ข่าว

เตือนย่านมหิดลศาลายารับมือน้ำท่วม

เตือนย่านมหิดลศาลายารับมือน้ำท่วม

23 ต.ค. 2554

"ปลอดประสพ"เตือนปชช.ย่านมหิดลศาลายารับมือน้ำท่วม รีบขนของไว้ที่สูง ชาวบ้านหมู่บ้านช้างสุรินทร์ร่ำไห้ น้ำท่วมหมู่บ้าน นาข้าวหอมมะลิเสียหายยับ

          23ต.ค.2554 นายปลอดประสพ สุรัสวดี หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) แจ้งเตือนให้ประชาชนพื้นที่มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เตรียมขนของไว้ที่สูง เนื่องจากมวลน้ำกำลังจะทะลักเข้ามาในพื้นที่นี้


น้ำท่วมชาวบ้านหมู่บ้านช้างสุรินทร์ร่ำไห้

    

          เมื่อเวลา 13.30 น.ที่บริเวณแนวกระสอบทรายกั้นน้ำมูลบนเส้นทางจากหมู่บ้านช้างบ้านตากลาง ต.กระโพ อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ไปยังวังทะลุแม่น้ำมูล ได้เอ่อท่วมเข้ามา  แม้ว่าชาวบ้านหมู่บ้านช้างบ้านตากลาง จะพยายามช่วยกันกรอกทรายลงกระสอบเพื่อวางเป็นผนังกั้นน้ำระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร เพื่อไม่ให้น้ำมูลที่ท่วมนาข้าวกว่า 3  พันไร่อีกฝั่ง ได้ทะลักไหลเข้ามาท่วมนาข้าวหอมมะลิกว่า 4 พันไร่ ซึ่งเหลืออยู่จุดสุดท้ายที่ชาวบ้านนำกระสอบทรายมากั้นเป็นผนังกั้นน้ำ เกิดพังทลายลงมาเป็นระยะทางกว่า 40 เมตร  และอีกหลายจุดก็กำลังจะพังทลายลงเช่นกัน  เนื่องจากไม่สามารถที่จะต้านแรงน้ำจากแม่น้ำมูลที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ทั้งจากน้ำในลำน้ำชีที่ไหลลงมาสมทบที่บริเวณวังทะลุ โดยน้ำได้ไหลเข้าสู่นาข้าวอย่างรวดเร็ว ทำให้ข้าวหอมมะลิที่กำลังออกรวงจมอยู่ใต้น้ำ  ชาวบ้านถึงกับร้องไห้ เพราะได้ต่อสู้กับปริมาณน้ำ จำนวนมากกว่า 20 วัน แต่สุดท้ายต้านไม่ไหว ทะลักเข้าท่วมนาข้าว



          นายประกิต กลางพัฒนา ผู้ใหญ่บ้านตากลาง ซึ่งนำชาวบ้าน พร้อม อบต.ในพื้นที่ช่วยกันทำผนังกันน้ำบอกว่า ชาวบ้านได้พร้อมใจกันทำมาตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา ทั้งแนวกั้นแม่น้ำมูลฝั่งตะวันออกแต่ก็ไม่สามารถต้านแรงน้ำได้ น้ำไหลท่วมนาข้าวกว่า 3 พันไร่ ต่อมาได้ช่วยกันทำผนังกระสอบทรายกั้นบนถนนไปวังทะลุระยะทางกว่า 2  กิโลเมตร เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าท่วมนาข้าวของชาวบ้านที่เหลือเพียงจุดเดียวจำนวน 4 พันกว่าไร่ ฝั่งทิศตะวันตก แต่ก็ต้านไม่อยู่ ข้าวที่กำลังออกรวงต้องเสียหาย สงสารชาวบ้าน เนื่องจากนาข้าวของชาวบ้านที่บริเวณดังกล่าวถูกน้ำท่วมเสียหายมาติดต่อกันเป็นปีที่ 8 แล้ว



          อย่างไรก็ตามยังคงมีชาวบ้านบางคนต้องลุยน้ำที่ท่วมถึงคอลงไปเกี่ยวข้าวในนาที่น้ำท่วม แม้จะยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยวแต่ต้องจำยอม หากน้ำท่วมนานข้าวจะเสียหายทิ้ง



          นายทวีศักดิ์  บัวพา  หัวหน้าฝ่ายป้องกันและปฏิบัติการ  สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดสุรินทร์  บอกว่า ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำและฝายชลประทานขนาดกลางในเขตจังหวัดสุรินทร์ทั้ง 18 แห่ง  ปริมาณน้ำวัดได้ 174.08 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้าน ลบ.ม.) หรือประมาณ ร้อยละ 119.99 ของความจุทั้งหมด 145.079 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำโดยรวมลดลง  ส่วนแม่น้ำมูลระดับน้ำเพิ่มขึ้น 4 เซนติเมตร ระดับน้ำยังคงล้นตลิ่ง 2.10 เมตร  ลำน้ำชีน้อยระดับน้ำเพิ่มขึ้น 7 เซนติเมตร  ระดับน้ำล้นตลิ่ง   5.44  เมตร


สาว15ชาวศรีสะเกษโชคร้ายกระแสน้ำพัดจมเสียชีวิต



          เมื่อเวลา 14.30 น.   ร.ต.อ.สมัย   คำตัน  ร้อยเวร สภ.วังหิน จ.ศรีสะเกษ   ได้รับแจ้งเหตุคนตกน้ำที่คลองอีสานเขียว บริเวณทุ่งนาทางด้านทิศใต้ของหมู่บ้านลิงไอ  ต.ทุ่งสว่าง อ.วังหิน  เมื่อเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุพบชาวบ้านและเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยกำลังช่วยกันค้นหาร่างผู้เคราะห์ร้าย ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือ น.ส.รัชนีภรณ์   เพชรไพร  อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 34  บ้านเจ้าทุ่ง ต.ทุ่งสว่าง อ.วังหิน  จากการสอบถาม น.ส.ศรีรัตน์   วงศ์ศรี  อายุ 16 ปี  เพื่อนที่ไปด้วยกัน ทราบว่า น.ส.รัชนีภรณ์ หรือ ออย  ซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้อง 1 ปี ไปหาที่บ้านและบอกว่าอยากออกไปดูน้ำที่คลองอีสานเขียว ตนจึงได้ชวนเพื่อนไปด้วยทั้งหมด 4 คน เพื่อไปดูว่าระดับน้ำสูงขนาดไหนแล้ว   เมื่อไปถึงน.ส.รัชนีภรณ์ชวนเพื่อนลงไปเล่นน้ำ  แต่ไม่มีใครว่ายน้ำเป็นจึงไม่กล้าลงไปน.ส.รัชนีภรณ์ จึงลงไปว่ายน้ำเล่นคนเดียว  เมื่อเล่นไปได้สักพักเห็นร่างของเพื่อนลอยไปกับกระแสน้ำแล้วจมหายไป  พวกตนจึงวิ่งไปบอกคนให้มาช่วยแต่ก็ไม่สามารถช่วยเพื่อนได้ทัน



          นางฟั่น   เพชรไพร  ซึ่งเป็นยายของ น.ส.รัชนีภรณ์  กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นหลานสาวบอกว่าจะไปซื้อขนมจีนมากิน  แต่ออกไปแล้วก็ไม่เห็นกลับมาจึงได้โทรศัพท์หา แต่หลานก็ไม่รับสายจึงได้ออกตามหา  ก็รู้จากเพื่อนบ้านว่าหลานไปหาเพื่อนอีกคน จึงได้ไปหาที่บ้านก็รู้ว่าพากันออกมาคลองอีสานเขียว   ก็วิ่งออกมาดูพบเห็นคนมามุงดูริมคลองเต็มไปหมด  เมื่อมาถึงจึงรู้ว่าหลานสาวจมน้ำนานเป็นชั่วโมงแล้ว


          “ทันทีที่รู้ฉันถึงกับเข่าทรุด  ไม่คิดว่าหลานสาวที่เลี้ยงมาแต่เล็ก ๆ หวังว่าจะได้พึ่งพาอาศัยในยามแก่เฒ่าจะมาจมน้ำเสียชีวิตเร็วขนาดนี้”   นางฟั่นกล่าวทั้งน้ำตา


          ต่อมาเวลาประมาณ 15.30 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยและชาวบ้านที่ช่วยกันงมหาร่างของ น.สรัชนีภรณ์ ก็พบศพของหญิงเคราะห์ร้ายติดอยู่กิ่งไม้ จึงนำร่างขึ้นมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการพิมพ์ลายนิ้วมือลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน โดยญาติไม่ติดใจเอาความ จึงมอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลต่อไป