
หน.ทับลานเล็งถกอธิบดีดีเดย์วันรื้อรีสอร์ท9แห่ง
อุทยานแห่งชาติทับลาน เตรียมหารืออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ดีเดย์วันรื้อรีสอร์ทรุกป่าอีก 9 จุด เข้ารื้อนับ 100 หลัง
13 ธ.ค.54 นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีการเตรียมเข้าดำเนินการรื้อถอนรีสอร์ทบ้านพัก ที่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี หลังจากที่สิ้นสุดครบกำหนดในให้เวลาเจ้าของผู้ครอบครองพื้นที่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและย้ายออกจากพื้นที่ โดยใช้อำนาจตาม พรบ.อุทยานแห่งชาติ 2504 มาตรา 22 ตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค.2554 ที่ผ่านมา และทางอุทยานแห่งชาติทับลานได้ยืดระยะเวลาเพื่อให้โอกาสผู้ครอบครองพื้นที่ได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่เองอีก 45 วัน และจะสิ้นสุดลงภายในวันที่ 15 ธ.ค.2554 นี้ว่า ขณะนี้ได้มีการทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปแล้ว 7 แห่ง จากที่มีการบังคับใช้อำนาจตาม พรบ.อุทยานแห่งชาติ 2504 มาตรา 22 ทั้งหมด 64 แห่ง แบ่งเป็นในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี 2 แห่ง และจังหวัดนครราชสีมาอีก 5 แห่ง ซึ่งมีทั้งในส่วนของผู้ครอบครองพื้นที่ยินยอมรื้อถอนเอง และขอให้ทางอุทยานแห่งชาติทับลานดำเนินการให้โดยทางผู้ครอบครองเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรื้อถอน ส่วนที่เหลืออีก 57 แห่งนั้น ยังไม่มีการดำเนินการใด แต่ในจำนวนนี้มีเจ้าของสิ่งปลูกสร้างได้ยื่นเรื่องฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อให้มีคำสั่งระงับการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างประมาณ 20 แห่ง ซึ่งในจำนวนนี้ศาลปกครองมีคำสั่งยกคำร้องไปแล้ว 1 แห่ง
ดังนั้น ทางอุทยานแห่งชาติทับลานจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเข้าทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติในส่วนที่ศาลปกครองได้ยกคำร้องไม่ระงับการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงในส่วนที่ผู้ครอบครองพื้นที่ไม่ได้ยื่นเรื่องฟ้องศาลปกครอง อีกจำนวน 30 แห่ง ตามอำนาจ พรบ.อุทยานแห่งชาติ 2504 มาตรา 22
เนื่องจาก ทางอุทยานแห่งชาติทับลานได้ให้โอกาสผู้ครอบครองพื้นที่ต่อสู้ทางคดีและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่เต็มที่แล้ว แต่อย่างไรก็ตามกำหนดการเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากพื้นที่คงต้องหารือกับทาง นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช โดยละเอียดอีกครั้ง แต่ในเบื้องต้นได้วางแผนไว้ว่าจะเข้าทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่บุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลานในชุดแรก 9 จุด ซึ่งอยู่ในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา 4 จุด และในพื้นที่อำเภอนาดี จ.ปราจีนบุรี อีก 5 จุด โดยทั้ง 9 จุดนี้ส่วนหนึ่งเป็นรีสอร์ทที่พักขนาดใหญ่ และอีกส่วนเป็นบ้านพักตากอากาศ ซึ่งมีการปลูกสร้างอาคารต่างๆรวมแล้วประมาณ 100 หลัง จึงจำเป็นต้องเตรียมการทั้งเครื่องจักร อุปกรณ์การรื้อถอน และกำลังพลให้พร้อมมากที่สุด เพื่อให้การรื้อถอนเสร็จสิ้นลงโดยเร็ว
ส่วนกำหนดวันที่จะเริ่มทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับผลการหารือกับทางอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชอีกครั้ง แต่ด้วยกำหนดระยะเวลาตามกรอบที่วางไว้แล้วสามารถที่จะเข้าทำการรื้อถอนได้ทันที่หลังจากวันที่ 15 ธ.ค.2554 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่ทางอุทยานแห่งชาติทับลานได้ยืดระยะเวลาในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างมาจากกำหนดเดิมตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2504 มาตรา 22 ที่สิ้นสุดลงไปแล้วก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 30 ต.ค.2554 ผ่านมา เป็นระยะเวลาถึง 1 เดือนครึ่ง
อีกทั้ง ส่วนการดำเนินการกับรีสอร์ทบ้านพักที่บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาภูหลวง ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมาของกรมป่าไม้นั้น ล่าสุดขณะนี้ได้มีการตรวจสอบพบมีการบุกรุกพื้นที่รวมทั้งสิ้น 38 จุด เป็นเนื้อที่รวมกว่า 1,141 ไร่ ซึ่งขณะนี้ทั้งหมดทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 โดยนายไพโรจน์ ชุ่มเพ็งพันธ์ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ที่ 4 นครราชสีมา (เขาภูหลวง) ได้แจ้งความเอาผิดกับเจ้าของผู้ครอบครองพื้นที่ตามประมวลกฏหมายอาญา ในข้อหา บุกรุก ยึดถือครอบครอง ป่าสงวนแห่งชาติ กับทางพนักงานสอบสวน สภ.วังน้ำเขียวทั้งหมดแล้ว ซึ่งในจำนวนนี้มี 32 จุด ที่ทางกรมป่าไม้ได้เริ่มดำเนินการในขั้นตอนการดำเนินการตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง พ.ศ.2539 มาตรา 30 แล้ว โดยการติดประกาศให้ผู้เป็นเจ้าของ ที่ครอบครองพื้นที่ นำหลักฐานการแสดงกรรมสิทธิ์การถือครองพื้นที่ มาแสดงกับทางเจ้าหน้าที่ ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันติดประกาศ เพื่อแสดงสิทธิ์การถือครอง ก่อนที่ทางกรมป่าไม้จะดำเนินการบังคับใช้มาตรการทางปกครอง ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 25 เพื่อบังคับให้ผู้ถือครองพื้นที่รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง และย้ายออกพื้นที่ภายใน 30 วัน ในขั้นตอนต่อไป
เศรษฐกิจท่องเที่ยววังน้ำเขียวเริ่มฟื้นหลังอากาศเริ่มเย็น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรดานักท่องเที่ยวจากทั้งในจังหวัดนครราชสีมาและต่างจังหวัด จำนวนมากที่เดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ต่างพากันไปเลือกซื้อพุทรานมสดไร้สารพิษ ซึ่งเป็นผลไม้พันธุ์ที่ขึ้นชื่อของอ.วังน้ำเขียวถึงสวนเพื่อนำกลับไปรับประทานและเป็นของฝากญาติพี่น้อง
เนื่องจาก พุทราพันธุ์ดังกล่าวเป็นพุทราที่มีรสชาดหวานหอมกรอบอร่อย และในแต่ละปี จะให้ผลผลิตเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จึงเป็นที่ชื่นชอบและถูกปากของนักท่องเที่ยวแทบทุกคนที่เดินทางมาท่องเที่ยวใน อ.วังน้ำเขียว จะต้องเลือกซื้อหาติดไม้ติดมือนำกลับไปรับประทานกันเป็นประจำในช่วงนี้ของทุกปี แต่ด้วยสภาพอากาศที่เกิดฝนตกชุกกว่าทุกๆปีในช่วงฤดูฝนของปีนี้จึงทำให้ผลผลิตพุทราน้ำนมในปีนี้ลดลงกว่าเดิมเกือบเท่าตัว เนื่องจากฝนที่ตกชุกทำให้พุทราติดผลน้อยกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้มีผลทำให้ราคาพุทรานมสดปรับตัวสูงขึ้นแต่อย่างใด จึงทำให้พุทรานมสดยังคงเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยว
ขณะเดียวกัน ที่ตลาดผักและผลไม้ปลอดสารพิษในพื้นที่ ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญของ อ.วังน้ำเขียว นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวสัปดาห์นี้ ต่างพากันไปเลือกซื้อหาผักและผลไม้ปลอดสารพิษ ที่ทางเกษตรกรชาวอำเภอวังน้ำเขียวนำมาวางจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก โดยสินค้าส่วนใหญ่ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวก็จะเป็นในพวกของผักเมืองหนาวจำพวกผักสลัด และผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเห็ดหลากชนิดทั้งพันธุ์ภายในประเทศและต่างประเทศ แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้บรรยากาศในการจับจ่ายซื้อสินค้าภายในตลาดสดผักและผลไม้ภายใน อ.วังน้ำเขียว ในวันนี้ดูเหมือนจะคึกคักเป็นพิเศษ แต่ก็ถือว่า มาช้ากว่าทุกๆปี เนื่องจากในทุกๆปีก่อนหน้านี้จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวและมาจับจ่ายซื้อสินค้าคึกคักตั้งแต่ปลายเดือน ก.ค. เป็นต้นมา แต่ในปีนี้บรรยากาศเริ่มกลับมาคึกคักในช่วงต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นมา ซึ่งบรรดาพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ระบุว่าสาเหตุมาจากปัญหาอุทกภัยอย่างหนักในพื้นที่ภาคกลางจึงทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวอำเภอวังน้ำเขียวเงียบเหงาเป็นพิเศษ และอีกสาเหตุหนึ่งก็คือปัญหากรณีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาภูหลวง และอุทยานแห่งชาติทับลาน จึงทำให้นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่น
น.ส.ทราย ปุณชัยวิราช แม่ค้าจำหน่ายผลไม้ภายในตลาดสดผักและผลไม้ ต.ไทยสามัคคี อ.วังน้ำเขียว กล่าวว่า เดิมทีก่อนหน้านี้จะมีนักท่องเที่ยวทยอยเดินทางมาท่องเที่ยวในอำเภอวังน้ำเขียวตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ค.2554 เป็นต้นมาตลอดช่วงฤดูหนาว แต่ในปีนี้เพิ่งจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในช่วงที่อากาศเริ่มเย็นประมาณต้นเดือน ธ.ค.2554 เป็นต้นมา โดยคาดการณ์ว่าสาเหตุน่าจะมาจากปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคกลางและกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มสำคัญ จึงทำให้บรรยากาศการท่องเที่ยวในปีนี้เริ่มต้นช้ากว่าทุกๆปี อีกทั้งปัญหาในเรื่องของกรณีการบุกรุกพื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน และป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาภูหลวงที่เกิดขึ้นมาตลอดทั้งปี จึงทำให้นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งขาดความเชื่อมั่นที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวใน อ.วังน้ำเขียว
อย่างไรก็ตามหลังจากที่กระแสข่าวนี้ได้ซาลงไป ก็ทำให้นักท่องเที่ยวเริ่มกลับเข้ามาท่องเที่ยวในอำเภอวังน้ำเขียวเช่นเดิมบางแล้ว ทำให้มีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้นจากช่วงที่เกิดปัญหากว่าเท่าตัว จึงอยากวอนให้หน่วยงานและบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ให้จบสิ้นลงโดยเร็วเพื่อให้ความเชื่อมั่นด้านการท่องเที่ยวของ อ.วังน้ำเขียว กลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง