ข่าว

ทหารผวาน้ำเล็งย้ายไปสโมสรทบ.

ทหารผวาน้ำเล็งย้ายไปสโมสรทบ.

19 ต.ค. 2554

ทหารผวาน้ำท่วมทบ.เตรียมแผนย้ายไปสโมสรทบ.วิภาวดี เร่งวางแนวกระสอบทรายป้องโรงปั่นไฟ ด้านทร.-ทอ.พร้อมย้ายกองบัญชาการหนีน้ำท่วม เฝ้าระวัง 28 - 29 ต.ค.เจ้าพระยาล้น ขณะที่“ยุทธศักดิ์”ถกผบ.เหล่าทัพ 27 ต.ค.หารือแผนรับมือน้ำท่วมกรุงฯ

           19ต.ค.2554 พ.อ.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงการรับมือสถานการณ์น้ำท่วมว่า  ขณะนี้กองทัพบกมีแผนการเตรียมการไว้ 2 ขั้นตอน คือ 1.ให้รักษาพื้นที่กองทัพบก โดยมีการวางกระสอบทราย รถดูดน้ำไว้รอบๆในจุดที่เสี่ยงว่าน้ำจะเข้า แต่หากว่า น้ำมีปริมาณมากจนไม่สามารถที่จะกู้กองทัพบกกลับมาได้ เรามีแผนสำรองโดยการย้ายกองบัญชาการกองทัพบกไปยังสโมสรทหารบก ถ.วิภาวดีเป็นการชั่วคราว เพราะเห็นว่ามีความกว้างขวาง และพื้นที่สโมสรทหารบกเป็นพื้นที่สูงน่าจะสามารถรองรับน้ำได้ สำหรับโอกาสที่น้ำจะเข้าท่วมกองทัพบกก็มีความเป็นไปได้เพราะจุดนี้ตั้งใกล้ริมคลองต่างๆ รวมถึงแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งขณะนี้ทราบว่า จำนวนน้ำในแม่น้ำเต็มและเอ่อล้นมาในพื้นที่ใกล้เคียง อย่างไรก็ตามการเตรียมแผนดังกล่าวเป็นแผนที่ทุกหน่วยทหารเตรียมแผนไว้รองรับอยู่แล้ว เพื่อความไม่ประมาท

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. ภายในกองบัญชาการกองทัพบก ได้มีกำลังพลกองทัพบกนำกระสอบทรายมาก่อเป็นแนวกั้นน้ำ โดยรอบบริเวณโรงปั่นไฟสำรอง สูงกว่า 90 เซนติเมตรตามแผนป้องกันเหตุ เพราะกองทัพบกเกรงว่า หากน้ำทะลักเข้าภายในกองทัพบก และโรงปั่นไฟสำรองจะทำให้เกิดความเสียหายมากจึงจำเป็นต้องป้องกันไว้ก่อน นอกจากนี้ยังมีการเตรียมพร้อมกระสอบทรายบริเวณประตูหน้า และประตูหลังกองทัพบก โดยพร้อมตั้งแนวกระสอบได้ภายใน 2 ชั่วโมง หากมีน้ำทะลักเข้ามา อย่างไรก็ตามทหารในกองทัพบกเชื่อว่า น้ำจะไม่สูงจนเข้ามาท่วมภายในกองทัพบกได้ ทั้งนี้ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางกองทัพบกได้สั่งให้กำลังพลภายในกองทัพบก ตั้งแต่นายทหารระดับนายสิบ และพลทหาร ได้ช่วยกันกรอกกระสอบทรายวันละ 1 หมื่นกว่ากระสอบ เพื่อนำไปทำเป็นแนวกั้นภายในกองทัพบก และส่งไปยังบ้านนายทหารระดับสูง รวมถึงกำลังในกองทัพบกที่ประสบปัญหาน้ำท่วม นอกจากนี้ยังได้ให้สโมสรกองทัพบก เทเวศร์ และสนามกีฬากองทัพบก ถ.วิภาวดี เป็นศูนย์พักพิงให้กับกำลังพลของกองทัพบกที่ประสบอุทกภัย 

           พล.ร.ท.ทวีวุฒิ พงษ์พิพัฒน์ รองเสนาธิการทหารเรือ กล่าวว่า สถานการณ์ในพื้นที่พระราชวังเดิมที่เป็นที่ตั้งกองบัญชาการกองทัพเรือยังไม่น่าห่วง แต่เรามีแผนเตรียมการรองรับอยู่แล้ว ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการกองทัพเรือยังอยู่ที่เดิม แต่มีศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้ากองทัพเรือประจำอยู่ที่ดอนเมืองเพื่อประสานกับนายกรัฐมนตรี ส่วนพระราชวังเดิมที่เราเป็นห่วงคือ ปัญหาน้ำเหนือที่จะไล่ลงมาและจะตีโอบมาจากรอบในโดยเฉพาะน้ำที่ไหลออกจากอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ยังน่าเป็นห่วง ส่วนระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยายังน่าป็นห่วงอยู่ โดยในวันที่ 28 - 29 ต.ค.นี้คงต้องเฝ้าระวัง แต่ขณะนี้ยังไม่มีอะไร

           พล.อ.ต.มณฑล สัชฌุกร โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า เรามีแผนเชิญเหตุรองรับอยู่แล้ว เราประมาณว่า น้ำอาจจะท่วมกองบัญชาการกองทัพอากาศประมาณ 1 เมตร ซึ่งจะกินพื้นที่ชั้นหนึ่ง แต่ตัวกองบัญชาการยังมีชั้น 2และ 3 อยู่โดยอาจจะให้เจ้าหน้าที่ย้ายไปทำงานชั้นบน แต่หากเกินกำลังไม่สามารถทำงานได้จะพิจารณาเป็นส่วนๆไป ส่วนห้องทำงานผบ.ทอ.คงไม่มีปัญหา เพราะท่าทำงานอยู่ชั้น 2 - 3 โดยเรามีวิธีการที่จะนำมาผบ.ทอ.ขึ้นไปทำงานชั้นบนได้ หากน้ำท่วมชั้นล่าง ส่วนหากน้ำมามาก เรามีแผนเคลื่อนย้ายกองบัญชาการไปอยู่ในหน่วยในละแวกนี้ที่มีพื้นที่สูง แต่จะเป็นหน่วยใดนั้นต้องพิจารณาอีกครั้ง แต่ขณะนี้ยังสามารถทำงานได้อยู่

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการประชุมสภากลาโหมในวันที่ 27 ต.ค.นี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา

           รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผบ.เหล่าทัพ และสมาชิกทั้งหมด จะนำเรื่องการแก้ไขปัญหาอุกภัยมาหารือเป็นประเด็นหลักว่า แต่ละกองทัพมีแผนการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างไรในพื้นที่ที่สำคัญ ซึ่งรวมถึงพื้นที่กรุงเทพฯ และการแก้ปัญหาหลังน้ำลดด้วยการส่งกำลังพลไปฟื้นฟูสถานที่ราชการ ถนน บ้านเรือนประชาชน  ส่วนประเด็นที่ฝ่ายการเมืองเตรียมผลักดันการแก้ไข พ.ร.บ.การจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหมนั้น ในที่ประชุมยังไม่มีการนำมาหารือ เนื่องจากเห็นว่า ขณะนี้ประเด็นการแก้ปัญหาอุกภัยเป็นเรื่องสำคัญกว่าเรื่องอื่น


ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเร่งเสริมคันดินรอบสนามบิน

           ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ   ขณะนี้พื้นที่โดยรอบสนามบินได้มีรถแบคโฮและรถบรรทุกดินจำนวนมาก กำลังช่วยกันนำดินเหนียวและทรายมาทำการถมตั้งเป็นคันดินสูงประมาณ 350 เซนติเมตรล้อมรอบสนามบิน ซึ่งมีพื้นที่กว่า 23 กิโลเมตร ซึ่งขณะนี้ดำเนินการแล้วเสร็จไปแล้วประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดครบ 100 เปอร์เซ็นต์ในวัน พรุ่งนี้  (20 ) ขณะเดียวกันถนนทางเข้าออกสนามบินสุวรรณภูมิทุกเส้นทาง มีการนำกระสอบทรายนับหมื่นใบมาวางกันเป็นเขื่อนป้องกันน้ำท่วมสูงประมาณ 1 เมตร
           นายสมชัย สวัสดีผล รักษาการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) กล่าวว่า  ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้รับความร่วมมือจากกรมทางหลวง ร่วมกันเสริมความแข็งแรงของเขื่อนดินรอบพื้นที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเดิมมีความสูงอยู่ที่ 3 เมตร และขณะนี้กรมทางหลวงได้เสริมคันดินเหนียวให้สูงขึ้นอีก 50 เซนติเมตร รวมเป็น 3.50 เมตร และเพิ่มความแข็งแรงของฐานเขื่อนดินเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันน้ำท่วม โดยกรมทางหลวงได้เข้ามาดำเนินการตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยกรมทางหลวงได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญในการก่อสร้างจากศูนย์สร้างทางกาญจนบุรี ขอนแก่น ลำปาง เพชรบูรณ์ และสำนักงานทางหลวงกรุงเทพ กว่า 200 คน เข้ามาทำการสำรวจแนวคันกั้นน้ำรอบพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งมีพื้นที่โดยรอบทั้งหมด 23.5 กิโลเมตร จะแล้วเสร็จในวันพรุ่งนี้  ( 20 )   ขณะเดียวกันยังทำการขุดลอกคูคลองบริเวณต้นคลองลาดกระบัง เพื่อขยายพื้นที่ในการรองรับและช่วยให้การระบายน้ำเกิดความสะดวกมากยิ่งขึ้น ส่วนในด้านทิศใต้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิยังได้ประสานงานกับกรมชลประทานในการเร่งระบายน้ำออกสู่ชายทะเล


ทางหลวงชนบทสมุทรปราการแจ้งเตือนน้ำท่วมขังผิวจราจร


           นายสุเมธ ธีรพิศุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานทาวงหลวงชนบทจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ตามที่เกิดสถานการณ์ภาวะน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ สำนักงานทางหลวงชนบทจังหวัดสมุทรปราการ แจ้งเตือนน้ำท่วมขังถนน 3 เส้นทาง ได้แก่ ถนนสาย สป.2003 แยกทางหลวงหมายเลข 34  ถึงทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 อำเภอบางเสาธง กม. ที่ 2+350 บริเวณทางเข้ามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ น้ำท่วมขังผิวจราจร ระดับน้ำสูง 10 เซนติเมตร รถเล็กผ่านได้ ถนนสาย สป.2014 แยกทางหลวงหมายเลข 34-ร.ร.คลองหลุมลึก อำเภอบางบ่อ ช่วงกม.3+150 ถึง กม.3-460 น้ำท่วมขังผิวจราจร ระดับน้ำสูง 10 เซนติเมตร รถเล็กผ่านได้ ถนน ฉช.3001 แยกทางหลวงหมายเลข 314-บ้านลาดกระบัง อำเภอบางบ่อ (ตอนที่2) ช่วง กม.12+200 ถึง กม.13+950 บริเวณทางไปวิทยาลัยเทคนิคกาญจนาภิเษกสมุทรปราการ น้ำท่วมขังผิวจราจร ระดับน้ำสูง 10 เซนติเมตร รถเล็กผ่านได้ ช่วง กม.14+000 ถึงกม. 17+450 บริเวณจุดสกัดวัดเปร็ง ระดับน้ำสูง 40-50 เซนติเมตร รถเล็กควรหลีกเลี่ยง

 

ผู้ว่าฯนครนายกลุยรื้อคอขวดเปิดทางสู่ทะเล


            นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก กล่าวถึงกรณีที่ชาวองค์รักษ์ยอมเสียสละเป็นแก้มลิงรองรับน้ำช่วยเมืองหลวงรอดพ้นจมน้ำว่า รู้สึกเห็นใจพี่น้องชาวองค์รักษ์อย่างมาก อย่างไรก็ตามแม้อำเภอองค์รักษ์ต้องรับน้ำเพิ่มจากที่มีน้ำท่วมขังอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้ถูกทอดทิ้งจากทางการ โดยตนได้เร่งผันน้ำจากคลองรังสิตออกผ่านไปทางบางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อลงสู่แม่น้ำบางประกงและออกสู่ทะเลในที่สุด พร้อมระบุที่ผ่านมาได้ดำเนินการสิ่งที่ขวางทางน้ำไหลทำให้ไหลสะดวกมากขึ้นแล้ว แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการเร่งผันน้ำ โดยตนกำลังจะใช้รถแม็คโครไปขุดรื้อประตูน้ำบางกระต่ายของกรมชล ซึ่งขณะนี้เป็นคอขวดเพื่อให้น้ำไหลสะดวกมากยิ่งขึ้น

 

ตลาดสิงห์เกือบจมน้ำ -เมื่อเพราะสิบล้อหวิดชนเขื่อนกั้นน้ำ


           เกิดเหตุการณ์หวาดเสียวให้กับประชาชนในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองสิงห์บุรี  อีกครั้งเมื่อรถสิบล้อเทลเรอร์หมายเลขทะเบียน 82-3537  ปทุมธานี  กระจกหน้าติดชื่อ หจก.ปวีณาขนส่ง  คนขับชื่อนายบัวลอย  บุญคำชู  อายุ 54 ปี  เป็นคน อ.กันลักษณ์  จ.ศรีษะเกษ  หลังจากนำสินค้ามาส่งร้านค้าไม้ร้านหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับเขื่อนกันน้ำเสร็จ จึงนำรถออกด้วยความเร็ว ทำให้เลี่ยวรถไม่ทัน รถจึงพุ่งเข้าหาเขื่อนกั้นน้ำและล้อหน้าจมอยู่ครึ่งล้อ หน้ารถห่างจากเขื่อนประมาณ 20 เซนติเมตร  ซึ่งนายบัวลอย พยายามที่เร่งความเร็วรถ เพื่อนำรถออก แต่เจ้าหน้าที่ไปเห็นก่อนจึงให้นายบัวลอยหยุดรถและดับเครื่อง  เพราะเกรงว่าหากนายบัวลอยดิ้นต่อไปจะทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนและเป็นอันตรายต่อตัวเขื่อนจนทำให้เขื่อนพังได้   ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายบัวลอยไปสอบสวน  พบว่าอาการของนายบัวลอยไม่ปกติ  มีอาการเบลอๆ   แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เชื่อน่าจะเป็นอุบัติเหตุ  ไม่น่าจะเป็นการจงใจที่จะพุ่งชนเขื่อนกั้นน้ำให้พัง  หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำรถเครนมายกรถสิบล้อออกดังกล่าว

           นายไสวรินทร์  ศรีชำนิ  นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองสิงห์บุรี  กล่าวว่าเหตุการณ์ในครั้งนี้ดูรอยล้อแล้วน่าจะเป็นอุบัติเหตุ  ซึ่งต่อไปคงต้องปิดถนนเส้นขนาดกับเขื่อนกั้นน้ำ ไม่ให้รถใหญ่วิ่งเด็ดขาด  เพราะมีทางเป็นไปได้ว่าอาจจะมีการเดิมพันกันและจ้างรถขนาดใหญ่มาขับชนเขื่อนให้พัง  ดั้งนั้นเพื่อความไม่ประมาท จึงต้องปิดถนนและเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น

 

เร่งแจกกระสอบทรายงวดแรก20,000กระสอบรับมือน้ำท่วมสงขลา

           เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครสงขลา ถนนสายบุรี อ.เมือง จ.สงขลา รถบรรทุกกระสอบทรายได้นำกระสอบทราย จำนวน 500 กระสอบ จากทั้งหมด 20,000 กระสอบ ทยอยมาส่งเพื่อเตรียมแจกจ่ายให้กับประชาชนภายในเขตเทศบาลนครสงขลา ภายหลังจากที่ทางเทศบาลนครสงขลาจัดซื้อกระสอบทรายงวดแรก 20,000 กระสอบเพื่อเตรียมสำรองไว้ และได้สั่งเพิ่มเติมอีก หากไม่เพียงพอกับความต้องการของประชาชน เนื่องจากในวันนี้ทางภาคใต้เข้าสู่ฤดูมรสุมลมตะวันออกเฉียงเหนือเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเริ่มมีฝนตกหนักถึงหนักมากในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ที่ผ่านมาประชาชนในเขตเทศบาลนครสงขลาต้องผจญกับอุทกภัยเป็นประจำทุกปี แต่ก็ใช้เวลาไม่นานทางเทศบาลนครสงขลาก็สามารถสูบน้ำลงทะเลได้หมด

           โดยมีนายสมชาย เมฆาอภิรักษ์ รองนายกเทศมนตรีนครสงขลา พร้อมด้วยนายวิชากร บัวหอม ปลัดเทศบาลนครสงขลา ได้มาทำการตรวจสอบและดูแลความเรียบร้อย พร้อมเปิดเผยว่า กระสอบทรายทั้งหมด 20,000 กระสอบ กำลังทยอยกันมาส่งที่ศูนย์ป้องกันบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลนครสงขลา เพื่อนำมาสำรองไว้ในฤดูมรสุมฯรับน้ำท่วมขัง แจกจ่ายให้กับประชาชน ทางเทศบาลนครสงขลาได้เตรียมความพร้อมจัดซื้อกระสอบทราย 2หมื่นกระสอบ เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจ หากในเขตเทศบาลนครสงขลามีน้ำท่วมขังขึ้นมา เราก็มีกระสอบทรายคอยให้บริการประชาชนเพื่อสร้างความอุ่นใจในการป้องกันน้ำท่วมขังบ้านเรือนพี่น้องประชาชน ณ วันนี้ ทางเทศบาลนครสงขลาได้เตรียมความพร้อมในเรื่องน้ำท่วมขังไว้พอสมควรแล้ว

           อย่างไรก็ตาม ประชาชนในเขตเทศบาลนครสงขลา ก็ได้มีประสบการณ์จากอุทกภัยและวาตภัย เมื่อปลายปี 2553 ที่ผ่านมา ทำให้มีการตื่นตัวในการเตรียมพร้อมรับมือ ซึ่งคาดว่าปีนี้จะมีน้ำท่วมหนักกว่าทุกปี