นายกอบต.แปดริ้วสิ้นท่าโดนจับมั่วยา | คมชัดลึก

                  เมื่อเวลา14.30น.วันที่ 12 ธ.ค. ที่หน้าสภ.แหลมฉบัง พ.ต.อ.ศักดิ์รพี เพียวพนิช ผกก.สภ.แหลมฉบัง  จ.ชลบุรี พร้อมด้วย  พ.ต.ท.ธราเทพ ตูพานิช รองผกก.สส. พ.ต.ต.อรรถพร กลั่นแสงเรือง สว.สส.ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมนายไชณรงค์ เย็นใจ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 85หมู่1 ต.บางเกลือ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา  และมีตำแหน่งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) บางเกลือด้วย    พร้อมอาวุธปืน  2 กระบอก และยาไอซ์ 1 ถุง  โดยก่อนการจับกุมนั้นพ.ต.ต.อรรถพรพร้อมชุดสืบสวนได้สืบทราบว่าที่ห้องพักเลขที่ 115 บังกะโลแห่งหนึ่ง หมู่ 9 ต.ทุ่งศุขลา อ.ศรีราชา มีการมั่วสุมเสพยาเสพติด จึงนำกำลังตำรวจเข้าตรวจสอบ


               เมื่อไปถึงพบว่าห้องดังกล่าวถูกปิดล็อคอยู่ จึงวางกำลังดักซุ่มที่หน้าห้องและพบว่านายชัยณรงค์ได้เดินออกมาจากห้องตรงไปที่รถยนต์กระบะยี่ห้อเชพโรเล็ตหมายเลขทะเบียน กง-8730 ฉะเชิงเทราซึ่งเป็นรถยนต์ประจำตำแหน่งนายกอบต.บางเกลือและจอดอยู่ที่หน้าห้องดังกล่าว
   

               ตำรวจจึงได้แสดงตัวขอตรวจค้นตัวพบยาไอซ์บรรจุอยู่ในถุงพาสติกใส 1 ถุงน้ำหนัก 0.6 กรัมอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านขวา และทำการตรวจค้นรถยนต์ประจำตำแหน่งพบว่าที่เบาะนั่งด้านหลังมีอาวุธปืนยาวคาร์บิน M.1 จำนวน1 กระบอก ซึ่งมีซองบรรจุกระสุนปืนและภายในซองบรรจุกระสุนปืนอยู่ 6 นัดและ อาวุธปืนยาวCZ BRNO รุ่น ZG47 จำนวน 1 กระบอก ภายในรังเพลิงมีกระสุนปืนอยู่ 3 นัด และยังพบท่อเก็บเสียงสำหรับประกอบอาวุธปืนยาว CZ BRNO รุ่น ZG47 จำนวน 1 อันวางอยู่บนเบาะ อุปกรณ์การเสพยาไอซ์ 1 ชุด


               ขณะสอบสวนผู้ต้องหาให้การวกวนมีอาการคล้ายคนเสพยาเสพติด และได้ยอมรับกับตำรวจว่าได้เสพยาไอซ์มา จึงได้นำตัวไปตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดและได้นำปัสสาวะส่งตรวจพบว่ามีสารเสพติดในปัสสาวะ    


               จากการสอบสวนทราบว่าอาวุธปืนสงครามทั้ง 2 กระบอกและท่อเก็บเสียงนั้นได้รับจำนำไว้จากพรรคพวกกันจึงนำใส่รถยนต์กระบะประจำตำแหน่งมาด้วยและมาเปิดห้องเสพยากับพรรคพวกแต่พรรคพวกเดินทางกลับไปกันหมดแล้วเหลือแต่ตนเองอยู่และรถยนต์กระบะดังกล่าวนั้นเป็นรถยนต์ของอบต.บางเกลือ

   
               พ.ต.อ.ศักดิ์รพี กล่าวว่า ทางตำรวจจะได้นำปืนซึ่งเป็นอาวุธปืนสงครามทั้ง 2 กระบอกนั้นไปตรวจสอบเปรียบเทียบกับหัวกระสุนปืนเพราะอาจเป็นปืนที่ใช้ก่อเหตุร้ายในพื้นที่จ.ฉะเชิงเทราและจ.ชลบุรี ก็เป็นได้ เนื่องจากผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้นั้นเข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทราและยังมีคดียิงผู้ใหญ่บ้านบาดเจ็บที่กำลังฟ้องร้องกันอยู่และคดียังไม่สิ้นสุด


               ตำรวจได้ตั้งข้อหานายชัยณรงค์ว่ามียาเสพติดให้โทษประเภทที่1(ยาไอซ์)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย,เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่1(ยาไอซ์)โดยผิดกฎหมาย,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถอนุญาตไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร หลังจากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสภ.แหลมฉบังดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

ปส.จับยาบ้ากว่า3แสนเม็ด-ยาไอซ์57กก.



              เมื่อเวลา 15.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองผบ.ตร.และเลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รองผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส. ร่วมกันแถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาค้ายาเสพติด 3 ราย ประกอบด้วย 1.นายกฤษฏา หรือ ปีโป้ ไกรหอม อายุ 24 ปี ชาวบางแค กทม. 2.นายสุรพงษ์ หรือ เอ โตพาณิชสกุล อายุ 32 ปี ชาวบางแค กทม. และ3.นายวรรณรัตน์ หรือ เบิร์ด พุ่มอ่ำ อายุ 30 ปี ขาวอ.บ้านแพ้ว จ.สมุทรสาคร พร้อมของกลางยาบ้า 370,050 เม็ด ไอซ์ 57.5 กก. รถยนต์ 2 คัน รถจักรยานยนต์ 1 คัน กระเป๋าเดินทาง 8 ใบ โทรศัพท์มือถือ 5 เครื่อง
       
 
              สืบเนื่องจากวันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา เวลา 12.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจบช.ปส. ได้รับแจ้งจากสายลับว่า นายกฤษฏาหรือ ปีโป้กับพวก จะมีการส่งมอบยาเสพติดให้กับลูกค้าในห้างโลตัสบางแค เจ้าหน้าที่จึงวางแผนจับกุม เมื่อถึงเวลานัดหมายนายกฤษฏา มาพบกับนายสุรพงษ์ เพื่อส่งของให้กับลูกค้า และมีนายวรรณรัตน์ ขับรถเก๋งมิตซูบิชิ ทะเบียน ญน 5007 กทม. เข้ามารับยา เมื่อมีการส่งมอบยากัน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม จากการตรวจค้นพบ ยาไอซ์ 2 ถุง ๆ ละ 1 กิโลกรัม รวม 2 กิโลกรัมและยาบ้า 25 มัด รวม 50 ,000 เม็ด อยู่ภายในรถยนต์ พร้อมควบคุมตัวมาสอบสวนและจากการขยายผลไปตรวจค้นรถเก๋ง มิตซูบิชิ สีดำ ทะเบียน ฏธ 1661 กทม. ซึ่งเป็นของนายสุรพงษ์ พบยาบ้าอีก 40 มัด รวม 80,000 เม็ดและไอซ์อีก 2 ถุง จำนวน 2 กิโลกรัม
        

              นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่พบกุญแจห้องดอกหนึ่งเมื่อสอบถามพบว่าเป็นของนายสุรพงษ์ที่ยอมรับว่าเป็นกุญแจห้องที่ไว้เก็บซุกซ่อนยาเสพติด ที่อาคารบางแคคอนโดทาวน์ฯ ห้องพักเลขที่ 2009 ชั้น 20 เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้นพบยาบ้าอีก 240,000 เม็ด ไอซ์ 40 ถุง รวม 40 กิโลกรัม และขยายผลไปตวรจค้นตึกแถวเลขที่ 76 /50 ม. 8 ซ.เอกชัย 44/1 แขวงและเขตบางบอน กทม.ซึ่งเป็นโรงงานตัดกางเกงพบ ยาบ้าอีก 50 เม็ดและไอซ์ 13,504.5 กรัม จึงได้ตรวจยึดของกลางไว้ทั้งหมดพร้อมแจ้งข้อกล่าวหาทั้ง 3 ราย ร่วมกันมียาเสพติดประเภท 1 ( เมทแอมเฟตามีนและยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต
       
 
              ร.ต.อ.เฉลิม เปิดเผยว่า การจับยาเสพติดครั้งนี้นับเป็นการจับกุมครั้งใหญ่ที่สุดในฝั่งธนบุรี หากรวมการจับกุม 2 วัน ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติสามารถจับกุมยาบ้าได้แล้วกว่า 2 ล้านเม็ด และไอซ์ กว่า 100 กิโลกรัม ซึ่งเป็นผลงานที่รัฐบาลได้ชื่นชมมา และอยากบอกผู้ที่ยังค้ายาเสพติดนั้นอยู่ให้เลิกขาย เพราะถ้าฝ่าฝืนไม่มีทางเล็ดลอดไปได้ ทรัพย์ที่ได้จากค้ายาจะถูกยึดทั้งหมด ทรัพย์ที่ได้มาจากความชั่ว ที่ทำลายทรัพยากรบุคคล เยาวชนของชาติ พวกคุณไม่มีโอกาสได้ใช้เงินพวกนี้ได้ อยากให้กลับตัวกลับใจมาทำงานที่สุจริต และช่วงหลังปีใหม่ ตำรวจ ป.ป.ส. จะกวาดล้างยาเสพติดครั้งใหญ่ทั่วประเทศ ไม่ว่าภาคเหนือ หรือ ภาคอีสาน พร้อมทั้งจะมีการบูรณาการแลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูล ที่สำคัญอธิบดีกรมราชทัณฑ์คนปัจจุบันก็เป็นตำรวจเก่า ซึ่งรู้เบาะแสการเคลื่อนไหวค้ายาในเรือนจำ และขอให้ประชาชนไว้ใจได้
       
 
              ด้านนายสุรพงษ์ ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ได้รับว่าจ้างจากนายวงษ์ (ไม่ทราบนามสกุล)ซึ่งรู้จักกันจากการแนะนำของเพื่อนชื่อจ่อย ซึ่งอยู่ในเรือนจำ โดยนายวงษ์ จะสั่งตนกับพวกให้ไปรับยาที่ซุกซ่อนที่บางแคคอนโด และอาคารที่ใช้เป็นที่ตัดกางเกง เพื่อส่งมอบให้กับลูกค้า โดยตนและนายกฤษฏาจะได้รับค่าจ้างครั้งละ 20,000 บาท
        

              ขณะที่นายวรรณรัตน์ ให้การว่า ได้รับค่าจ้างเป็นเงิน 200,000 บาท จากนายไก่หรือนายสมบัติ ให้ตนทำหน้าที่รับยาเสพติดมาเก็บไว้ และรอส่งมอบให้กับลูกค้าของนายไก่ ซึ่งในวันเกิดเหตุพวกของนายไก่ได้โทรไปให้ตนไปรับยาที่ห้างแห่งหนึ่งย่านบางแค จึงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว