
ยันอุโมงค์ยักษ์รับมือน้ำท่วมกรุงไหว
กทม.มั่นใจ อุโมงค์ยักษ์ รับมือน้ำท่วมกรุงไหว สั่งวางระบบเร่งผันน้ำจากคลองออกทะเล คาดยอดระบายน้ำผ่านกรุง 30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมประตูระบายน้ำบางโฉมศรี กำแพงเพชรเตรียมรับน้ำจากเขื่อนภูมิพลถึงเที่ยง6ต.ค.
5ต.ค.2554 นายสัญญา ชีนีมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ได้รับการประสานจากกรมชลประทานในการเร่งระบายน้ำเหนือลงมายังพื้นที่ กทม.ฝั่งตะวันออก โดยปริมาณน้ำจะเข้าระบบไหลผ่านเข้ามายังคลองประเวศ คลองแสนแสบ และคลองลำบึงขวาง ผ่านอุโมงค์ยักษ์พระรามเก้า-รามคำแหง ส่วนพื้นที่ชั้นในของ กทม. น้ำจะไหลผ่านคลองผดุงกรุงเกษม ขณะที่ กทม.ฝั่งตะวันตกจะผ่านคลองทวีวัฒนา เพื่อเร่งระบายออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งนี้ กทม.พร้อมจะช่วยเร่งระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาโดยเร็วที่สุด โดยสถานีสูบน้ำพระโขนงได้เร่งสูบน้ำออกอย่างเต็มที่ในปริมาณ 20 - 30 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน จากเดิมที่ระบายน้ำ 10 ล้าน ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ซึ่งจะช่วยระบายน้ำได้ประมาณ 80 - 90 เปอร์เซ็นต์จากปริมาณน้ำที่ผ่านกทม.แต่ละวัน
นายสัญญา กล่าวต่อว่า ที่สำคัญ กทม.ยังมีอุโมงค์ยักษ์ระบายน้ำที่ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว โดยเฉพาะอุโมงค์อุโมงค์ยักษ์พระรามเก้า-รามคำแหง ซึ่งมีการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น แต่หากมีปริมาณฝนตกลงมาเพิ่มเติม กทม.จะมีการประเมินสถานการณ์เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเร่งระบายน้ำให้มากขึ้น ทั้งนี้ กทม.ได้ทำทุกอย่างดีที่สุดแล้วในการเร่งระบายน้ำและไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะกทม.มีอุโมงค์ยักษ์อุโมงค์ยักษ์พระรามเก้า-รามคำแหงช่วยเร่งระบายน้ำได้เป็นอย่างดี
ด้านนายภิญโญ ปิ่นแก้ว ผู้อำนวยการหนองจอก กล่าวว่า หากมีการปล่อยน้ำเหนือลงมาเพิ่มเติมจะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ตลอดแนวริมคลองและพื้นที่เกษตรกรรม และถ้าปริมาณน้ำเข้ามามากก็อาจเอ่อล้นคลองเข้าท่วมที่พักอาศัยได้ ซึ่งเขตหนองจอกถือเป็นจุดรับน้ำที่สำคัญในพื้นที่ กทม. และเป็นทางน้ำไหลผ่านก่อนที่ออกสู่ทะเลอ่าวไทย ซึ่งทางเขตจะติดตามสถานการณ์พร้อมประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนทราบเป็นระยะ
“สำหรับปริมาณน้ำที่ปล่อยลงมาจากทางตอนเหนือจะไหลเข้าสู่เขตหนองจอกผ่านประตูระบายน้ำพระนารายณ์ คลองระพีพัฒน์ คลอง 13 คลองแสนแสบ คลองลำปลาทิว คลองลาดกระบัง จากนั้นจะไหลเข้าสู่สถานีสูบน้ำชายทะเล บริเวณ จ.สมุทรปราการ” นายภิญโญ กล่าว
ด้านว่าที่ ร.ต.เศวตชัย ทรัพย์บุญมี ผู้อำนวยการเขตมีนบุรี กล่าวว่า ทางเขตจะทำหน้าที่ดูแลทุกข์สุขของประชาชนในพื้นที่ โดยเตรียมถุงยังชีพ เวชภัณฑ์ และหน่วยแพทย์เข้าไปดูแลประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ซึ่งขณะนี้ปริมาณน้ำในพื้นที่ยังไม่สูงมากนัก ซึ่งในเขตมีนบุรี พื้นที่ 40 เปอร์เซ็นต์จะเป็นพื้นที่เกษตรกรรม มีการปลูกไร่หญ้า และไร่นาหากน้ำท่วมจะได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สถานการณ์ยังปกติ แต่ต้องเฝ้าระวังน้ำที่จะเข้ามาเพิ่มเติม โดยตนได้ประสานไปยังนายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัดกทม. ให้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำอุปกรณ์ สิ่งของ มาเตรียมความพร้อมในพื้นที่ทันที เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจจะเกิดขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอุโมงค์ยักษ์พระรามเก้า-รามคำแหง เป็นอุโมงค์ระบายน้ำใต้ดินขนาดใหญ่ที่สุดที่ตั้งแต่ กทม.เคยสร้างมา ซึ่งขณะนี้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถระบายน้ำได้ปริมาณมากกว่า 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตรระยะทางยาว 5 กิโลเมตร มีจุดเริ่มต้นที่คลองลาดพร้าวเชื่อมกับคลองแสนแสบ และไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยเจ้าหน้าที่สำนักการระบายน้ำได้ประเมินการระบายน้ำเทียบเท่าสระว่ายน้ำขนาดมาตรฐาน 4 สระ ภายในเวลาไม่ถึง 1 วินาที สามารถช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่รัศมี 50 ตารางกิโลเมตรในเขตลาดพร้าว วังทองหลาง บางกะปิ ห้วยขวาง บึงกุ่ม และสะพานสูง
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากนี้ อุโมงค์ยักษ์พระรามเก้า-รามคำแหง ยังเป็นตัวช่วยเสริมการระบายน้ำด้านตะวันออกที่เป็นปริมาณน้ำเหนือไหลเข้ามา เพราะเมื่อมีการเปิดประตูระบายน้ำที่คลองประเวศ คลองแสนแสบ จะมีการผันน้ำเข้าอุโมงค์ยักษ์พระรามเก้า-รามคำแหง ในการช่วยเร่งระบายน้ำเหนือได้ประมาณวันละ 4 ล้านลูกบาศก์เมตร
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า กทม.กำลังดำเนินการสร้างอุโมงค์ยักษ์ รัชดาภิเษก-สุทธิสาร เพื่อช่วยระบายน้ำในเขตพื้นที่ห้วยขวาง ดินแดง จตุจักร พญาไท ดุสิต และบางซื่อ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตร เส้นทางยาว 6 กิโลเมตร เริ่มจากย่าน ถนนรัชดาภิเษก ตัดกับถนนสุทธิสารจากนั้นไปสิ้นสุดที่แม่น้ำเจ้าพระยา คาดว่าการก่อสร้างแล้วเสร็จไม่เกิน 5 ปี
สมุทรสาครติดอุปกรณ์ผันน้ำลงอ่าวไทย
นายสุรชัย บุรพานนทชัย ผอ.สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค จ.สมุทรสาคร พร้อมด้วย นายกำจร มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมประมง พร้อมคณะ ว่า ได้ประชุมหารือหลังรับคำสั่ง ผวจ.สมุทรสาคร ประกาศขอแรงชาวเรือตังเก ขนาดใหญ่ พร้อมเครื่องมืออุปกรณ์ประจำเรือ เตรียมพร้อมอาศัยใช้งานผันน้ำในท่าจีน แนวขวาง บริเวณใกล้อ่าว ต.ท่าจีน อ.เมืองฯไว้ทุกขณะ ทั้งนี้เพื่อรอสัญญาณความช่วยเหลือเร่งระบายน้ำท่วมน้ำจากพื้นที่ประสบภัยได้อย่างรวดเร็วลงสู่อ่าวไทย ผ่านสมุทรสาครได้ทันท่วงที
“พร้อมกันนี้ ผวจ.ได้สั่งการออกขุดลอกคูคลอง และท่าจีนปราศจากสิ่งของกรีดกันทางน้ำผักตบชวา วัชพืช และคลองสายหลักเพื่อลดลำดับความสะดวกระบายเร่งผันกระแสน้ำมากขึ้นมาก โดยมีผู้เกี่ยวข้อง และเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรสาคร จึงออกประกาศ ที่ 0015/2554 เรื่องเตรียมความพร้อมและความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งเพื่อความปลอดภัยในชีวิตประชาชน”นายสุรชัยกล่าว
นายสุรชัย กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามได้แจ้งเตือนผู้ใช้เรือและชาวประมงระมัดระวังช่วงนี้ เพื่อดูแลตนเอง ทั้งจัดเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ประจำเรือ และสิ่งช่วยชีวิตผ็คนติดอุปกรณ์ต่างๆ กับเรือให้พร้อมใช้งานทุกเมื่อ หลังแจ้งตรวจสอบคุณภาพเรือ นอกจากนี้เรือที่เกะกะตามริมฝั่งแม่น้ำท่าจีน ห้ามมิให้จอดกรีดขวางลำน้ำ ประจำบ้านผูกเชือกเรือแข็งแรงตลอดเวลา อันเนื่องมาจากหากระดับเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้เพื่อรอบครอบและป้องกันไว้ก่อน
เจ้าหน้าที่เร่งซ่อมประตูระบายน้ำบางโฉมศรี
สถานการณ์น้ำท่วมสิงห์บุรีวันที่ 5 ตุลาคม 2554 ที่ อ.อินทร์บุรี ริมถนนสายเอเชีย (ขาขึ้น) หลัก กม.ที่ 107 หมู่ 9 ต.ท่างาม อ.อินทร์บุรี สิงห์บุรี ซึ่งเป็นศูนย์อำนวยการปฏิบัติการแก้ไขปัญหา เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน กรมชลประทานร่วมกับหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา และกรมการทหารช่าง ความคืบหน้าในการเร่งซ่อมปิดช่องคอสะพานขาด บริเวณประตูระบายน้ำบางโฉมศรี
นายมนตรี ตันตระกูล วิศวกรใหญ่ควบคุมการก่อสร้างกรมชลประทาน กล่าวว่า ขณะนี้ทุกหน่วยงานก็เร่งระดมกำลังดำเนินงานเป็นการเร่งด่วน และมีความคืบหน้าถึง 30 กว่าเปอร์เซ็นต์แล้ว โดยตลอดทั้งวันเจ้าหน้าที่เร่งบรรจุและลำเลียงกล่องหิน ทั้งทางเรือและทางรถบรรทุก ทางเรือทำงานตลอด 24 ชั่วโมง ขณะนี้ได้รับการสนับสนุนเรือจากกองทัพเรือ ส่งเรือมาช่วยอีก 2 ลำ รวมเป็น 8 ลำ ส่วนทางรถบรรทุกกล่องหิน ทำงานตั้งแต่เช้าถึงเวลา 22.00 น. หากดึกกว่านี้จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนที่อพยพมาอาศัยอยู่ริมถนน คันคลองชลประทาน และวันนี้ได้มีการปรับแผนงานเพิ่มขึ้นอีก โดยใช้รถบรรทุกหินก้อนใหญ่ ไม่ต้องนำไปบรรจุลงกล่องหินควบคู่กันไป เป็นการผสมผสานแล้วนำไปถมปิดช่องคอสะพานขาดบริเวณประตูระบายน้ำบางโฉมศรี เพิ่มความรวดเร็วขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จก่อนกำหนด
ผบ.ทร.จัดกำลังพล-เรือยกพลขึ้นบกกู้บางโฉมศรี
พล.ร.อ. สุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผบ.ทร. กล่าวว่า ตามที่ได้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก กองทัพเรือได้จัดกำลังพลพร้อมยุทโธปกรณ์จากหน่วยต่าง ๆ เข้าให้การช่วยเหลือ ผู้ประสบอุทกภัยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณประตูระบายน้ำบางโฉมศรี อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ได้รับความเสียหายจากกระแสน้ำ หลายหน่วยงานได้ระดมสรรพกำลัง ดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มขีดความสามารถ แต่ด้วยความแรงของกระแสน้ำทำให้การดำเนินงานเป็นไปค่อนข้างล่าช้า โดยคาดว่าจะสามารถซ่อมแซมบริเวณพื้นที่ประตูระบายน้ำบางโฉมศรีได้ โดยใช้เวลาประมาณ 10 วัน หรือน้อยกว่านั้น
ตนได้สั่งการให้จัดเรือระบายพลขนาดเล็ก (LCVP) จากกองเรือยกพลขึ้นบกและ ยุทธบริการ กองเรือยุทธการ และกองเรือลำน้ำ กองเรือยุทธการ จำนวน 2 ลำ และรถชานต่ำ จำนวน 2 คัน พร้อมด้วยกำลังพลของ กองทัพเรือให้การสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว ในวันนี้จนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ การปฏิบัติงานของเรือระบายพลขนาดเล็ก (LCVP) เดินทางไปลำเลียงหิน ที่บรรจุอยู่ในตะแกรงเหล็กบริเวณริมถนนสายเอเชีย ประกอบกับถนนสายเอเชียมีน้ำท่วมเกือบตลอดเส้นทาง โดยลำเลียงไปยังบริเวณพื้นที่ใกล้กับประตูระบายน้ำบางโฉมศรี เพื่อส่งต่อให้กับหน่วยงานอื่น ลำเลียงหินไปถมยัง บริเวณประตูระบายน้ำบางโฉมศรีต่อไป เพื่อลดเวลาในการซ่อมแซมบริเวณประตูระบายน้ำบางโฉมศรี เนื่องจากเรือระบายพลขนาดเล็กสามารถลำเลียงหินได้คราวละเป็นจำนวนมาก การปฏิบัติงานในครั้งนี้ กองทัพเรือได้มอบหมายให้ นาวาโทสุชาติ นุชเฟื่อง เป็นนายทหารประสานการปฏิบัติของกองทัพเรือ
ผบ.ทร. กล่าวอีกว่า กองทัพเรือยังเตรียมให้การสนับสนุน การแก้ปัญหา และให้ความช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยเฉพาะในบริเวณโบราณสถาน ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาพิจารณากำหนดแนวทางการปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยต่อไป
กำแพงเพชรเตรียมรับน้ำจากเขื่อนภูมิพลถึงเที่ยง6ต.ค.
เมื่อช่วงบ่ายที่สำนักงานชลประทานกำแพงเพชร ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร นายวันชัย สุทิน ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร นายธนู เนื่องทศเทศ ผู้อำนวยการส่วนจัดสรรน้ำ นายประพนธ์ คำไทย ผู้อำนวยการโครงการชลประทานกำแพงเพชร นายชัยวัฒน์ ศุภอรรถพานิช นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองกำแพงเพชร พล.ต.ต.ประเสริฐ กาฬรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกำแพงเพชร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมสรุปสถานการณ์น้ำท่วม ในเขตเทศบาลกำแพงเพชร
นายวันชัยสุทิน ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผยว่าข้อมูลล่าสุด น้ำที่ไหลผ่านจังหวัดกำแพงเพชร 2,400 คิว ต่อวินาที ความสูงที่หน้าสำนักงานชลประทานระดับน้ำอยู่ที่ 4 เมตร 20 เซนติเมตร พรุ่งนี้ก่อนน้ำจำนวน 100 ล้านลูกบาศก์เมตรไหลมา บวกไปอีก 1 เซนติเมตร เป็นจุดวิกฤตของน้ำที่จะเข้าเทศบาล ทางหมู่บ้านจงสวัสดิ์ และโรงฆ่าสัตว์ชุมชนเกาะแขก ทางใต้ของตัวเมือง อีกแห่งอยู่ที่ด้านหลังอาคารสำนักงานสหกรณ์ออมทรัพย์ครู ชุมชนป่าไม้ ทางทิศเหนือเลยสถานีตำรวจภูธรเมืองกำแพงเพชรไปเพียงเล็กน้อย ต้องทำกำแพงกั้นน้ำให้สูงหนาแน่นแข็งแรงและเสร็จภายในคืนนี้ และน้ำทางจังหวัดนครสวรรค์นั้นไหลช้า แรงดันน้ำจะทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นมาอีก ถึง 1 เมตร
นายประพนธ์ คำไทย ผู้อำนวยการโครงการชลประทานกำแพงเพชร กล่าวว่าน้ำสูงมีระดับสูงกว่าสถานการณ์ในปี พ.ศ. 2538 2545 2549 จึงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและต้องเสริมแนวป้องกันสูงกว่า 50 เซนติเมตรขึ้นไป นอกจากนี้ แจ้งให้ชาวบ้านในอำเภอพรานกระต่าย อำเภอไทงาม และชาวบ้านจังหวัดพิจิตร ทราบว่า ชลประทาน ไม่ได้ปล่อยน้ำไปซ้ำเติมในพื้นที่แต่อย่างใด ส่วนน้ำที่ไหลไปในพื้นที่นั้นเป็นน้ำป่าที่เกิดจากฝนตกติดต่อกัน ส่วนพื้นในเขตเทศบาลเมืองกำแพงเพชร ที่ลานอนุรักษ์ ตลาดไนท์นั้นไม่มีปัญหา เพียงป้องกันทำกำแพงเพชรกั้นน้ำทางทิศเหนือและทิศใต้ ก็จะป้องกันน้ำทะลักเข้าตัวเมืองได้
อย่างไรก็ตามปริมาณน้ำจำนวนมหาศาล 100 ล้านลูกบาศก์เมตรที่ระบายจากเขื่อนภูมิพล จังหวัดตากที่ปล่อยระบายมาตั้งแต่เที่ยงคืนของเมื่อคืนนี้ ใช้เวลาในการเดินทางของน้ำประมาณ 28 ชั่วโมง จะถึงพื้นที่เมืองกำแพงเพชรในเที่ยงของวันพรุ่งนี้
ขณะเดียวกันในตอนนี้ที่บริเวณเชิงสะพานข้ามแม่น้ำปิง ฝั่งตลาดตำบลคลองขลุงเทศบาลตำบลคลองขลุงได้บรรจุกระสอบทรายไปทำกำแพงกั้นน้ำเตรียมรับมือกับน้ำในวันพรุ่งนี้กันแล้ว
ป.ป.ท.เรียกสอบพยานคดีหักหัวคิวเงินชดเชยนาข้าวถูกน้ำท่วม
พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีที่มีชาวบ้านต.บางระกำ ต.ชุมแสงสงคราม อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เข้าร้องเรียนกับป.ป.ท.เขตพื้นที่ 6 ว่า ถูกผู้ใหญ่บ้านหักหัวคิวเงินชดเชยนาข้าวที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม และถูกบังคับให้แจ้งความเสียหายเกินจริง ว่า ป.ป.ท.เขตพื้นที่ 6 จ.พิษณุโลก ได้เรียกพยานเข้าให้ปากคำแล้ว นอกจากนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้อำเภอตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย เนื่องจากเป็นกรณีดังกล่าวค่อนข้างมีหลักฐานชัดเจน เพราะมีการบันทึกคลิปวีดีโอและนำออกมาเผยแพร่ผ่านสื่ออย่างแพร่หลาย โดยล่าสุดผู้ใหญ่บ้านที่ตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาไม่มีพฤติการณ์ข่มขู่ชาวบ้าน แต่ได้สงบเสงี่ยมลงไปมาก เบื้องต้นต้องการให้กระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัดดำเนินการทางปกครองก่อน ส่วนการตรวจสอบเรื่องการเบิกรับเงินช่วยเหลือไร่นาเสียหายเกินความเป็นจริงในภาพรวมนั้น ตรวจสอบไม่ยาก เนื่องจากมีข้อมูลค่อนข้างชัดว่าแต่ละท้องที่มีพื้นที่การเกษตรเท่าใด
พ.ต.อ.ดุษฎี กล่าวอีกว่า สำหรับมาตรการตรวจสอบเพื่อป้องกันไม่ให้มีการทุจริตการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เขตพื้นที่ 1 และเขตพื้นที่ 6 ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบการแจกจ่ายถุงยังชีพ โดยกำชับให้ตรวจสอบและเก็บข้อมูลอย่างละเอียดว่า ถุงยังชีพที่นำมาแจกเป็นของหน่วยงานใด แจกในพื้นที่ใด วันที่เท่าใด และมีราคาเท่าไร จากนั้นจะนำมาตรวจสอบเปรียบเทียบกับการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งจะทำให้รู้ว่ามีการเบิกจ่ายผิดปกติหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ป.ป.ท.จะเฝ้าติดตามสังเกตการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างใกล้ชิด แต่จะยังไม่ดำเนินการใด ๆ เพราะเกรงว่าอาจกระทบกับการเข้าไปช่วยเหลือชาวบ้าน