ข่าว

'มาร์ค'ซัดพท.หมกมุ่นความขัดแย้ง

'มาร์ค'ซัดพท.หมกมุ่นความขัดแย้ง

03 ต.ค. 2554

'มาร์ค'ซัดเพื่อไทยหมกมุ่นความขัดแย้ง ทำช่วยประชาชนล่าช้า ยังหวัง'ธาริต'ไม่เปลี่ยนสีตามอำนาจ

        3 ก.ย.54 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยระบุว่าขณะนี้กำลังมีขบวนการล้มรัฐบาลโดยมีการใช้แผนการ 9 ข้อว่า พรรคเพื่อไทยคิดแต่เรื่องแบบนี้ ปัญหาประชาชนถึงมาทีหลัง จนทำให้เรื่องน้ำท่วม ของแพง ไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะมัวแต่สาละวนอยู่กับความพยายามที่จะจุดประเด็นให้เกิดความขัดแย้ง ตนคิดว่ารัฐบาลทำงานไปให้ดีเถอะเพราะเป็นรัฐบาลที่มาตามระบบรัฐสภาอยู่แล้ว

        เมื่อถามถึงกรณีที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกมายอมรับว่า จากนี้ไปหลายคดีอาจจะได้รับผลกระทบ เพราะต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาลโดยเฉพาะคดีก่อการร้าย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องอธิบายให้ชัดว่านโยบายคืออะไร ถ้าเป็นนโยบายที่ไปตามหลักการของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.)มีข้อเท็จจริงที่ปรับเข้าได้ก็คงไม่เป็นไร ถ้าหากเป็นเรื่องของการทำไปให้ผิดหลักกฎหมายคงทำไม่ได้ และตัวอธิบดีหรือเจ้าหน้าที่เองก็ต้องระมัดระวัง เพราะในที่สุดตัวเองก็อาจตกเป็นจำเลยเสียเองก็ได้ ทั้งหมดอยู่ที่การปฏิบัติ

        เมื่อถามย้ำว่า ยังมีความหวังในตัว นายธาริต มากน้อยขนาดไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หวังว่า นายธาริต จะทำทุกอย่างตรงไปตรงมา ตนแนะนำจากตนเสมอว่าการทำอะไรตรงไปตรงมาถือเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุด

 

 

 

“มาร์ค” อัดนโยบายพลังงานรัฐบาลทำคนสับสน

        นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่ น.ส.รสนา โตสิตตระกูล ส.ว.กรุงเทพ เตรียมดำเนินการฟ้องศาลต่อศาลปกครองหากรัฐบาลยืนยันจะลอยตัวก๊าซแอลพีจีภาคขนส่งในต้นปี พ.ศ. 2555 ว่า ไม่แน่ใจว่ากว่าจะถึงต้นปีนโยบายรัฐบาลจะเปลี่ยนอีกหรือไม่ ในสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลนั้นได้วางแนวทางไว้ คือ ถ้ามีการแยกราคาขนส่งกับครัวเรือนจะเกิดปัญหาควบคุมได้ยาก เพราะจะมีคนที่ซื้อก๊าซสำหรับใช้ครัวเรือนมาใช้ภาคขนส่งซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น เช่นเดียวกับแนวคิดที่จะออกบัตรเครดิต หรือคูปองให้กับผู้ใช้บางส่วนซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาการตรวจสอบ จริงๆแล้วทางที่ง่ายกว่า คือ ถ้าหากไม่อยากให้ภาคขนส่งมีปัญหากับการขึ้นราคาแอลพีจีต้องมีการไปเก็บภาษีที่ตัวรถว่า รถคันไหนใช้แอลพีจี หรือเอ็นจีวีในอัตราที่แตกกันไป

        "ตนเห็นว่านโยบายด้านพลังงานของรัฐบาลเป็นนโยบายที่สับสน และเชื่อว่าจนถึงปีหน้าก็ทำให้เกิดความสับสนในหมู่นักลงทุนและความเชื่อถือพอสมควร เพราะการบอกว่าจะลอยตัวหรือกลับมาเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันนั้น เท่ากับเป็นการผลักภาระให้กับประชาชน ซึ่งต้องถามว่าคุ้มค่าและเป็นธรรมหรือไม่กับการที่ขณะนี้ส่งเสริมให้คนใช้เบนซิน" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

 

 

 ปชป.อัดเพื่อไทยปูดแผน 9 ข้อล้มรัฐบาลปู แค่เรื่องไร้สาระ

          นายสกลธี ภัททิยกุล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยระบุถึงกระบวนการจ้องล้มรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีแผนยุทธ์ศาสตร์ 9 ข้อว่า เป็นการพูดที่ไร้สาระและจงใจสร้างประเด็นเพื่อให้สังคมเกิดความแตกแยกโดยไม่มีข้อมูลจริง ทั้งนี้ การที่รัฐบาลจะล้มได้นั้น ไม่ได้มาจากปัจจัยอื่นใดเลย แต่มาจากการที่รัฐบาลทำตัวเอง ซึ่งเมื่อประมวลแล้ว สามารถรวมแล้วได้ 9 ข้อเช่นเดียวกัน ประกอบไปด้วย 1.การที่นายกรัฐมนตรีไร้ความสามารถขาดภาวะผู้นำ บริหารงานผิดพลาดบ่อยครั้ง รวมถึงถูกแทรกแซงกับทำงานจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นพี่ชาย 2.การที่รัฐบาลกระเหี้ยนกระหือรือเอาแต่โยกย้ายข้าราชการโดยปราศจากความเป็นธรรม 3.การที่รัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติได้ตามแนวทางที่หาเสียงไว้ อาทิ การขึ้นค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ การขึ้นเงินเดือน 15,000 บาทซึ่งมีการบิดเบือนคำพูดจาก “เงินเดือน” เป็น ”รายได้” ทำให้ประชาชนสับสนและผิดหวัง

          นายสกลธี กล่าวว่า 4.การปล่อยให้กลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งเป็นเนื้อเดียวกับรัฐบาลใช้กฎหมู่แทนกฎหมาย พยายามแทรกแซงการทำงานในหน่วยงานต่างๆ 5.ปล่อยให้กระบวนการหมิ่นสถาบันกษัตริย์ดำรงอยู่โดยไม่มีการจัดการ เห็นได้จากเว็ปไซต์หมิ่นที่เคยถูกปิดในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์กลับมาเปิดอีกครั้ง 6.การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับคดีของคนเสื้อแดง 7.การปล่อยให้สินค้าอุปโภค-บริโภคมีราคาแพงมากขึ้น 8.การไม่สามารถแก้ไขปัญหาอุทกภัยได้ ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากเกิดความเดือดร้อน และ 9.การพยายามเร่งแก้ไขให้มีการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อประโยชน์แก่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง