
"ข้าพเจ้ายอมจมน้ำเหมือนประชาชนทุกคน"
กระแสรับสั่งของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่มีต่อเหล่าพสกนิกร เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2554
"ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะไม่ปั๊มน้ำออกจากบ้านเพื่อให้บ้านน้ำแห้ง ข้าพเจ้ายอมจมน้ำเหมือนประชาชนทุกคน"
กระแสรับสั่งของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ที่มีต่อเหล่าพสกนิกร เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2554 นับเป็นขวัญและกำลังใจแก่ประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมครั้งนี้เป็นอย่างมาก
เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2554 'เจ้าฟ้าหญิงเล็ก' เสด็จฯ ไปถึงบริเวณปลายสะพานนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น. ทรงประทับเรือพระที่นั่งเสด็จฯ ไปยัง 'พระตำหนักจักรีบงกช' ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร
ระหว่างทางทอดพระเนตรสภาพบ้านเรือน, อาคารพาณิชย์ และอาคารสำนักงานต่างๆ ที่ถูกน้ำท่วมสูง มาตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ราษฎรหลายหลังคาเรือนต้องอพยพย้ายไปอยู่ที่อื่น
เมื่อเสด็จฯ ถึงบริเวณพระตำหนักจักรีบงกช ทรงเยี่ยมราษฎรที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงพระตำหนัก ซึ่งไปเฝ้ารับเสด็จฯ พร้อมทั้งพระราชทานถุงยังชีพให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี และตัวแทนชาวบ้าน รวมถึงพระราชทานของเล่นแก่เด็ก และโปรดให้ออกร้านอาหาร พระราชทานเลี้ยงแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัยด้วย
พร้อมกันนี้ ทรงเยี่ยมหน่วยแพทย์พระราชทาน ที่โปรดให้หน่วยแพทย์มูลนิธิแพทย์อาสา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ พอ.สว. และมูลนิธิจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ไปตรวจรักษาแก่ผู้ประสบอุทกภัยที่เจ็บป่วย ที่อาศัยอยู่ชุมชนโดยรอบพระตำหนักจักรีบงกช
ขณะเดียวกัน พระตำหนักจักรีบงกชนั้นได้ประสบอุทกภัยมาตั้งแต่วันที่ 21 ตุลาคม 2554 มีระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร ต้องเดินทางโดยเรือ ระบบสาธารณูปโภคบางส่วนถูกตัดขาด ทำให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ต้องเสด็จฯ ไปประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช
ทั้งนี้ ด้วยพระองค์ทรงห่วงใยต่อผู้ประสบอุทกภัย และสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความเดือดร้อน จึงโปรดให้ใช้พื้นที่พระตำหนักในส่วนที่น้ำยังท่วมไม่ถึง เป็นที่ตั้งของหน่วยแพทย์พระราชทาน บริการตรวจรักษาแก่ผู้ประสบอุทกภัยสัปดาห์ละ 1 วัน และให้บริการตรวจรักษาสัตว์เลี้ยงที่เจ็บป่วย โดยทีมสัตวแพทย์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน รวมถึงแจกอาหารแก่สัตว์เลี้ยง
นอกจากนี้ยังโปรดให้จัดทำข้าวกล่องพระราชทาน วันละ 1,000 กล่อง ไปมอบให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยบริเวณโดยรอบพระตำหนัก จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
โอกาสนี้ได้มีพระดำรัสเป็นขวัญกำลังใจแก่ผู้ประสบอุทกภัย โดยให้ทุกคนมีความอดทนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
"ข้าพเจ้าเข้าใจคนที่ลำบากน้ำท่วม บ้านข้าพเจ้าก็น้ำท่วม แต่ยังคิดว่ามีแรงเหลือมาช่วยพี่น้องประชาชน ส่งหน่วยแพทย์ดูแลสุขภาพประชาชนและสัตว์เลี้ยง ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะไม่ปั๊มน้ำออกจากบ้านเพื่อให้บ้านน้ำแห้ง ข้าพเจ้ายอมจมน้ำเหมือนประชาชนทุกคน และเราจะแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนี้ไปด้วยกัน ข้าพเจ้าได้สั่งแม่บ้านของข้าพเจ้าแล้วให้ทำอาหารส่งหมู่บ้านที่ห่างไกล ได้ทราบว่าแม่บ้านได้ทำอาหารแจกชาวบ้านโดยรอบ 1,000 กล่องต่อวัน ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะกลับมาทุกสัปดาห์จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ ขอใจทุกคนสู้อดทน พวกเราจะฝ่าวิกฤตการณ์นี้ไปด้วยกัน"
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พร้อมด้วย พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 และนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เดินทางไปตรวจน้ำท่วมบริเวณถนนจรัญสนิทวงศ์ โดยมี พล.ต.พิสิทธิ์ สิทธิสาร ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วม เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2554
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงตรวจน้ำท่วมพื้นที่ถนนจรัญสนิทวงศ์ เกี่ยวกับการดูแลเขตพระราชฐานไว้ตอนหนึ่ง
"กระทรวงกลาโหมได้มอบหมายให้กองทัพบกดูแลเขตพระราชฐานนั้น ได้ประสานงานกับสำนักพระราชวังแล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งในพื้นที่ภายในให้เขาดำเนินการเอง การดำเนินค่อนข้างจะลำบาก แต่บริเวณรอบนอกนั้นจะขอทำทางลาดโค้งเป็นหลังเต่าทุกประตูข้างนอก ให้ประสานสำนักพระราชวัง ถ้าทำได้ก็ให้รีบดำเนินการ แต่ต้องให้ประตูสามารถปิด ทำแบบกองทัพบกไม่ได้ ต้องอยู่นอกประตู ทำให้เป็นหลังเต่าลักษณะเกือกม้าน้ำจะไม่เข้า แต่เบื้องต้นเท่าที่รับทราบ ทางสำนักพระราชวังไม่อนุญาต ซึ่งถ้าไม่ทำข้างนอก เขาก็ต้องทำข้างในเอง
"ท่านทรงเป็นห่วงประชาชน อยากให้เป็นไปตามธรรมชาติ นี่พระมหากรุณาธิคุณ ท่านห่วงประชาชนตลอด ท่านก็บอกว่าให้ปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติ ท่านจึงไม่ทรงโปรด และทรงรับสั่งว่าน้ำท่วมก็ขอปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ไม่อยากให้มีอะไรเป็นพิเศษ แต่ในฐานะที่กองทัพบกเป็นผู้รับผิดชอบ ก็จะทำเฉพาะที่ประสานได้ และต้องตอบคำถามของรัฐบาลด้วย"
ผู้บัญชาการทหารบก ย้ำด้วยว่า ในส่วนของการดูแลเขตพระราชฐานนั้น ต้องเป็นไปตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงรับสั่งว่าให้ดูแลทุกพื้นที่ให้ทั่วถึง ทางกองทัพบก ก็จะทำให้ดีที่สุด
แต่สิ่งสำคัญ ทุกคนต้องตระหนักไว้เสมอว่า ทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงห่วงใยประชาชนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการพระราชทานพระราชดำริ รวมทั้งพระราชทานสิ่งของเยี่ยม
"ความห่วงใย สิ่งเหล่านี้ เราต้องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และจะนำพาให้บ้านเมืองเราอยู่รอดและประชาชนปลอดภัย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว