ข่าว

"ลาว" สืบทายาทวัฒนาถาวร

"ลาว" สืบทายาทวัฒนาถาวร

15 ธ.ค. 2554

การประกาศแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างๆ ของลาว เมื่อไม่นานมานี้ ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการส่งต่ออำนาจทางการเมือง


 การประกาศแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างๆ ของลาว เมื่อไม่นานมานี้ ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงการส่งต่ออำนาจทางการเมือง จากรุ่นพ่อ-แม่ไปสู่รุ่นลูก-หลานของบรรดาผู้นำคนสำคัญของพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ทั้งที่เสียชีวิตไปแล้วและที่ยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างชัดเจน


 ทั้งยังถือเป็นการพยายามที่จะรับประกันว่า สังคมนิยม (ทุน) ภายใต้การผูกขาดอำนาจโดยพรรคประชาชนปฏิวัติลาวแต่เพียงพรรคเดียวนั้น จะต้องมั่นคงสืบต่อไปอย่างวัฒนาถาวรอีกด้วย


 ทั้งนี้ในการแต่งตั้งครั้งล่าสุด ได้ปรากฏรายชื่อลูกหลานของผู้นำคนสำคัญของพรรคฯ หลายคนที่ได้ก้าวสู่ตำแหน่งรัฐมนตรี เช่น สันติพาบ พมวิหาน (บุตรชายของ ไกสอน พมวิหาน อดีตผู้นำสูงสุดของลาว) ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการเงิน เพื่อเปิดทางให้ อัดสะพังทอง สีพันดอน (ทายาทของ คำไต สีพันดอน อดีตผู้นำสูงสุดของลาวอีกคน) ที่ได้ก้าวสู่ตำแหน่งหัวหน้ากรมภาษีอย่างเต็มตัว


 ในขณะที่ สุบพะไซ สุพานุวง (ทายาทของเจ้าสุพานุวง อดีตประธานประเทศลาวคนแรก) ก็ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ และ ดร.อินลาวัน แก้วบุนพัน (ทายาทของ สีสะหวาด แก้วบุนพัน อดีตนายกรัฐมนตรี) ก็ได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น


 ที่น่าสนใจไปกว่านั้น ด้วยเหตุที่พรรคฯ ได้ประกาศเป้าหมายต่อประชาชนลาวทั้งประเทศว่าจะนำพาประเทศเพื่อทำให้ประชาชนลาวหลุดพ้นจากความยากจนให้ได้ภายในปี 2015 และพัฒนาประเทศชาติให้พ้นจากสภาพด้อยพัฒนาให้ได้ภายในปี 2020 ด้วยแล้ว จึงทำให้พรรคฯ จำเป็นต้องอาศัยบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีความสามารถและรู้เท่าทันกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาอีกด้วย


 ซึ่งก็จะเห็นได้จากการแต่งตั้งให้ พูเพ็ด คำพูนวง เป็นรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน หรือ สมมาด พนเสนา เป็นรัฐมนตรีกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง หรือ สมพาว ไพสิด เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติ และการที่ได้แต่งตั้ง พอนเทบ พนเสนา เป็นประธานคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจ แผนการและการเงินของสภาแห่งชาติชุดที่ 7 รวมถึงการแต่งตั้งให้ เข็มแพง พนเสนา เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักงานนายกฯ และให้ เข็มมะนี พนเสนา เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า ตลอดจนการให้ วีละพน วีละวง (ทายาทของ มหาสิลา วีละวง นักปราชญ์ชื่อก้องของลาว) เป็นรัฐมนตรีช่วยกระทรวงพลังงานและบ่อแร่ด้วยนั้น ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงการเสริมสร้างฐานอำนาจพรรคฯ ให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้นทั้งสิ้น ส่วนจะสามารถทำได้มากน้อยเพียงใดนั้น ก็จะต้องจับตาดูการบริหารต่อไป


 แต่ถ้าหากว่าพรรคฯ และรัฐบาลลาวสามารถที่จะทำได้จริงตามเป้าหมายที่ได้ประกาศไว้ในปี 2015 ดังกล่าว ก็ย่อมที่จะส่งผลดีต่อเนื่องไปถึงเป้าหมายในปี 2020 ด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นก็หมายถึงการคงอยู่ของพรรคประชาชนปฏิวัติลาว และการสืบทอดอำนาจจากรุ่นพ่อ-แม่สู่รุ่นลูก-หลานภายใต้สังคมนิยม (ทุน) ได้ต่อไปอีกอย่างวัฒนาถาวรนั่นเอง!!!