
จำคุก2นปช.20เดือนพกบึ้มปิงปอง
ศาลตัดสินจำคุก 20 เดือน 2 นปช.พกบึ้มปิงปอง ผิดพรก.ฉุกเฉินไม่รอลงอาญา
30 ก.ย.54 ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2514/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ฟ้อง นายวีระ สายพิมพ์ อายุ 28 ปี นายจักรกริช จอมทอง อายุ 24 ปี และนางไกรรุ่ง อ่อนคำ อายุ 40 ปี ทั้งสามเป็นแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศ หรือข้อกำหนดตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มาตรา 4, 5, 9, 11, 18 และร่วมกันมีวัตถุระเบิด(ระเบิดปิงปอง)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 4, 38, 55, 74, 78
ทั้งนี้ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 19 พ.ค.53 เวลากลางวัน ขณะรัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพฯ มีผลใช้บังคับอยู่ จำเลยทั้งสามกับพวก ร่วมกันมีวัตถุระเบิด (ระเบิดปิงปอง) 24 ลูก อันเป็นวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง ชนิดประกอบจัดทำขึ้นเอง นอกจากนี้ยังพบหัวน็อต หนังสติ๊ก และลูกแก้ว จำนวน 5 ลูก โดยจำเลยทั้งสามกับพวกร่วมกันเข้าร่วมชุมนุมกับบุคลอื่นอีกหลายคน รวมแล้วเกินกว่าห้าคนขึ้นไป และกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่ ที่บริเวณถนนของแยกสามเหลี่ยมดินแดง อันมีลักษณะกีดขวางการจราจร เหตุเกิดที่แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ และแขวงและเขตดินแดง กรุงเทพฯ เกี่ยวพันกัน
อีกทั้ง มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฟ้องว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีเจ้าพนักงานตำรวจที่ทำการจับกุมจำเลยทั้งสาม เบิกความสอดคล้องกันว่า ตามวันเวลาที่เกิดเหตุ พยานตั้งด่านตรวค้นที่บริเวณทางลงด่วนโทลล์เวย์ ถนนแจ้งวัฒนะ ฝั่งขาออก เมื่อพบจำเลยทั้งสาม นั่งรถแท็กซี่ผ่านมาจึงเรียกตรวจค้น พบกระเป๋าเสื้อผ้าที่ท้ายรถภายในมีวัตถุระเบิดของกลางตามฟ้อง จำเลยที่ 1-2 รับสารภาพว่าเป็นเจ้าของ ส่วนจำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธ โดยจำเลยทั้งสาม รับว่าไปร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช. ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง กำลังเดินทางกลับบ้านที่จังหวัดสกลนคร โดยระเบิดเตรียมนำกลับไปใช้ไล่นกในไร่ เห็นว่าพยานโจทก์ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน เชื่อว่าเบิกความไปตามจริง โดยจำเลยที่ 1-2 รับสารภาพในชั้นจับกุมว่าเป็นเจ้าของระเบิด พร้อมให้การว่าจำเลยที่ 3 ไม่มีส่วนรู้เห็นในระเบิดด้วย ประกอบกับจำเลยที่ 3 ให้การปฏิเสธมาโดยตลอด เชื่อว่าจำเลยที่ 3 ไม่มีส่วนรู้เห็นกับระเบิดดังกล่าว ส่วนที่จำเลยที่ 1-2 ต่อสู้ว่าอ้างว่าระเบิดมีไว้ใช้ไล่นกนั้น ขัดกับข้อเท็จจริงเพราะของกลางดังกล่าวมักปรากฏเป็นข่าวเสมอว่าเป็นอาวุธที่ใช้ในการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 1-2 เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่อาจรับฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้
อย่างไรก็ตาม ศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 1-2 มีความผิดฐาน ร่วมกันมีวัดถุระเบิด(ระเบิดปิงปอง)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย ลงโทษจำคุก 2 ปี และความผิดตาม พ.ร.ก.บริหาราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 จำคุก 6 เดือน จำเลยที่ 1-2 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1-2 เป็นเวลา 20 เดือน ส่วนจำเลยที่ 3 มีความผิดตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยที่ 3 ไม่เคยได้รับโทษอาญามาก่อน เห็นสมควรให้กลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษมีกำหนด 1 ปี