรีชา และนางระเบียบ สวนมาลา สองสามีภรรยา ที่มีบ้านพักอาศัยอยู่ริมถนนกาญจนาภิเษกขาออกบริเวณเชิงสะพานคลองบางคูเวียง ได้นำแผ่นป้ายทะเบียนรถที่เก็บมาได้ตามเส้นทางถนนกาญจนาภิเษกขาเข้าในช่วงน้ำท่วม 2 เดือนที่ผ่านมา มาวางเรียงกันบริเวณริมถนน เพื่อตามหาเจ้าของ
ชาวบ้านแห่ฟ้องรัฐแก้น้ำท่วมเหลว
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ร่วมกับสถาบันนโยบายศึกษา มูลนิธิพัฒนาผู้นำเยาวชน จัดสัมมนา “มหาอุทกภัย 2554 เหตุสุดวิสัยหรือไร้ฝีมือ ปัญหาและทางออก” โดยมีประชาชนที่ได้รับความเดือนร้อนจากภาวะน้ำท่วมเข้าร่วมรับฟังจำนวนจำนวนมาก พร้อมกันนี้ยังมีการโต๊ะลงรายชื่อรับมอบอำนาจฟ้องคดีแทนประชาชนต่อศาลปกครองเพื่อเรียกค่าเสียหายจากรัฐบาล โดยสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน นำโดยนายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคม ซึ่งมีการรวบรวมรายชื่อตั้งแต่ พ.ย.ที่ผ่านมา ทั้งนี้จะรวมรวมเอกสารทั้งหมดเพื่อร้องเรียนต่อศาลปกครองในวันที่21ธ.ค.นี้
สำหรับการเสวนานั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งหมดต่างเห็นร่วมกันว่าปัญหาอุทกภัยที่มีความรุนแรงในครั้งนี้ มีผลมาจากการบริหารงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการป้องกันเขตกรุงเทพชั้นในจนทำให้พื้นที่กรุงเทพฯรอบนอก และปริมณฑลเกิดน้ำท่วมหนักและมีระยะเวลานาน ขณะเดียวกันการเยียวยาครัวเรือนละ 5,000บาท ไม่เพียงพอต่อการบรรเทาความเดือดร้อน
นายทวีศักดิ์ สูทกวาทิน ประธานสภาคณาจารย์ สถาบันบันฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า นอกจากเรื่องภัยธรรมชาติแล้ว มหาอุทกภัยครั้งนี้เป็นความล้มเหลวของระบบการเมืองและการปฏิรูประบบราชการของไทย โดยเฉพาะการบริหารที่แยกส่วนระหว่างกรุงเทพมหานครกับหน่วยงานอื่นๆ รวมถึงส่วนราชการจังหวัดในเขตปริมณฑล อาทิ จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี เป็นต้น เห็นได้จากความไม่เป็นเอกภาพในการบริหารน้ำระหว่างกรุงเทพและปริมณฑล จนทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจ และสร้างความขัดแย้งระหว่างจังหวัด นอกจากนี้ยังขอเสนอให้มียุทธศาสตร์การป้องกันพื้นที่เพิ่มเติม โดยขยายจากพื้นที่กรุงเทพชั้นในออกสู่พื้นที่รอบนอกด้วย และมีการเวรคืนพื้นที่ทำฟลัดเวย์ใหม่ เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกัน
“ ถึงกรุงเทพชั้นในที่เป็นย่านเศรษฐกิจจะไม่ถูกน้ำท่วม แต่ถิ่นอาศัยของแรงงานส่วนใหญ่เป็นพื้นที่รอบนอก ดังนั้นหากจะมียุทธศาสตร์การป้องกัน ควรจะขยายให้ครอบคลุม รวมถึงการป้องกันเขตอุสาหกรรมก็ต้องไม่ให้ความสำคัญเฉพาะในกรุงเทพเพียงอย่างเดียว แต่ต้องขยายพื้นที่ป้องกันไปถึงในส่วนของ จ.ปทุมธานี นนทบุรี และอยุธยาด้วย เพราะเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของประเทศ มีจำนวนอุตสาหกรรมมากกว่า ดังนั้นกรุงเทพและปริมณฑลต้องทำงานร่วมกัน ห้ามแยกส่วน โดยผมเสนอให้มีคณะกรรมการรวมกันเพื่อสำรวจภัยพิบัติเตรียมความพร้อมไว้ เพื่อให้การทำงานเป็นเอกภาพและชัดเจน ดีกว่าปล่อยให้ปัญหาเกิดขึ้นและทำงานแยกส่วนกัน ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อการถูกการเมืองเข้ามาแทรกแซงได้ ” นายทวีศักดิ์กล่าว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยการค้าไทย กล่าวว่า การบริหารงานผิดพลาดเรื่องน้ำครั้งนี้ต้องถูกบันทึก ทุกหน่วยงานไม่ว่าเป็นกรมทางหลวงที่มีการสร้างถนน กั้นทางน้ำ หรือตัวของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ต้องแสดงความรับผิดชอบ และอธิบายเหตุผลให้ได้ว่าทำไมจึงตัดสินใจเช่นนี้ ทั้งนี้สิ่งที่รัฐบาลจะต้องดูแลเป็นพิเศษคือคนที่มีรายได้น้อย ธุรกิจขนาดย่อม การรองรับการปลดแรงงาน และดูผังเมืองคูคลองต่างๆ ว่าจะต้องย้ายหรือมีการจัดการเพิ่มเติมอย่างไรต่อจากนี้ นอกจากนี้การเรื่อการชำระภาษีของคนกทม.ที่ชดเชยให้กับพื้นที่รับน้ำต้องมีการพูดให้ชัดเจน เพราะจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาบ่งบอกว่ามีผู้ที่เดือนร้อนจากนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตามอยากเสนอว่า เมื่อรัฐบาลไม่สามารถเป็นที่พึ่งพาให้กับคนทุกกลุ่มได้ ประชาชนจึงจะต้องรับมือโดยเริ่มที่ตนเองก่อน ทั้งการเตรียมชุมชนให้เข้มแข็ง การเตรียมแผนรับมือกับภัยพิบัติรวมถึงการสร้างวินัยของชุมชน ก่อนที่จะขยายวงกว้างในระดับชาติต่อไป
นายเดชรัตน์ สุขกำเนิด คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ปัญหาอย่างหนึ่งของสังคมไทยช่วงวิกฤตน้ำท่วมคือข้อมูลจากรัฐบาลที่ประชาชนไม่เคยได้รับรู้ จนเมื่อต้องการให้เปิดช่องทางน้ำ ต้องการเครื่องสูบน้ำ ก็รวมตัวกันปิดถนนก็จะได้สิ่งที่ต้องการ เรื่องนี้น่าเป็นห่วง เพราะจะสร้างความสับสนในสังคมในอนาคตต่อไป อย่างไรก็ตามอุทกภัยครั้งนี้ทำให้เราได้เรียนรู้ 2 เรื่องคือ 1.คนไทยจะมองเรื่องความเสี่ยงแตกต่างไปจากเดิมที่เคยคิดว่ามีระบบการปกป้องที่ดูแลจากภัยธรรมชาติที่ดีที่สุด แต่ความเป็นจริงไม่สามรถปกป้องกันได้ ทำให้วิธีคิดการสร้างบ้าน การวางผังเมืองต้องมีการทบทวนกันใหม่ 2 .เราต้องเรียนรู้ว่าเราจะอยากร่วมกับมันอย่างไรภายใต้สังคมที่มีความเสี่ยงไม่เท่ากัน น้ำท่วมครั้งนี้ไม่ได้เป็นธรรมชาติอย่างเดียว แต่เกิดจาการบริหารงานของรัฐบาลด้วย ซึ่งจะทำให้อยู่ร่วมกันในสังคมด้วยภาวะตึงเครียด ดังนั้นคนในสังคมต้องมาตกผลึกร่วมกันว่าจะมีคำตอบอย่างไรในแต่พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม
นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ได้กล่าวถึงแนวทางการเรียกร้องสิทธิและค่าเสียหายจากรัฐบาลว่า ทางสมาคมพร้อมเป็นตัวแทนประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเพื่อยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีและหน่วยงานต่างๆของรัฐกว่า24 หน่วยงานต่อศาลปกครอง อาทิ ศปภ. กรมชลประทาน กระทรวงเกษตรฯ กรุงเทพมหานคร เป็นต้น ซึ่งขณะนี้มีผู้ส่งเอกสารแสดงความประสงค์แล้วประมาณ100ราย ซึ่งจะรวมกับรายชื่อในครั้งนี้อีกประมาณ500ราย โดยจะมีการรวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งให้ศาลปกครองในวันที่21 ธ.ค.นี้ต่อไป เวลา10.00น.