
พา "ไหมไทย" ไปฝรั่งเศส
ไหมไทย นับเป็นผลิตภัณฑ์ที่บ่งบอกถึงความสำคัญทางภูมิปัญญาไทย ที่ได้มีการทำนุบำรุงรักษากันมานานหลายชั่วอายุคน จึงทำให้ผ้าไหมไทยมีคุณลักษณะและมีความพิเศษแตกต่างจากที่อื่น
ครั้งหนึ่งไหมไทยเกือบจะสูญหายไป แต่ด้วยพระบารมีจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงรื้อฟื้นและพัฒนาจนกลับมาเฟื่องฟูมีคุณค่าสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทย ดังนั้น เพื่อเผยแพร่วัฒนธรรมผ้าไหมของไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันให้ต่างชาติได้เรียนรู้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จึงได้ร่วมกับยูเนสโก กำหนดจัดงาน "ไหมไทย สายใยแห่งแผ่นดิน" (Hhai Silk : Culture Heritage) ขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส โดยจัดให้มีการแถลงข่าวขึ้นที่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อวันก่อน
จรัลธาดา กรรณสูตร ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงการจัดงานครั้งนี้ว่า ภายในงานจะมีการจัดแสดงนิทรรศการตั้งแต่การผลิตเส้นไหมไปจนถึงการนำมาทอเป็นผ้าไหม โดยสอดแทรกวัฒนธรรมพื้นบ้านลงไปในผืนผ้าที่ถักทออย่างวิจิตรบรรจง ซึ่งผ้าไหมในแต่ละภูมิภาคที่นำไปแสดงจะบ่งบอกถึงวัฒนธรรมในแต่ละท้องที่ของประเทศไทย
"คราวนี้จะมีความพิเศษกว่าที่ผ่านมา ซึ่งเน้นแต่เรื่องศิลปวัฒนธรรมเท่านั้น โดยจะมีการอัญเชิญฉลองพระองค์ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ไปจัดแสดงพร้อมกับผลิตภัณฑ์จากศูนย์ศิลปาชีพฯ ทั้งยังเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนของประเทศไทยจำนวน 14 บริษัท เข้าไปแสดงงานร่วมกับภาครัฐ รวมถึงการเปิดโอกาสให้มีการเจรจาทางการค้าอีกด้วย" จรัลธาดา กล่าว
ขณะที่ ประทีป มีศิลป์ ผอ.สถาบันหม่อนไหมแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ (สมมช.) ในฐานะผู้ดำเนินการจัดงานได้กล่าวเพิ่มเติมว่า สถาบันฯ จะนำเอาเครื่องหมายรับรองตรานกยูงพระราชทานจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ ทั้ง 4 ประเภท ได้แก่ ตรานกยูงทอง ตรานกยูงสีเงิน ตรานกยูงสีน้ำเงิน ตรานกยูงสีเขียว นำเข้าไปใช้ใน 33 ประเทศทั่วโลก อาทิ ประเทศในกลุ่ม อียู 22 ประเทศ ประเทศอังกฤษ และประเทศในแถบเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น จีน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ เป็นต้น
"ปัจจุบันผ้าไหมไทยได้มีการพัฒนาให้มีคุณภาพ และมาตรฐานสากล โดยการได้รับเครื่องหมายรับรองตรานกยูงพระราชทาน 4 ชนิด สำหรับใช้เป็นเครื่องหมายรับรองชนิดเส้นไหมและกรรมวิธีการผลิตผ้าไหม เพื่อสร้างคุณภาพและมีความเชื่อมโยงกับพื้นที่การผลิต ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา ด้านสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ จีโอกราฟิคอล อินดิเคชั่น หรือ จีไอ (Geographical Indication : GI) โดยประเทศไทยเป็นผู้ผลิตผ้าไหมรายแรกของโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนนี้" ผอ.สถาบันหม่อนไหมแห่งชาติฯ
สำหรับเหตุผลที่เลือกใช้ประเทศฝรั่งเศสเป็นสถานที่จัดงาน ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบายว่า เนื่องจากประเทศดังกล่าวเป็นศูนย์กลางแฟชั่นชั้นนำของโลก โดยงานที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-20 พฤษภาคม 2552 ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจ ผู้ประกอบการด้านแฟชั่นผ้าไหม ผู้นำเข้าส่งออก นักลงทุนเกี่ยวกับผ้าไหมและผลิตภัณฑ์ไหม นักวิชาการ ผู้เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจไหมไทยในฝรั่งเศส กลุ่มสหภาพยุโรป และจากประเทศสมาชิกยูเนสโก อาทิ หลุยส์ วิตตอง บริษัท จิมส์ ทอมป์สัน ฯลฯ เข้าร่วมสัมมนาเรื่องเทรนด์แฟชั่นและการใช้ผ้าไหมเพื่อแลกเปลี่ยนแนวคิดด้วย