
คุก40เดือน'สัปเหร่อวัดไผ่เงิน'
ศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาจำคุก 15 กระทง 'สุเทพ ชะบางบอน' สัปเหร่อวัดไผ่เงิน รวม 3 ปี 4 เดือน ทำลายซากทารกทำแท้ง
29 ก.ย.54 ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ ด.362/2554 ที่นายฤชา ไกรฤกษ์ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสุเทพ หรือรอด ชะบาง บอน อายุ 47 ปี เจ้าหน้าที่สัปเหร่อ วัดไผ่เงินโชตนาราม เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันทำลาย ซ่อนเร้น พยานหลักฐานในการกระทำความผิด ฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 184 อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยคดีนี้อัยการโจทก์ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 31 ม.ค.54 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 พ.ย.52 จนถึงวันที่ 13 พ.ย.53 เวลากลางคืน จำเลยและนายสุชาติ หรือชาติ ภูมี ผู้ช่วยสัปเหร่อวัดไผ่เงิน ฯ ที่เป็นจำเลยคดีหมายเลขแดงที่ ด.307/2544 ได้ร่วมกันเอาไว้ซึ่งซากทารกจำนวน 1 ถุง แล้วนำไปซ่อนไว้ภายในช่องเก็บศพ บริเวณด้านหลังวัดไผ่เงิน ฯ เพื่อไม่ให้เจ้าพนักงานและบุคคลอื่นพบเห็น ซึ่งจำเลยได้กระทำการดังกล่าวต่อเนื่องกัน รวมจำนวน 348 ครั้ง เหตุเกิดที่แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กทม. ซึ่ง พ.ต.ท.ดิลก รื่นเนตร สารวัตรสืบสวน สน.วัดพระยาไกร สามารถจับกุมได้โดย
ทั้งนี้ จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวน แต่ภายหลังให้การปฏิเสธในชั้นศาล อ้างว่าอ่านหนังสือไม่ออกซึ่งถูกลหอกให้ลงชื่อในบันทึกการจับกุม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่าจะกันไว้เป็นพยาน
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่สองฝ่ายนำสืบแล้วเห็นว่า โจทก์ มีเจ้าอาวาสวัดไผ่เงิน ฯ เป็นพยาน เบิกความว่า ก่อนพบซากศพเมื่อวันที่ 16 พ.ย.53 ได้รับการร้องเรียนว่ามีกลิ่นเหม็นเน่าจาห้องเก็บศพจึงสั่งให้จำเลยไปตรวจดูก็พบถุงพลาสติกจำนวนมากจึงได้แจ้งความไว้ นอกจากนี้โจทก์ยังมีแพทย์ผู้ทำการตรวจซากศพ ระบุว่า แม้ซากศพจะเหม็นเน่าแต่ก็ยังสามารถนำมาตรวจพิสูจน์ได้ ขณะที่จำเลยเคยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนว่า รับซากทารกมาจาก น.ส.ลัญฉกร จันทมนัส อดีตผู้ช่วยพยาบาลไปเก็บได้ค่าตอบแทนครั้งละ 200 - 500 บาท และจำเลยยังพานำชี้ที่เกิดเหตุด้วย ขณะที่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม น.ส.ลัญฉกร อดีตผู้ช่วยพยาบาล และได้เข้าตรวจที่เกิดเหตุก็พบอุปกรณ์ทำแท้งจำนวนมาก จึงเห็นว่าแม้จะไม่มีประจักษ์พยาน แต่ลักษณะการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำผิดกฎหมายซึ่งต้องปกปิดจึงยากที่จะมีผู้ใดล่วงรู้ ประกอบกับขณะเกิดเหตุจำเลยก็เป็นสัปเหร่อ มีหน้าที่ดูแลช่องเก็บศพ และแม้รายงานการตรวจซากศพทารกจะไม่ได้ระบุว่าถูกทำแท้ง แต่พยานแวดล้อมและหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจพบบ่งชี้ได้ว่าซากนั้นเกิดจากทำแท้ง ขณะที่พยานหลักฐานในส่วนของจำเลย ประกอบคำรับสารภาพในชั้นสอบสวน ได้ความว่าจำเลยกระทำการต่อเนื่องรับซากศพจาก น.ส.ลัญฉกร มาไว้รวม 15 ซากศพ
อย่างไรก็ตาม ศาลจึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานร่วมกันทำลาย ซ่อนเร้น พยานหลักฐานในการกระทำความผิด ฯ ให้จำคุก 15 กระทง ๆ ละ 4 เดือน คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนมีประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้างเห็นควร ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลย 15 กระทง ๆ ละ 2 เดือน 20 วัน เมื่อรวมโทษแล้วให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน
ภายหลังญาติของนายสุเทพ จำเลย ได้เตรียมหลักทรัพย์มูลค่า 100,000 บาทเพื่อยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์คดีด้วย
ด้านนายฤชา อัยการเจ้าของสำนวน กล่าวว่า แม้ศาลลงโทษนายสุเทพ เพียง 15 กระทง เนื่องจากนายสุเทพ รับสารภาพในชั้นสอบสวนว่ารับซากเพียงบางส่วน แต่ส่วนตัวก็เห็นว่าศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยแล้ว ส่วสนจะอุทธรณ์หรือไม่ก็ต้องหารือกับผู้ใหญ่อีกครั้ง
ขณะที่ น.ส.บุศยภา เมณฑา พนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ 1 กล่าวว่า คดีนี้ยื่นฟ้องจำเลย รวม 348 กระทง แต่เหตุที่ศาลลงโทษเพียง 13 กระทง เนื่องจากหลักฐานชั้นสอบสวนจำเลยรับสารภาพ ว่ารับซากศพจาก น.ส. ลัญฉกร ครั้งแรก 2-3 ถุง เพียง 5 ครั้ง ส่วนนายสุชาติ ผู้ช่วยสัปเหร่อที่ถูกพิพากษาลงโทษก่อนหน้านี้ได้รับสารภาพไม่ได้ต่อสู้คดีในชั้นศาล จึงรับโทษทุกกระทง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ น.ส.ลัญฉกร หรือ โกะ อายุ 34 ปี อดีตผู้ช่วยพยาบาลซึ่งเปิดคลินิกทำแท้งเถื่อน ย่านหนองแขมนั้น อัยการฝ่ายคดีอาญาธนบุรี 5 (ตลิ่งชัน) ได้ยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน เป็นคดีหมายเลขดำ ด.25/2554 ในความผิดฐาน ประกอบสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ประกอบวิชาเวชกรรมโดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนและรับอนุญาต และทำให้หญิงอื่นแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 มาตรา 16 และ 57 , พ.ร.บ.ประกอบวิชาเวชกรรม พ.ศ.2525 มาตรา 26 และ 43 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 302 ประกอบมาตรา 33 และ 91
โดยศาลจังหวัดตลิ่งชัน มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 16 ส.ค.54 ว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้องให้จำคุก 4 กระทงๆ ละ 2ปี ฐานทำให้หญิงอื่นแท้งลูก ฯ , ฐานประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาตให้จำคุก 1 ปี และฐานประกอบวิชาชีพเวชกรรม ฯ จำคุก 1 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 5 ปี โดยศาลพิเคราะห์พฤติการณ์ประกอบรายงานการสืบเสาะจำเลยแล้ว เห็นว่า เป็นการกระทำที่ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย กระทบต่อศีลธรรมอันดีในสังคม และยังก่อให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพอนามัยและชีวิตของผู้ทำแท้ง พฤติการณ์เป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
ส่วนนายสุชาติ ภูมี อายุ 39 ปี ผู้ช่วยสัปเหร่อวัดไผ่เงินฯ นั้น ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านา ให้จำคุก 2,002 กระทงๆ 4 เดือน รวมจำคุก 8,008 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา เห็นควรลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกเป็นเวลา 4,004 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุก 20 ปี ตามมาตรา 91



