แรงงานอยุธยา1.8แสนรายเคว้ง
แรงงานอยุธยา1.8แสนรายเคว้ง เร่งเจรจาช่วยย้ายงานไปจังหวัดใกล้เคียงได้โดยไม่ถูกเลิกจ้าง ประกันสังคมเตรียมเงินหมื่นล้าน ช่วยผู้ประกันตน-ผู้ประกอบการกู้ซ่อมบ้านเรือน ฟื้นฟูโรงงาน พาณิชย์ตั้งศูนย์กระจายสินค้า แก้สินค้าขาดตลาด
นายเผดิมชัย สะสมทรัพย์ รมว.แรงงาน กล่าวภายหลังประชุมช่วยเหลือวิกฤติน้ำท่วมว่า จากการประเมินความเสียหายล่าสุดพบว่า ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา แห่งเดียว มีลูกจ้างที่ต้องหยุดทำงานชั่วคราวร่วม 1.8 แสนคน แบ่งเป็นโรงงานที่อยู่นิคมอุตสาหกรรมสหรัตนนคร มีสถานประกอบการ 49 แห่ง มีพนักงานกว่า 1.6 หมื่นคน สวนอุตสาหกรรมโรจนะ มีกิจการ 236 แห่ง มีการปิดงานชั่วคราว 180 แห่ง รวมคนงานทั้งสิ้น 1 แสนคน นิคมอุตสาหกรรมบ้านหว้า (ไฮเทค) มีสถานประกอบการ 143 แห่ง มีคนงานกว่า 6 หมื่นคน ในส่วนนี้ได้ประกาศหยุดงานชั่วคราว ส่วนนิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน มีสถานประกอบการ 90 แห่ง ลูกจ้าง 8-9 หมื่นคน ในส่วนนี้บางกิจการยังไม่หยุดงาน
ดังนั้น กระทรวงจึงได้ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อเข้าไปช่วยเหลือแล้ว โดยมีคำสั่งให้กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และกรมการจัดหางาน เร่งเข้าไปเจรจากับนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะนิคมอุตสาหกรรมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี ชัยนาท และนครสวรรค์ เพื่อช่วยเหลือแรงงานให้สามารถย้ายงานไปทำที่อื่นได้โดยยังคงสภาพการจ้างงานที่บริษัทเดิมเอาไว้
พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ตั้งศูนย์ช่วยเหลือในการประกอบอาหารในพื้นที่น้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อส่งแจกจ่ายช่วยเหลือผู้ประสบภัยวันละ 1 หมื่นกล่อง ส่วนมาตรการช่วยเหลือในระยะยาว ได้มอบหมายกรมการจัดหางานเตรียมหาตำแหน่งงานว่างที่ใกล้เคียงให้ผู้ใช้แรงงานที่ได้รับผลกระทบในกรณีถูกเลิกจ้าง ซึ่งขณะนี้มีอัตราว่างรองรับแล้วกว่า 5.7 หมื่นตำแหน่ง ในจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ ปทุมธานี ระยอง ชลบุรี สมุทรสาคร และสมุทรปราการ รวมถึงสั่งการให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เตรียมเข้าซ่อมแซมบ้านเรือน วัด สถานที่สาธารณะ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องจักรทางการเกษตร ให้แก่ประชาชนหลังน้ำลด
สปส.ปล่อยกู้หมื่นล้านฟื้นฟู
ขณะที่สำนักงานประกันสังคม (สปส.) ได้เตรียมเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่ผู้ใช้แรงงานที่เป็นผู้ประกันตน เพื่อใช้ซ่อมแซมบ้านเรือน ในวงเงินกู้ 8,000 ล้านบาท กู้ได้รายละไม่เกิน 5 หมื่นบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 2.5 คงที่ 2 ปี และสถานประกอบการเพื่อฟื้นฟูโรงงานอุตสาหกรรม ในวงเงินกู้ไม่เกิน 2,000 ล้านบาท กู้ได้รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 3 คงที่ 3 ปี
ทั้งนี้ มีธนาคารพาณิชย์ที่เข้าร่วมโครงการปล่อยกู้ 4 แห่ง คือ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารออมสิน และธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) โดยสามารถกู้ได้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2555
สั่งป้องกันนิคมอุตสาหกรรมที่เหลือ
นายสุภาพ คลี่ขจาย ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ขณะนี้น้ำได้เข้าท่วมสวนอุตสาหกรรมโรจนะทั้ง 3 เฟสแล้ว และยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้ ขณะเดียวกันมีบริษัทต่างชาติรายใหญ่ที่ลงทุนในไทยเริ่มตั้งคำถามผ่านการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งนักลงทุนต่างชาติสงสัยว่า ไทยจะมีแผนป้องกันน้ำท่วมแบบถาวรได้หรือไม่ และต้องการรู้ว่าการแก้ปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้จะเบ็ดเสร็จเมื่อไหร่ ทั้งนี้ ได้ชี้แจงว่ารัฐบาลกำลังเร่งวางระบบป้องกันน้ำท่วมและระดมทุกหน่วยงานมาแก้ปัญหา ถ้าในปี 2555 บริษัทต่างชาติจะขยายการลงทุนก็ต้องพิจารณาปัจจัยน้ำท่วมด้วย และนักธุรกิจต่างชาติจะมีความเชื่อมั่นมากน้อยเพียงใดขึ้นกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมของไทย
นางศรีวณิก หัสดิน ผู้ช่วยผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า ขณะนี้มีนิคมอุตสาหกรรมที่น่าเป็นห่วง 5 แห่ง ได้แก่ 1.นิคมอุตสาหกรรมบางหว้า(ไฮเทค) จ.พระนครศรีอยุธยา น่าเป็นห่วงมากที่สุด 2.นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา 3.นิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 4.นิคมอุตสาหกรรมบางชัน กรุงเทพมหานคร และ 5.นิคมอุตสาหกรรมแก่งคอย จ.สระบุรี นอกจากนี้ยังมีนิคมอุตสาหกรรมที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษอีก 2 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมบางพลี และนิคมอุตสาหกรรมบางปู จ.สมุทรปราการ ในขณะนี้นิคมอุตสาหกรรมบางหว้า(ไฮเทค) มีระดับน้ำต่ำกว่าแนวคันดิน 1 เมตร และมีน้ำซึมเข้าทางทิศเหนือบางส่วน ซึ่งแก้ไขได้แล้ว แต่ต้องเฝ้าติดตามตลอด 24 ชม. นิคมอุตสาหกรรมแห่งนี้มีพื้นที่ 2.4 พันไร่ มีเงินลงทุน 6.4 หมื่นล้านบาท และมีแรงงาน 5.5 หมื่นคน
ขณะที่นิคมอุตสาหกรรมที่ต้องจับตามองใกล้ชิด ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมบางพลี มีเขื่อนดินสูง 1 เมตร มีระดับน้ำต่ำกว่าเขื่อนประมาณ 80 ซม. ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมเหล็ก ยานยนต์ พลาสติก และเคมีภัณฑ์ ส่วนนิคมอุตสาหกรรมบางปู มีคันดินสูง 1.50 เมตร ระดับน้ำต่ำกว่าคันดิน 1 เมตร ซึ่ง กนอ.ได้เตรียมการพร่องน้ำในพื้นที่ให้อยู่ระดับต่ำสุด ขุดลอกคลอง และเตรียมกระสอบทรายไว้ในกรณีฉุกเฉิน
ฮอนด้ายังประเมินความเสียหายไม่ได้
นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เหตุที่น้ำท่วมสวนอุตสาหกรรมโรจนะ ก็เพราะว่าทำนบคันดินพังเร็วกว่าที่คาดไว้ อย่างไรก็ตาม โรงงานได้ทำประกันภัยทั้งตัวโรงงานและเครื่องจักร ขณะนี้มีรถยนต์เสียหายหลายร้อยคัน อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าจะไม่นำรถยนต์และชิ้นส่วนที่จมน้ำมาขายอย่างเด็ดขาด
ส่วนงานมหกรรมรถยนต์คันแรกนั้น ฮอนด้าก็จะเข้าร่วมงานตามปกติ แต่จะไม่เปิดรับจองรถยนต์ แต่ดีลเลอร์ต่างๆ ยังคงเปิดรับจองตามปกติ ส่วนความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะระดับน้ำยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ อยากเรียกร้องให้รัฐบาลรีบสูบน้ำออกนอกนิคมให้เร็วที่สุดหลังจากน้ำภายนอกนิคมลดลงแล้ว
นายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. กล่าวว่า บริษัทรถยนต์ต้องการให้รัฐบาลชี้แจงข้อมูลการแก้ปัญหาน้ำท่วมให้แก่ภาคเอกชน เนื่องจากที่ผ่านมานักลงทุนญี่ปุ่นรับข้อมูลจากสื่อสารมวลชนเพียงอย่างเดียว และเมื่อสอบถามนักธุรกิจไทยก็ไม่สามารถตอบได้ รวมทั้งต้องการให้มีการประสานผู้ผลิตชิ้นส่วนให้แก่ผู้ผลิตรถยนต์ เพราะโรงงานผลิตชิ้นส่วนที่ถูกจมน้ำมีหลายโรง โดยผู้ผลิตรถยนต์ต้องเร่งหาชิ้นส่วนเพื่อประกอบรถยนต์ให้ทันการส่งออกไปต่างประเทศ
เจโทรตั้งศูนย์ประสานงานช่วยญี่ปุ่น
นายเซ็ทซีโอะ อิอุจิ ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ เจโทร ประเทศไทย กล่าวว่า เจโทรได้ตั้งหน่วยประสานงานให้ความช่วยเหลือธุรกิจญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบ หรือ HELP DESK เพื่อประสานให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น แต่ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่าธุรกิจจะกลับมาทำการได้ตามปกติได้เมื่อใด ตอนนี้เน้นการแก้ปัญหาระยะสั้นไปก่อน อย่างไรก็ตาม อยากให้รัฐบาลไทยช่วย เช่น การสนับสนุนซอฟต์โลน การดูแลสภาพคล่องในส่วนเอสเอ็มอีที่เป็นซัพพลายให้โรงงานขนาดใหญ่ที่ได้รับผลกระทบ
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการบีโอไอ เปิดเผยว่า บีโอไอมีมาตรการช่วยเหลือผู้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอยู่แล้ว และมาตรการนี้มีผลครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ คือ บีโอไอจะช่วยให้ผู้ประกอบการได้รับยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรที่นำเข้ามาทดแทนเครื่องจักรที่เสียหายจากอุทกภัย
พาณิชย์ยันสินค้าไม่ขาดตลาด
นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมกับผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้า และผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคว่า ผู้ประกอบการยืนยันว่าสินค้ามีเพียงพอ แต่ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดปัญหาจัดวางสินค้าไม่ทันต่อความต้องการของผู้บริโภคจึงเกิดปัญหา และเพื่อให้การกระจายสินค้าไม่มีปัญหา กระทรวงพาณิชย์จึงจัดตั้งศูนย์ประสานงานการกระจายสินค้าเพื่อผู้บริโภค หากประชาชนหาซื้อสินค้าไม่ได้ให้รีบแจ้งมายังกระทรวงพาณิชย์เพื่อจะประสานนำสินค้าไปจัดจำหน่ายตามความต้องการไม่ให้เกิดภาวะสินค้าขาดแคลน
สำหรับสินค้าที่ได้รับการร้องเรียนผ่านสายด่วน 1569 ว่ามีราคาแพงมี 2 อย่างคือ ทราย และกระสอบทราย เนื่องจากมีความต้องการสูง และต้องไปขุดที่จังหวัดอื่น เช่น กาญจนบุรี และราชบุรี ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น ส่วนจะให้เป็นสินค้าควบคุมหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ แต่กระทรวงจะดูแลสินค้าให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ส่วนสินค้าอื่นๆ ยังไม่ได้รับการร้องเรียนเข้ามา
เตรียมข้าวธงฟ้า 20 ล้านถุง
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ จะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) นำข้าวในสต็อกรัฐบาลเบื้องต้นปริมาณ 1 แสนตัน เพื่อนำมาจัดทำเป็นข้าวถุงธงฟ้า ซึ่งจะได้ประมาณ 20 ล้านถุง จัดจำหน่ายให้แก่ประชาชนเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วม โดยจะดำเนินการผลิตข้าวถุงธงฟ้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
นายสมเกียรติ มรรคยาธร นายกสมาคมข้าวถุงไทย กล่าวยืนยันว่า ข้าวถุงมีจำหน่ายอย่างเพียงพอแก่ประชาชนแน่นอน และเท่าที่ตรวจสอบขณะนี้ยังไม่พบว่ามีปัญหาขาดตลาด แต่อาจจะมีบ้างที่หายไปจากชั้นวางจำหน่าย 60-70% เนื่องจากมีความต้องการซื้อสูง และขณะนี้ได้เติมสินค้าเข้าไปแล้วเช่นกัน
ค้าส่ง-ค้าปลีกขายสินค้าราคาพิเศษ
นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่ง-ปลีกไทย เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 11-18 ตุลาคมนี้ สมาคมจะขอความร่วมมือผู้ประกอบการค้าส่งใน 10 จังหวัดที่เป็นสมาชิกของสมาคม จำหน่ายสินค้าราคาพิเศษให้แก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วม เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ข้าวสาร และน้ำดื่ม จะจำหน่ายในราคาต้นทุน สำหรับสถานที่จำหน่าย ผู้ประสบภัยสามารถหาซื้อได้ที่ ร้าน ส.อยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ร้านเอกภพ แอมโปรมอลล์ จ.สระบุรี และปราจีนบุรี ร้านสมรไพบูลย์ จ.สมุทรสงคราม ร้านบิ๊กซ้ง จ.สมุทรสาคร ทีซี ซุปเปอร์ จ.นนทบุรี ภุชงค์ค้าส่ง จ.สุพรรณบุรี
นายกุฎาธาร นาควิโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาพบว่ามีลูกค้าเข้าไปซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ห้างบิ๊กซีเป็นจำนวนมาก มีทั้งที่ซื้อสินค้าเพื่อนำไปบริจาค และซื้อสินค้าเพื่อเก็บไว้บริโภคเอง จนทำให้จัดวางสินค้าไม่ทัน แต่ยืนยันว่าทางห้างบิ๊กซีมีสินค้าจำหน่ายเพียงพอ เนื่องจากมีการสต็อกสินค้าไว้อย่างน้อย 2 สัปดาห์
"มาม่า-ปุ้มปุ้ย" ยันสินค้าเพียงพอ
นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป "มาม่า" เปิดเผยว่า ขณะนี้ว่าได้เตรียมความพร้อมขั้นสูงสุดด้านการผลิตเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคทั่วประเทศที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้ ล่าสุดได้เพิ่มการทำงานวันละ 2-4 ชม. จากปกติที่เดินเครื่องวันละ 16 ชม. ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่ม 20% และเป็นการเพิ่มกำลังผลิตพร้อมกันทั้ง 3 โรงงาน คือโรงงานผลิตที่ศรีราชา ลำพูน และระยอง ซึ่งแผนการผลิตนี้เชื่อมั่นว่าจะทำให้ผู้บริโภคไม่ประสบปัญหาขาดแคลนสินค้าอย่างแน่นอน
นายไกรเสริม โตทับเที่ยง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกว้างไพศาล จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปลากระป๋อง และกลุ่มอาหารกระป๋อง "ปุ้มปุ้ย" เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เตรียมความพร้อมสมบูรณ์แบบ โดยขยายการผลิตเป็น 24 ชม. ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ก่อน เนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มสูงกว่าปกติอย่างมาก แต่ขณะนี้บริษัทได้ปรับด้านการบริหารจัดการสต็อก และการบริหารด้านขนส่ง โดยได้เตรียมเพิ่มจำนวนพนักงาน เพิ่มฝ่ายการขนส่งให้เพียงพอต่อความต้องการอีกด้วย
ขสมก.นำรถร้อน400คันให้บริการ
พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคม เปิดเผยถึงผลการหารือเพื่อหาแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม ร่วมกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และกรุงเทพมหานคร (กทม.) ว่า ระหว่างวันที่ 13-18 ตุลาคมนี้ ระดับน้ำในแม่น้ำต่างๆ จะเพิ่มสูงขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในด้านการสัญจร ดังนั้น จึงสั่งให้ ขสมก. นำรถเมล์ร้อนจำนวน 400 คัน ออกให้บริการประชาชนที่ต้องการเดินทางออกจากพื้นที่น้ำท่วมมายังถนนภายนอก รวมไปถึงให้บริการขนข้าวของเครื่องใช้กรณีที่ประชาชนต้องการอพยพออกจากพื้นที่น้ำท่วมด้วย
“ประชาชนที่อาศัยในชุมชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วมจนไม่สามารถเดินทางมาทำงานหรือไปไหนมาไหนได้นั้น หากมีความต้องการที่จะออกจากหมู่บ้าน ออกมาถนนใหญ่สายหลักๆ ในช่วงเช้าที่จะไปทำงานก็ให้รวมตัวกันแล้วโทรหาสายด่วน 184 เพื่อขอรถ ขสมก. มารับ” พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าวและว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจาก ขสมก. ว่าได้เริ่มจัดส่งรถเมล์เข้าไปให้บริการโดยสารแก่ประชาชนบ้างแล้ว ในพื้นที่หมู่บ้านบัวขาว สุขาภิบาล 3 หมู่บ้านพูนสิน 3 ถนนร่มเกล้า หมู่บ้าน คุ้มเกล้า ถนนคุ้มเกล้า โดยรถเมล์ร้อนมีความสามารถในการลุยน้ำที่ท่วมสูงมากถึง 1 เมตร รถเมล์ 1 คันสามารถรองรับประชาชนได้มากถึง 60 คน