
มหาสารคามประกาศภัยพิบัติ10อำเภอ
ลำน้ำชีและลำน้ำสาขาระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นไหลเข้าท่วมบ้านเรือนใน จ.มหาสารคาม ต้องประกาศภัยพิบัติรวม 10 อำเภอ
26 ก.ย.54 สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.มหาสารคาม เริ่มขยายวงกว้าง เนื่องจากอิทธิพลจากแม่นำชี และแม่น้ำสาขา ประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทางจังหวัดต้องประกาศพื้นที่ภัยพิบัติเพิ่มอีก1 อำเภอรวมเป็น 10 อำเภอ
สำหรับพื้นที่ อ.โกสุมพิสัย ประชาชนประสบภัยน้ำท่วมขยายเป็นวงกว้าง โดยได้รับอิทธิพลน้ำจากลำห้วยสาขาต่างๆ ที่ไหลมาจาก อ.กุดรัง และ อ.บรบือ บางส่วน ประกอบกับแม่น้ำชีที่ได้รับน้ำมาจาก จ.ชัยภูมิ และจ.ขอนแก่น ส่งผลให้มีน้ำเริ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถนนหลายสายสัญจรไม่ได้ นาข้าวเสียหาย
ล่าสุดสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดมหาสารคาม ได้สรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.มหาสารคาม มีการประกาศพื้นที่ประสบภัยพิบัติ กรณีฉุกเฉินจากการถูกน้ำท่วมจำนวน 10 อำเภอ ได้แก่ อ.เมือง กันทรวิชัย โกสุมพิสัย เชียงยืน ชื่นชม กุดรัง บรบือ นาเชือก แกดำ และอ.พยัคฆภูมิพิสัย รวม 76 ตำบล 727 หมู่บ้าน 30 ชุมชน มีราษฎรได้รับความเดือดร้อน 174,714 คน 47,029 ครัวเรือน ไร่นาพื้นที่ทางการเกษตรถูกน้ำท่วมเสียหาย 64,696 ไร่ ถนน 127 สาย ทำนบกั้นน้ำ 10 แห่ง
ส่วนปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลางของกรมชลประทานที่กระจายอยู่ในพื้นที่ 13 อำเภอ ของจังหวัดมหาสารคามทั้ง 17 แห่ง ขณะนี้มีปริมาณน้ำในอ่างรวม 68.543 ล้านลูกบาศก์เมตรจากปริมาณเก็บกักทั้งหมด 81.41 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 84.18
ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักมีระดับสูงขึ้นไหลเข้าท่วมตลาดท่าเรือและองค์พระนอน
ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักสูงขึ้นไหลเข้าท่วมบริเวณบ้านเรือนประชาชนริมแม่น้ำ โดยเฉพาะที่ วัดสะตือ ต.ท่าหลวง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยระดับน้ำสูงขึ้นอยู่ที่ 50 ซ.ม.- 1 เมตร โดยระดับน้ำสูงขึ้นกว่าวันที่ผ่านมา ประมาณ 30 ซ.ม. โดยน้ำได้ท่วมบริเวณรอบองค์พระนอนหลวงพ่อโตที่ชาวบ้านนับถือ โดยมีกระสอบทรายสูงประมาณ 1 เมตร ได้ป้องกันเอาไว้ได้ และมีการสูบน้ำที่รั่วซึ่มตลอดเวลา ซึ่งองค์หลวงพ่อโตนี้ได้ถูกน้ำท่วมเสียหายไปเมื่อช่วงวันที่ 21 ต.ค.-30 ต.ค.53 และอยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซม ซึ่งหากไม่ป้องกันก็จะเสียหายเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันในตลาดท่าเรือ ก็ถูกน้ำท่วมถนนในตัวตลาดสูงกว่าผิวการจราจรประมาณ 1 เมตร ทำให้ร้านค้าส่วนใหญ่ที่อยู่ริมแม่น้ำต้องปิดกิจการ และย้ายของออกไปอยู่ริมถนนสายท่าเรือ-ท่าลาน ทำให้บรรยากาศการค้าขายในตอนเช้าและตลาดทั้งวันเป็นไปด้วยความลำบาก โดยไม่สามารถนำยานพาหนะผ่านไปได้
ทั้งนี้ ช่วงเช้าเป็นวันที่ประชาชนพากันไปทำบุญเนื่องในวันสารทไทยวันแรก ปรากฏว่า ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักสูงขึ้นจนเข้าท่วมวัดหลายแห่งที่อยู่ริมแม่น้ำ ใน อ.นครหลวง อ.พระนครศรีอยุธยา โดยพระวัดเกาะแก้ว ม. 2 ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยา ต้องใช้สะพานไม้ที่ทำกันขึ้นเองเดินเข้าออกภายในวัด ซึ่งสะพานทำด้วยต้นสนมาวางเรียงกัน ยาวกว่า 400 เมตร เนื่องจากทางเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ยังไม่ได้สร้างสะพานให้ นอกจากนี้ทำให้บรรยากาศการทำบุญบางตา ประชาชนต้องพายเรือไปทำบุญ
นายทองอยู่ หิรัญรักษ์ตระกูล อายุ 54 ปี บ้านอยู่ ม. 2 ต.รางจระเข้ อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา พ่อค้าขายของขี่จักรยานยนต์นำกล้วยน้ำว้าสุก เดินลุยน้ำเข้าไปให้ลิงแสมที่อยู่ในป่าวัดโพธิ์ ม.4 ต.บ้านแพน อ.เสนา ซึ่งบริเวณดังกล่าวถูกน้ำท่วม โดยนายทองอยู่เปิดเผยว่า น้ำได้ท่วมพื้นที่โดยรอบ ทำให้ฝูงลิงจำนวนกว่า 40 ตัวซึ่งเป็นลิงป่าที่อาศัยอยู่ข้างวัดไม่สามารถออกไปหาอาหารได้ ประชาชนที่สงสารก็จะนำกล้วยมาทิ้งเอาไว้ข้างทางที่น้ำยังไม่ท่วม แต่ลิงก็ข้ามมาไม่ได้ จึงต้องไปวางไว้ตามศาลาเก่าที่สร้างเอาไว้ เพื่อให้ลิงลงมากินได้ ทั้งนี้ตนจะมาให้เกือบทุกวัน เนื่องจากคนจะได้รับของแจก แต่ลิงไม่มีของแจกเกรงว่าจะอดตายเหมือนครั้งที่ผ่านมา ก็เคยมีลิงอดอาหารตายช่วงน้ำท่วมมาแล้ว