
ทหารกับพลเรือน
ทหารกับพลเรือน : วันเว้นวันจันทร์ พุธ ศุกร์กับ ปะภัสสร เสวิกุล
วันก่อนเขียนถึงวลีเกี่ยวกับน้ำในภาษาไทยแล้ว ก็ติดพันไปถึงบทพระราชนิพนธ์เรื่อง “หนามยอกเอาหนามบ่ง” ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์ไว้เมื่อ พ.ศ.2448 ตั้งแต่ครั้งดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชและได้ทรงแก้ไขเพื่อนำออกแสดงครั้งแรกใน พ.ศ.2458 ซึ่งสำนวนที่ปรากฏทั่วไปจะเป็นสำนวนฉบับหลัง
บทพระราชนิพนธ์เรื่อง “หนามยอกเอาหนามบ่ง” มีตอนหนึ่งซึ่งทรงกล่าวถึงการอยู่ร่วมกันของทหารและพลเรือน รวมทั้งความสมัครสมานสามัคคี ดังนี้
“ขอบใจประชาชน ทั่วทุกคน ณ ธานี
มีจิตตะไมตรี เราเห็นชอบจะตอบเตือน
หญิงชายทั้งหลายนั้น ควรเห็นกันว่าเป็นเพื่อน
ทหารแลพลเรือน จงฟังคำและจำดี
ชาติเดียวกันทุกคน รักแต่ตนจะเสียที
มัวแก่งและแย่งดี จนแตกพวกไม่ควรการ
ทหารอย่าข่มเพื่อน พลเรือนก็เท่าทหาร
พลเรือนอย่าใจพาล อย่าชิงชังซึ่งโยธา
ต่างฝ่ายต้องพึ่งกัน ทุกสิ่งสรรพ์สำเร็จนา
โบราณะสุภา ษิตะกล่าวก็ควรฟัง
เสือพีเพราะป่าปก และป่ารกเพื่อเสือยัง
ดินเย็นเพราะหญ้าบัง และหญ้ายังเพราะดินดี
ร่วมชาติต้องร่วมรัก และสมัครสามัคคี
จงรักษะภักดี ต่อพระปิ่นนรากร
ทั่วกันจงกั่นกาจ รักษาชาติสโมสร
ศาสนาให้ถาวร อิศระอวะสาน
ให้เกียรติขจรจบ บรรฦาลบถึงบาดาล
เทพไทในวิมาน ให้สรรเสริญทั้งโลกาฯ”
ผมขอขอบคุณอาจารย์วรชาติ มีชูบท ที่ได้ค้นคว้าและนำบทพระราชนิพนธ์นี้มาเผยแพร่
ความรู้สึกนึกคิดในลักษณะที่ก่อให้เกิดความแบ่งแยกระหว่างทหารกับพลเรือนน่าจะเป็นเรื่องที่มีมาตั้งแต่สมัยโบร่ำโบราณ แต่ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดผลดีแก่ฝ่ายใด นอกจากจะสร้างความเสียหายแก่บ้านเมือง ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 6 จึงได้ทรงเตือนสติไว้ในบทพระราชนิพนธ์ข้างต้น
ในยามปกติ ทหารแลพลเรือนต่างก็ปฏิบัติหน้าที่ของตนไปตามความรับผิดชอบที่มีอยู่ แต่ยามใดก็ตามที่เกิดวิกฤติ ทหารและพลเรือนก็จะร่วมใจกันกอบกู้สถานการณ์ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ดังเช่นวิกฤติการณ์น้ำท่วมในเวลานี้ ดังนั้น พลเรือนบางคนจึงควรคำนึงถึงความสามัคคี และการพึ่งพากัน ไม่ควรใจพาล ชิงชังทหารเลยครับ