ข่าว

เรื่องของ'นาย'

เรื่องของ'นาย'

18 ต.ค. 2554

คอลัมน์ ขมน้ำตาล หวานบอระเพ็ด : เรื่องของ'นาย' : โดย...พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ

       การเล่นกอล์ฟในประเทศไทยเกือบทั้งหมด  ต้องมีผู้ช่วยที่เรียกกันว่า แคดดี้ ซึ่งนอกจากจะต้องทำหน้าที่คอยสะพายลากจูงถุงกอล์ฟแล้ว ยังมีหน้าที่ต้องคอยบอกระยะทางจากตำแหน่งของลูกกอล์ฟไปยังหลุมที่ต้องตีลูกให้ลง และต้องคอยบอกทิศทางความลาดเอียงของพื้นที่รอบบริเวณหลุมที่เรียกกันว่า “กรีน”   ให้นักกอล์ฟได้รู้ว่าต้องเผื่อระยะความลาดเอียงขนาดไหนใช้กำลังในการตีมากน้อยเพียงใด และยังต้องคอยหยิบเอาเครื่องมือไม่ว่าจะเป็น “เหล็ก หรือ หัวไม้” มาให้นักกอล์ฟได้ใช้ตามความประสงค์ หรืออาจจะต้องให้คำแนะนำนักกอล์ฟก็แล้วแต่กรณีไป

       ผมเป็นคนที่ชอบเล่นกอล์ฟมากทั้งที่ไม่เคยได้ไปเรียนวิชาการตีกอล์ฟจากที่ไหน และผลคะแนนจากการตีกอล์ฟของผมก็จัดอยู่ในระดับเลวมากถึงเลวที่สุดมาโดยตลอด แต่เหตุผลที่ผมชอบเล่นกีฬากอล์ฟ เพราะเห็นว่าเป็นกีฬาที่ทำให้เรารู้ตัวว่าเรากำลังโลภมากขนาดไหน และผลของการโลภมากและใจร้อนไม่ยอมรอคอยจังหวะเวลานั้น สามารถสร้างความเสียหายให้เราได้อย่างชนิดคาดไม่ถึงทีเดียว  

       แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบเอามากๆ ในการเล่นกอล์ฟก็คือ คำเรียกขานที่แคดดี้และบุคลากรในธุรกิจกอล์ฟใช้เรียกคนเล่นกอล์ฟว่า “นาย” เพราะทำให้ผมรู้สึกว่าเรากำลังถูกแยกระดับชั้นออกมาเป็นผู้สั่งการหรือผู้มีอำนาจเหนือกว่า  ทั้งที่ในความเป็นจริงของกีฬากอล์ฟนั้น แคคดี้หรือผู้ช่วยคือผู้มีหน้าที่เท่าเทียมกันกับผู้เป็นนาย

       คนเล่นกอล์ฟในประเทศไทยจำนวนมากเมื่อถึงเวลาต้องทำการตีลูกกอล์ฟ  ก็จะต้องสอบถามแคดดี้เกี่ยวกับระยะทาง, สภาพพื้นสนาม และบางครั้งถามถึงทิศทางและความแรงของกระแสลม ยิ่งเมื่อลุกขึ้นไปอยู่บนพื้นที่ราบเรียบใกล้หลุมหรือกรีนเรียบร้อยแล้ว นักกอล์ฟส่วนใหญ่จะขอคำแนะนำจากแคดดี้ว่าต้องเผื่อระยะความลาดเอียงเท่าใด   

       นักกอล์ฟไม่น้อยเมื่อพลาดจากการเล่นไม่สามารถทำให้ลูกลงหลุมไปได้ ก็จะโกรธและพาลมาลงอารมณ์หงุดหงิดที่แคดคี้ บ้างก็กล่าวหาว่าแคดดี้บอกระยะเผื่อไม่ถูกต้อง บ้างก็บอกว่าเป็นเพราะตั้งลูกเล็งเป้าหมายไม่ดี  ทั้งที่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนักกอล์ฟเองเท่านั้น แต่ด้วยความนักกอล์ฟเป็น “นาย” แคดดี้จึงกลายเป็น “แพะ” ที่มักจะตกที่นั่งต้องรับบาปจากผลกรรมการทำพลาดของนักกอล์ฟ  

       การเล่นกอล์ฟก็ไม่ต่างไปจากการทำงานในชีวิตประจำวัน  เราในฐานะคนทำงานจะปรึกษาหารือกับคนอื่นที่ร่วมกันกับเราก็ได้ หรือหากเห็นว่าเราเป็นผู้รับแต่เพียงผู้เดียวทั้งผิดและชอบ  จะตัดสินใจทำงานชิ้นนั้นด้วยตัวเราเองเพียงคนเดียวก็ย่อมได้  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรูปแบบและลักษณะของเนื้องานนั้นๆ
 แต่อย่างไรก็ดีหากการทำงานมีคณะทำงานเป็นทีมทำงานร่วมกัน  การที่หัวหน้างานที่ดีจะหันไปสอบถามความเห็นจากเพื่อนร่วมงาน ที่มีตำแหน่งตำกว่าบ้างก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรือน่าอับอาย  เพราะอย่างน้อยในมุมมองที่ต่างจากตนเอง อาจจะบอกข้อดีอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดเห็นประโยชน์ขึ้นมาบ้าง 

       เช่นเดียวกับนักกอล์ฟอาชีพที่มักจะมีการหารือกับแคดดี้อยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ชื่อเสียงและผลประโยชน์จากการแข่งขันเกือบทั้งหมดตกอยู่กับตัวนักกอล์ฟเอง  แต่นักกอล์ฟที่ดีย่อมหารือถึงแง่คิดและมุมมองจากผู้อื่น ในขณะเดียวกันเมื่อได้เล่นไปแล้วและมีความผิดพลาดเกิดขึ้น นักกอล์ฟที่ดีย่อมไม่โทษแคดดี้  แต่ต้องหันมาทบทวนตัวเองว่าได้ตัดสินใจจากข้อมูลพลาดไปอย่างไร  หรือมีความผิดพลาดในขั้นตอนการทำงานหรือการตีกอล์ฟครั้งนั้นอย่างไรหรือบางคนสอบถามกับแคดดี้ด้วยซ้ำ ว่ามองเห็นข้อบกพร่องของตนเองตรงจุดไหนอย่างไรหรือไม่

       หัวหน้างานที่ดีจึงเป็นคนที่ควรรับฟังความคิดของคนอื่นบ้าง เช่นเดียวกันนักกอล์ฟอาชีพที่สอบถามแคดดี้ตลอดเวลาเพราะเขาไม่ได้คิดว่าตนเองเป็นนาย และนอกจากจะรับฟังความคิดเห็นจากเพื่อนร่วมงานแล้ว  เมื่อเกิดข้อผิดพลาดในการทำงานขึ้นมาก็ไม่ควรหันไปโทษว่าป็นเพราะความคิดเห็นของผู้อื่น  ด้วยว่าอำนาจการตัดสินใจขั้นสุดท้ายขึ้นอยู่กับตัวหัวหน้างานเอง      

       ยกเว้นแต่หัวหน้าประเภท “ชอบฉันรับ ผิดฉันเกี่ยง” หรือหัวหน้างานประเภทชอบแสดงอำนาจบาทใหญ่ไม่ยอมฟังความเห็นจากใคร พอผิดขึ้นมาก็โวยวายต่อว่าด่าทอ เหมือนนักกอล์ฟที่ชอบหันไปดุด่าว่าแคดดี้  เพราะคิดว่าตนเองเป็น “นาย” นั่นเองครับ