
สงครามคน"รัก"กับ"ลัก"หมาในเวียดนาม
สงครามคน"รัก"กับ"ลัก"หมาในเวียดนาม : โต๊ะต่างประเทศรายงาน
หากพูดถึงชาติที่นิยมรับประทานเนื้อสุนัข เชื่อว่าชื่อที่จะขึ้นมาเป็นอันดับแรกๆ คือ เวียดนาม ประเทศที่จะพบเห็นภาพสุนัขถูกจับยัดใส่กรงแน่นขนัด บนเบาะหลังรถจักรยานยนต์เพื่อขนไปโรงฆ่าสัตว์เป็นเรื่องปกติ กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า สุนัขทุกตัวล้วนมีไว้เพื่อกิน มีชาวเวียดนามมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เลี้ยงสุนัขเป็นสัตว์เลี้ยง และต้องคอยระวังพวกหัวขโมย ไม่ให้มาลักพาตัวไปขายตามภัตตาคาร จนกลายเป็นเหตุรุนแรงถึงขั้นบาดเจ็บและเสียชีวิตกันเลยทีเดียว
สำนักข่าวเอพีรายงานเรื่องนี้ โดยยกกรณีตัวอย่างนายเหงียน วาน เกือง ชายเวียดนาม วัย 54 ปี ในกรุงฮานอย เจ้าของ "เจ้าแบล็ค" สุนัขวัย 15 ปี ที่ถูกชายสองคนใช้รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะขโมยไปเมื่อเดือนที่แล้ว เกืองกับเพื่อนบ้านพยายามวิ่งไล่ตาม แต่ถูกขโมยมืออาชีพปาก้อนอิฐเข้าใส่ ชายคนหนึ่งโชคร้ายเดินผ่านมาพอดีเจอลูกหลงเสียชีวิต
ด้านหัวหน้าตำรวจหมู่บ้านฮุงดอง จ.เหงอัน ทางภาคกลางของเวียดนาม กล่าวว่า พวกขโมยสุนัขก้าวร้าวขึ้น บางทีขโมยกลางวันแสกๆ อย่างไม่เกรงกลัว ชาวบ้านโกรธมากที่เห็นสุนัขถูกขโมยไปต่อหน้าต่อตา น้อยครั้งที่ขโมยจะถูกจับได้ จึงเป็นเหตุให้ชาวบ้านหันมาใช้วิธีตั้งศาลเตี้ยจัดการกับหัวขโมย
เหตุรุนแรงเกี่ยวกับสุนัขในหลายจังหวัดของเวียดนามจึงเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา หัวขโมยรายหนึ่งถูกชาวบ้านจับได้ และถูกรุมประชาทัณฑ์จนตาย จากนั้นเผาร่างจนไหม้เกรียมพร้อมรถจักรยานยนต์ ทิ้งไว้ข้างทางเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู แต่ฝ่ายขโมยก็ไม่ยอม เตรียมตัวตั้งแต่ก้อนอิฐ มีด ขวดน้ำ ลูกดอก และหนังสติ๊กไว้สู้กับชาวบ้านที่ขัดขวาง
ส่วนที่ จ.ซ็อคตรัง ทางตอนใต้ ชายสองคนเข้ามอบตัวต่อตำรวจเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากยิงลูกดอกเข้าหัวใจเจ้าของสุนัขคนหนึ่ง ที่กำลังไล่กวดพวกตน
เหตุที่ชาวบ้านหันมาตั้งศาลเตี้ยกันเองและไม่คิดพึ่งตำรวจ ก็เพราะการลักขโมยสุนัข ไม่ใช่ความผิดที่จะแจ้งข้อหาใดข้อหาหนึ่งได้ ความผิดฐานลักเล็กขโมยน้อย มักถูกลงโทษปรับ 1-2 ล้านด่อง ประมาณ 1,500 - 3,000 บาท โดยมากตำรวจจึงทำได้แค่เพียงปรับและปล่อยตัวไป
ขโมยจะโดนแจ้งข้อหาอาญาได้ต่อเมื่อทรัพย์สินที่ถูกขโมย มีมูลค่าอย่างน้อย 2 ล้านด่อง (ประมาณ 2,900 บาท) แต่สุนัขราคาถูกกว่านั้น ตำรวจจึงทำได้แค่ปรับฐานพยายามขโมย
ภัตตาคารเสิร์ฟเมนูเนื้อสุนัขในนครหลวงฮานอย เป็นธุรกิจที่เฟื่องฟู และในยามข้าวยากหมากแพงอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง ชาวเวียดนามจำนวนหนึ่งก็มองหารายได้พิเศษจากการตระเวนขโมยสุนัขของชาวบ้าน ที่โดยมากก็เลี้ยงแบบปล่อยเดินเพ่นพ่านตามถนน
สุนัขเป็นๆ ในฮานอย ราคาตกกิโลกรัมละ 180 บาท แพงกว่าไก่เล็กน้อย หากหาสุนัขมาขายได้สัก 20 กก. ก็จะทำเงินได้กว่า 3,000 บาท พอๆ กับเงินเดือนของแรงงานเวียดนามเลยทีเดียว
นายโรเบิร์ต ลูเซียส อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำฮานอย ที่รู้สึกขยะแขยงภัตตาคารสุนัขในเวียดนามอย่างมาก จนก่อตั้งกลุ่ม "ไครอส โคลลิชั่น" เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติต่อสัตว์เลี้ยงอย่างมีคุณธรรมในแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า ปัจจุบัน มีชาวเวียดนามมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เลี้ยงและรักสุนัขแบบชาวตะวันตก ซึ่งอาจช่วยอธิบายได้ว่าเหตุใด สงครามระหว่างคนรัก กับ คนลักสุนัข จึงดุเดือดขึ้น
ไครอส โคลลิชั่น ยังได้จับมือเป็นหุ้นส่วนกับกลุ่มปกป้องสิทธิสัตว์และนักศึกษาสัตวแพทย์ในเวียดนามด้วย
"วิธีการค้าสุนัขแบบเก่าๆ ที่ไม่ได้ใส่ใจปรานีสัตว์เท่าใดนัก กำลังจะปะทะกับแนวโน้มใหม่คือการรัก และให้คุณค่าต่อเพื่อนสัตว์เลี้ยง" อดีตทูตอเมริกันประจำเวียดนามกล่าว
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการรับประทานเนื้อสุนัขจะลดความนิยม อย่างกรณีนายเกือง ที่บ่นว่ากว่าจะเลี้ยงสุนัขจนโตและฝึกให้ฉลาดนั้น ยากมาก ตัวเขาเสียสุนัขไปประมาณ 10 ตัวแล้วให้แก่พวกขโมยสุนัขมืออาชีพ เมื่อถามว่าจะกินสุนัขที่เลี้ยงเองหรือไม่ นายเกืองสั่นศีรษะอย่างแรง และกล่าวว่าหากนึกอยากกินเนื้อสุนัข ก็จะไปที่ภัตตาคาร