
เปิดใจ'ยุทธศักดิ์ ศศิประภา'
สัมภาษณ์พิเศษ 'พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 'กัมพูชาเขาเร่งเรา เพราะเขาได้ประโยชน์'
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ “คม ชัด ลึก” ถึงการเดินทางเยือนประเทศกัมพูชา ตามคำเชิญของ พล.อ.เตีย บัน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ระหว่างวันที่ 23-24 กันยายน 2554 ว่า การเดินทางไปในครั้งนี้ได้รับการเชิญอย่างเป็นทางการของ พล.อ.เตีย บัน ในฐานะที่เป็นเพื่อนเก่ากันมานานหลายสิบปี ต่างคนต่างมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมด้วยกัน
พล.อ.เตีย บัน ได้โทรศัพท์มาแสดงความยินดีที่ได้รับตำแหน่ง พร้อมกับเชิญให้เดินทางไปเยี่ยมเยียนที่ประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการ และให้มีการหารือกันก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแทนทั่วไปไทย-กัมพูชา (จีบีซี) ด้วย
ซึ่งได้บอกไปว่าจะให้มีการประชุมจีบีซีให้เร็วที่สุด ตามที่ทางกัมพูชาต้องการ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถประชุมได้ เนื่องจากมีระเบียบและกฎเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญของประเทศไทย เพราะบางเรื่องที่มีความสำคัญในเรื่องชายแดน หรืออาณาเขต จะต้องผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรีก่อน โดยก่อนเข้าคณะรัฐมนตรีจะต้องผ่านสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป
“หากมีเรื่องใดที่เป็นสัญญา หรือมีความสำคัญตามกฎหมายรัฐธรรมนูญตามมาตรา 190 ก็จะต้องนำเข้ารัฐสภาก็จะต้องชี้แจงถึงความจำเป็นของประเทศไทย ถ้าเราไม่ทำก็จะผิดกฎหมาย เราจะทำนอกเหนือจากนี้ไม่ได้ แต่ในกรอบอะไรที่จะให้ความร่วมมือกันระหว่างไทยกับกัมพูชา หรือกรอบอะไรที่ทำกันได้ของหน่วยในพื้นที่เราก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เช่นกัน นอกจากนี้อะไรก็ตามที่มีความเห็นตรงกันก็จะบอกว่าเรื่องนี้เราจะตกลงกันในการประชุมจีบีซี"
สำหรับกำหนดการประชุมจีบีซีนั้น พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะเป็นเมื่อใด เพราะจะต้องรอกระทรวงการต่างประเทศในการพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นทางกระทรวงกลาโหมได้บอกกับกระทรวงการต่างประเทศว่าขอให้เร่งส่งเรื่องนี้เข้า สมช.ก่อน
โดยประเด็นที่จะมีการพูดคุยในกรอบของจีบีซี หากกัมพูชาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องปัญหาพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร บริเวณปราสาทพระวิหาร ก็จะพูดคุยกัน แต่หากไม่คุยก็คงจะต้องคงสภาพเดิมเอาไว้เหมือนเดิมในการดูแลรักษาอธิปไตย เพราะสภาพพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตร อยู่ในสภาพเดียวกัน โดยจะวางกำลังทหารของทั้งสองฝ่ายอยู่ในพื้นที่
ถามว่ามีการถอนทหารออกจากพื้นที่บ้างหรือไม่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า กำลังทหารของไทยและกัมพูชาในพื้นที่ทับซ้อน 4.6 ตารางกิโลเมตรไม่ได้ลดลง ที่มีการพูดกันว่ามีกำลังทหารลดลงเป็นส่วนที่เอากำลังทหารเข้าไปเสริมเป็นกองหนุน ขณะนี้ไม่มีสงครามหรือเหตุการณ์ปะทะกัน หากมีการวางกำลังทหารเข้าไปเสริมเป็นกองหนุนอยู่ตลอดเวลาจะทำให้สิ้นเปลืองเปล่าๆ มันไม่จำเป็น
ซึ่งฝ่ายกัมพูชาก็เริ่มไม่วางทหารกองหนุนตามแนวชายแดนแล้ว พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 จะเป็นคนกำหนดเองพิจารณาเองว่าจะเอากำลังกองหนุนมาฟื้นฟูดีกว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ประจำอยู่ในแนว ช่วงนี้ไม่จำเป็นก็มีการถอนออกมาบำรุงรักษา และปรับปรุงให้ดีอยู่ตลอดเวลาเพื่อพร้อมที่จะใช้งานได้
ถามว่าในรัฐบาลนี้โอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้นที่แนวชายแดนจะมีอีกไหม รมว.กลาโหม กล่าวว่า เหตุการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา คงยากที่จะกลับไปปะทะกันเหมือนก่อน เหตุการณ์ที่จะปะทะกันในรัฐบาลชุดนี้ยากมากเลยที่จะไปสู่จุดเดิม
หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนกัมพูชาทุกอย่างก็ดีขึ้น และเท่าที่ทราบประชาชน 2 ฝ่ายไปมาหาสู่กัน และมีงานก็ฉลองร่วมกันตลอด ในวันที่ 24 กันยายน ก็มีการแข่งขันฟุตบอลกัน การจัดกิจกรรมดังกล่าวถือว่าเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วยกัน ขณะเดียวกันในอนาคตจะมีการทอดผ้าป่าร่วมกัน โดยมีการนัดในรายละเอียดในการสลับการเป็นเจ้าภาพกัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมยังมองถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ในรัฐบาลชุดที่ผ่านมาว่า เกิดจากการไม่ได้พูดคุยกัน และการพูดคุยกันแบบขาดน้ำใจไมตรีที่จะยื่นให้ก่อน มันเป็นการพูดแบบเป็นทางการอย่างเดียว
เมื่อถามว่าปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาจนถึงขั้นรบกันเป็นเพราะรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องการจะยกเลิกเอ็มโอยู 44 ที่เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลหรือเปล่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ อืม...ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลชุดที่แล้วจะยกเลิกหรือไม่ แต่หากรัฐบาลชุดที่แล้วจะยกเลิก...แต่วันนี้รัฐบาลนี้จะคงอยู่เอ็มโอยู 44 ซึ่งสนธิสัญญาดังกล่าวเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล หรือผลประโยชน์ทางทะเล เอ็มโอยูดังกล่าวไม่เพียงกัมพูชาได้ประโยชน์ แต่ไทยเองก็ได้ผลประโยชน์เช่นกัน
เอ็มโอยู 44 ยังระบุว่า เกาะกูดเป็นของประเทศไทย ซึ่งทางกัมพูชาเองก็ยอมรับตามเอ็มโอยู 44 คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ร่วมก็ดูแลอยู่
ทั้งนี้เมื่อมีปัญหาในพื้นที่ดังกล่าวจึงทำให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งตามแนวชายแดนด้วย อย่างไรก็ตาม ปัญหาสำคัญตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา คือการกำหนดเส้นเขตแดนว่า การตีเส้นเขตแดนของกัมพูชา โดยใช้แผนที่ของกัมพูชา โดยระหว่างแผนที่ของเขาเป็นแบบนี้ ส่วนของไทยก็บอกว่าไม่ใช่เขตแดนมันเป็นสามเหลี่ยม
เมื่อไทยขีดเส้นเข้าไปในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ทางกัมพูชา ก็ขีดเส้นในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรด้วย แต่ไทยก็บอกว่าไม่ใช่ ขณะที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ก็ออกมาบอกว่าไม่เหลือที่ให้เลย และบอกว่าพื้นดินเป็นของไทย แต่ปราสาทเป็นของกัมพูชา
“ไทยมีหลายกลุ่มหลายความคิดในการที่จะกำหนดจุด ทางกัมพูชาเลยบอกให้ศาลโลกทบทวนและตัดสินใจว่าอะไรเป็นอะไรแน่นอน ทั้งหากตัดสินเมื่อปี 2505 วิซินิตี้ หากกัมพูชาใช้คำนี้คำเดียวมันก็ไม่รู้ว่าใครจะถูกจะผิดก็จะต้องรอในอนาคต แต่ขณะที่กำลังอยู่ในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ประชาชนเริ่มเข้าพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร ขณะนี้ร้านค้าเริ่มเกิดขึ้นมาอีก แทนที่จะเอาคนออกกลับมีคนเข้าไปจำนวนมาก จากเดิมร้านค้าเป็นของคนไทย แต่ได้เซ้งให้แก่คนกัมพูชาไป"
ถามว่ามีคนวิจารณ์ว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะหน่วยงานด้านความมั่นคงก็ไม่ได้เข้าไปดูแล ปล่อยให้เขาเข้ามาสร้างวัดสร้างวาก็ไม่ได้เข้าไปทำอะไร พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า มันก็มีปัญหาอะไรบางอย่างที่มันขาดตกบกพร่อง แต่ตอนนี้ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว อีกทั้งการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคไทย-กัมพูชา (อาร์บีซี) ที่ผ่านมาถือว่าประสบความสำเร็จในการหารือปัญหาเบื้องต้น อีก 4 ปีจะมีประชาคมอาเซียน หากวันนี้มีปัญหาก็จะทำให้เกิดความล้าหลังของประเทศใน 11 ประเทศ และก็จะมาโทษประเทศไทย ดังนั้นทั้งสองประเทศจะต้องปรับให้ไปสู่สมาคมอาเซียนในปี 2558 ให้ได้
"เรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเป็นเรื่องผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ เราจะดูในเรื่องงานด้านความมั่นคงอาณาเขต และพื้นที่ที่มีปัญหา เราคงจะไม่พูดขึ้นมาเอง เพราะเป็นเรื่องของการประชุมระดับเจบีซี ซึ่งการพูดคุยคงจะต้องเอากองทัพเรือเข้าไปพูดคุยในรายละเอียดด้วย เพราะมีความชำนาญและมีประสบการณ์ในพื้นที่ไทย-กัมพูชา คงหนีกันไม่พ้น เพราะว่าอาณาเขตไทย-กัมพูชา มีการทับกันอยู่จะต้องมาพูดจากันว่าจะเอาอย่างไร แต่ถ้าพูดถึงเศรษฐกิจก็คงจะต้องมีการพูดกับทางกระทรวงการต่างประเทศว่าจะมีผลประโยชน์กี่เปอร์เซ็นต์ว่ากันไป แต่ทางทหารคงไม่พูดตรงนั้น"
ถามว่าก่อนหน้านี้วิกิลีกส์ออกมาแฉว่า มีการแบ่งสันปันส่วนกันแล้วว่า พื้นที่ส่วนไหนใกล้ประเทศใดก็เอาไป 80 เปอร์เซ็นต์ อีกประเทศก็ 20 เปอร์เซ็นต์ พล.อ.ยุทธศักดิ์ปฏิเสธทันทีว่า ไม่ใช่อย่างนั้น
"เรื่องนี้คณะกรรมการจะมีมาตรการในการวัดพื้นที่ กองทัพเรือเขาดูแล เขาละเอียดมาก โดยตีเส้นหลักเขตที่ 73 แล้วตีเส้นให้ละเอียดก็จะแบ่งเป็นล็อกๆ และเล็งหลายจุดเพื่อแบ่งให้เป็นเขตล็อกๆ และเขตล็อกไหนจะมีคุณค่าเท่าไหร่ก็พูดกันทีละล็อกๆ ไป เบื้องต้นเราทราบแต่ไม่ได้เข้าไปเจรจา"
อย่างไรก็ตาม พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ตนคงตกลงเองไม่ได้ในเรื่องผลประโยชน์ของประเทศ ของเราก็อาจจะช้าไม่เหมือนกับกัมพูชาที่บอกว่าสามารถประชุมได้วันนี้พรุ่งนี้เลย
"ผมว่ากัมพูชาพยายามเร่งเรา เพราะกัมพูชาจะได้ประโยชน์เขาจึงอยากให้เสร็จแล้ว ประโยชน์ที่ได้คือตามเส้นเขตแดนตามปราสาทพระวิหาร เขาได้ประโยชน์มากกว่าเรา ลองไปมองจากผามออีแดงไปพื้นที่กัมพูชา เขาเตรียมพื้นที่ไว้หมดแล้ว เขาเตรียมเป็นพื้นที่เศรษฐกิจท่องเที่ยวเหมือนกับโรงเกลือ เขาจะทำเป็นตลาดใหญ่ เป็นแหล่งกาสิโน เป็นคอมเพล็กซ์ใหญ่
ของไทยไม่มีอะไรเลย หน้าแนวเหมือนกับสนามรบ แต่ของกัมพูชาเป็นสนามเศรษฐกิจ ซึ่งมันต่างกัน จึงทำให้กัมพูชาพยายามจะเปิดให้เร็วที่สุด นักท่องเที่ยวก็จะไหลจากประเทศไทยไปเที่ยวปราสาทพระวิหาร แล้วก็ไปอยู่ในแหล่งของเขา วันนี้พื้นที่กัมพูชาไม่ได้เป็นสนามรบแล้ว แต่เป็นสนามการค้าการท่องเที่ยว"
พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าวว่า กัมพูชามองความเจริญของประเทศจะเกิดขึ้นในอนาคต ทางกัมพูชาก็ต้องการเป็นมิตรภาพกับประเทศไทยมากขึ้น แต่เราก็มองถึงอีก 4 ปีข้างหน้าเราทะเลาะกันไม่ได้แล้ว เราจะต้องเป็นเพื่อนกันแล้ว เมื่อมันเป็นประชาคมอาเชียนแล้ว อาณาเขตจะลบเลือนไป ทุกคนผ่านเข้าออกได้อย่างเสรี ดังนั้นเราก็จะต้องเตรียมตรงนี้