
จำคุก'เหน่ ซีโฟร์'ตลอดชีวิต
ศาลฎีกาเห็นพ้องตามศาลอุทธรณ์ ให้นับโทษ 'เหน่ ซีโฟร์' มือระเบิด พยายามฆ่าพ่อ 'คมคาย พลบุตร' ต่อจาก คดีฆ่าแม่ค้าย่านบางแค พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต
4 ต.ค.54 ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.2346 / 2544 ที่พนักงานอัยการจังหวัดจันทบุรี เป็นโจทก์ยื่น ฟ้องนายกนกพล เยี่ยมสวัสดิ์ หรือเสน่ห์ หรือ "เหน่ ซีโฟร์" เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองและเจตนาไว้ก่อน และความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ฯ พ.ศ.2490
ทั้งนี้ คดีนี้อัยการโจทก์ ยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 18 ส.ค.44 ระบุความผิดความสรุปว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย.-1 ต.ค.40 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยได้บังอาจร่วมกันมีอาวุธระเบิดและอาวุธปืนและได้นำไป กระทำเพื่อประสงค์ร้ายต่อชีวิตของ นายสนิท เฟื่องประยูร บิดาของ น.ส.คมคาย พลบุตร อดีต ส.ส.จันทบุรี พรรคประชาธิปัตย์ โดยลอบนำระเบิดไปติดตั้งที่รถยนต์ของ นายสนิท เฟื่องประยูร แต่การกระทำไม่บรรลุ
ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 25 พ.ค.49 ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4) ประกอบด้วย มาตรา 80 และมาตรา 289(4) ประกอบด้วย มาตรา 60,83 และพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท เพราะการมีและใช้ระเบิดแสวงเครื่องในการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 เกิดจากเจตนาเดียวกัน จึงให้ประหารชีวิตจำเลย ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด คำให้การรับสารภาพของจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 จึงให้จำคุกไว้ตลอดชีวิต และให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษคดีหมายเลขดำที่ 585/2548 คดีหมายเลขแดงที่ 3966/2548 ที่ศาลอาญามีคำพิพากษาด้วย ซึ่งต่อมาวันที่ 25 มี.ค.51 ศาลอุทธรณ์ ก็ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
อีกทั้ง เมื่อจำเลยยื่นฎีกาในประเด็นข้อกฎหมาย ขอให้ศาลฎีกามีคำพิพากษาไม่นับโทษจำเลย ต่อจากคดีหมายเลขแดงที่ 3966/2548ที่อัยการคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องจำเลยคดีนี้ เป็นจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันฆ่า นางสมศรี บุญหมื่น หรือริน แม่ค้าย่านบางแค โดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยคดีดังกล่าวศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 1 พ.ย.50 ให้จำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์ให้นับโทษจำเลย ต่อจากคดี ที่ถูกฟ้องเป็นจำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ 3966/2548 นั้นชอบแล้ว เนื่องจากเป็นคดีที่จำเลยกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน ศาลย่อมมีคำพิพากษาให้นับโทษต่อได้ ศาลฎีกาจึงเห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้จำคุกตลอดชีวิตจำเลยและให้นับโทษต่อจากคดีหมายเลขแดงที่ 3966/2548
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนางปัทมา มารดาของนางคมคาย เสียชีวิตเนื่องจากนำรถยนต์ที่มีระเบิดผูกติดใต้รถของ นายสนิท เฟื่องประยูร สามี ไปขับขี่ขณะเดินทางไปเรียนหนังสือที่ราชภัฏรำไพพรรณี อ.เมืองจันทบุรี ที่อัยการยื่นฟ้อง นายสิทธิพร ขำอาจ หรือ จ่ามี อดีต ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ , นายเอกสิทธิ์ อยู่สุข หรือ ส.จ.รักษ์ อดีตส.จ.เลย ในฐานะผู้จ้างวาน , นายประสงค์ แสงจันทร์ หรือ หมู แก่งคอย และ จ.ส.อ.นิคม จิตรกุล หรือจ่าเปี๊ยก ซีโฟร์ มือระเบิด นั้น ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ประหารชีวิตนายสิทธิพร หรือ จ่ามี อดีตส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ และ นายเอกสิทธิ์ หรือ ส.จ.รักษ์ อดีต ส.จ.เลย ในฐานะผู้จ้างวาน
ส่วนนายประสงค์ หรือหมู แก่งคอย และจ.ส.อ.นิคม หรือจ่าเปี๊ยก ซีโฟร์ มือระเบิด ศาลให้ประหารชีวิต แต่ให้คำรับสารภาพเป็นประโยชน์จึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต