ข่าว

ผู้ว่าฯกทม.โร่แจงCCTVยันโปร่งใส

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'สุขุมพันธุ์' โร่แจง 'CCTV-กล่องไร้กล้อง' ยันจัดซื้อกล้องซีซีทีวี โปร่งใส วอนอย่าสรุปโกง "เฉลิม"โบ้ยสอบซีซีทีวีหน้าที่"ยงยุทธ"

          เวลา 10.30 น. วันที่ 21 ก.ย.54 ที่ห้องสุทัศน์ ศาลาว่าการกทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.แถลงข่าวกรณีที่ กทม.ได้ติดตั้งกล้องหลอก หรือกล้องดัมมี่จำนวน 500 ตัวใน กทม.ว่า การจัดซื้อกล้องซีซีทีวีของ กทม.มีทั้งสิ้น 2 รุ่น รุ่นแรกคือ กล้องที่ติดตั้งหลังเกิดเหตุระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์ โดยมีการยกร่างประกวดราคาจัดซื้อ (ทีโออาร์) ตั้งแต่เดือน ธ.ค.2550-2551 ใช้งบประมาณรัฐบาลจำนวน 330 ล้านบาท เป็นกล้องจริง 2,046 ตัว กล้องปลอม หรือกล้องดัมมี่ 1,325 ตัว ขณะนี้ถอดออกแล้วเหลือ 500 ตัว 

          โดยในร่างทีโออาร์จัดซื้อกล้องซีซีทีวีรุ่นแรกกำหนดไว้ชัดเจนว่า ให้มีการติดตั้งกล้องปลอมด้วย เนื่องจากงบประมาณจำกัด โดยกล้องจริงราคาตัวละ 34,000-1.3 แสนบาท แต่กล้องปลอมราคาตัวละ 2,500-2,700 บาทเท่านั้น อีกทั้งเป็นการติดตั้งเพื่อป้องปรามอาชญากรรม และผู้ก่อการร้าย เช่นเดียวกับประเทศอังกฤษที่มีการติดตั้งกล้องหลอกถึง 5 หมื่นตัว 

          นอกจากนี้ กทม.ได้ยกร่างทีโออาร์จัดซื้อกล้องรุ่น 2 จำนวน 2 หมื่นตัว ตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ โดยทั้งหมดเป็นกล้องที่สามารถใช้งานได้จริง และได้ติดตั้งไปแล้ว 1 หมื่นตัวเมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ดังนั้นเพื่อให้เกิดความโปร่งใสตนได้สั่งการให้ปลัด กทม.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการจัดซื้อกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ว่ามีการทุจริตคอร์รัปชันตามที่ถูกตั้งข้อสงสัยหรือไม่ รวมทั้งจะเสนอให้คณะกรรมการสืบสวนสอบสวนการทุจริต และประพฤติมิชอบในการบริหารราชการ กทม.ที่มี พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เป็นประธาน พิจารณาสอบสวนต่อไป

          นอกจากนี้ได้สั่งการให้ปลัด กทม.เปิดเผยสัญญาการจัดซื้อกล้องซีซีทีวีทุกฉบับ และเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ของ กทม. รวมทั้งให้เปิดเผยข้อมูลพิกัดการติดตั้งกล้องซีซีทีวีในพื้นที่ กทม.ทั้งหมด เพื่อให้สื่อมวลชน และประชาชนทุกภาคส่วนช่วยกันตรวจสอบว่า มีการทุจริต หรือติดตั้งในพื้นที่จริงหรือไม่ ยกเว้นกล้องซีซีทีวีที่ติดตั้งในเขตพระราชฐาน และสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ซึ่ง กทม.ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้

          เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ โดยเฉพาะในเว็บไซต์พันทิป ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณทุกคนที่ช่วยตรวจสอบ แต่เมื่อตนทราบข้อเท็จจริงในระดับหนึ่งแล้ว ก็ให้ช่วยตรวจสอบกันต่อไปแทนที่จะกล่าวหากัน โดยให้ทุกฝ่ายช่วยใจกว้างในการตรวจสอบด้วย อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่ามีการโกงกิน ส่วนผลสรุปจะออกมาอย่างไรก็ค่อยว่ากันใหม่ ถามว่านายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.ได้ประสานมาหรือไม่ว่า มีโครงการกล้องดัมมี่ค้างอยู่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.และมีการประชุมครั้งแรกเมื่อเดือนก.พ.2552 ก็ไม่มีการรายงานเรื่องกล้องดัมมี่แต่อย่างใด

          ส่วนที่ขณะนี้พรรคเพื่อไทยเตรียมตั้งคณะกรรมการมาตรวจสอบเรื่องนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า "ยินดีครับ ช่วยกันตรวจสอบ แห่กันมาเลย ผมไม่ได้ว่าอะไร ผมดีใจจริงๆครับ จะได้จบๆ จะได้ไปทำงานเรื่องอื่น จะด่าผมตามเว็บไซต์พันทิปก็ได้ ผมไม่ได้ว่าอะไร แต่ถึงจุดนี้แล้ว เมื่อทราบข้อเท็จจริงมากขึ้น ทำไมไม่ช่วยกันตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ถ่องแท้ แทนที่จะด่ากัน คนเราด่ากันง่าย แต่ช่วยกันทำอะไรที่สร้างสรรค์ และค่อยด่าถ้ามีอะไรผิด ด่าก็ถูกแล้วจะได้ตื่นขึ้นมา ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นจริง ก็ให้ด่ากันให้แหลกเลย"

          ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดกทม.ไม่เร่งติดตั้งกล้องดัมมี่ให้ใช้ได้จริง ก่อนที่จะติดตั้งกล้อง 10,000 ตัว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า "เราคิดว่ากล้องดัมมี่จะสามารถช่วยปรามโดยไม่ติดกล้องตัวจริงได้ แต่ทุกคนพยายามจับผิดว่าเป็นกล้องดัมมี่ก็เอาออกดีกว่า" 

          "ประชาชนมีสิทธิ์คิดได้ การติดตั้งกล้องปลอมมีความเหมาะสมหรือไม่ เห็นด้วยหรือไม่ แต่ไม่ควรด่วนสรุปว่าเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะมีการกำหนดไว้ในสัญญาจัดซื้อชัดเจน ยกเว้นว่า จะมีการจัดซื้อกล้องจริง แต่ติดตั้งกล้องปลอม แต่ขณะนี้ได้สั่งการให้รื้อถอนกล้องซีซีทีวีปลอมออกทั้งหมดโดยเร็วที่สุด ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 500 ตัว โดย กทม.จะทยอยติดตั้งกล้องจริงแทนกล้องปลอมทั้งหมด" ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว

          นายวรัญชัย โชคชนะ แกนนำกลุ่มพิทักษ์ผลประโยชน์ประชาชน อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า จะเข้ายื่นหนังสือร้องเรียนต่อคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบการติดตั้งกล้องซีซีทีวีแบบกลวง เป็นที่เคลือบแคลงสงสัยส่อไปในทางทุจริตหรือไม่ เหมือนกรณีการจัดซื้อรถดับเพลิง โดยจะยื่นเรื่องร้องเรียนในวันที่ 22 ก.ย.เวลา 10.30 น.

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงข่าว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ได้นำสื่อมวลชนเยี่ยมชมศูนย์ควบคุมกล้องซีซีทีวีของกทม. ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นที่หน้าสังเกตว่า ในขณะที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จะมาแถลงข่าว ม.ร.ว.สขุมพันธุ์ ไม่มีสีหน้ายิ้มแย้มแต่อย่างใด โดยแสดงอาการเป่าปากก่อนมีการแถลงข่าวในเรื่องนี้ ขณะที่ช่วงเวลาสื่อมวลชนสักถามปรากฏว่าหลายคำถาม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีอารมณ์ในการตอบคำถามสื่อมวลชนอย่างเห็นได้ชัด

 

"อภิรักษ์" ยันกล้องดัมมี่เป็นหลักสากล

          ที่รัฐสภา เวลา 14.30 น. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ฐานะอดีตผู้ว่าฯกทม. พร้อมด้วยนายชนินทร์ รุ่งแสง แถลงข่าวที่ห้องแถลงข่าวอาคารรัฐสภาถึงกรณีกล้อง CCTV ในกทม. หลายจุดที่มีประชาชนไปพบว่าเป็นกล้องเปล่าหรือกล้องดัมมี่ว่า การติดตั้งกล้องเริ่มต้นปี 2550 ที่มีเหตุระเบิดป่วนเมืองในกทม. ขณะนั้นมีกล้องเพียงร้อยกว่าตัว และเป็นกล้องจราจรเป็นหลักที่เชื่อมกับ บช.น และหลังจากเหตุระเบิดก็มีการสำรวจจุดเพื่อติดตั้งกล้อง ซึ่งมีกระบวนการจัดสรรงบ การจัดซื้อจัดจ้าง มีคณะกรรมการตรวจสอบพัสดุดูแล ถูกต้องตามระเบียบกทม

          สำหรับงบประมาณนั้น กทม.ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจำนวนประมาณ 330 บาท และจากนั้นมีการสำรวจและติดตั้ง 3 พันกว่าจุด แต่มีข้อจำกัดเรื่องงบประมาณ จึงมีการติดตั้งกล้องในสองลักษณะคือกล้องซีซีทีวีหลายรุ่นหลายแบบ และกล้องดัมมี่ ซึ่งยืนยันว่า การติดกล้องดัมมี่เป็นหลักสากลที่หลายประเทศดำเนินการ แต่ไม่เปิดเผยเพราะเป็นมาตรการป้องปราม

          อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่เขาเป็นผู้ว่าฯ กทม. เริ่ม ติดกล้องซีซีทีวีไป 347 ตัว และกล้องดัมมี่ 242 หลังจากนั้น เขาก็พ้นวาระในเดือน ส.ค. 51 ก็กลับมาและลาออกในเดือน พ.ย.

 

"ณัฐวุฒิ" ซัด ไม่ห่วงสวัสดิภาพปชช.

          ด้านนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยและแกนนำคนเสื้อแดง ที่มาต่อคิวใช้ห้องแถลงข่าว ก็แถลงต่อทันทีถึงกรณีกล้องCCTV ดัมมี่ ว่า เป็นคำอธิบายว่าเพื่อป้องกันการอาชญากรรมหรือการชุมนุมโดยการตั้งกล้องหลอกเอาไว้ เรื่องนี้ผู้บริหารกทม.และผู้บริหารของพรรคประชาธิปัตย์ต้องเข้าใจสวัสดิภาพของประชาชนเพราะอันตรายอาจจะเกิดกับประชาชน ซึ่งประชาชนไม่ทราบว่าอันไหนจริงหรือปลอม

          "เขาเจ็บจริง ตายจริงเมื่อเกิดเหตุ ดังนั้นจะรับผิดชอบต่อความสูญเสียได้อย่างไร ซึ่งเป็นการหลอกให้รู้สึกว่าปลอดภัย ยืนยันว่า จะมีการตรวจสอบต่อในเรื่องของงบการจัดซื้อจัดจ้าง" นายณัฐวุฒิ ระบุ

 

"เฉลิม"โบ้ยสอบซีซีทีวีหน้าที่"ยงยุทธ"


           ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนไม่ทราบและไม่กล้าวิจารณ์เพราะสำนวนสอบสวนเป็นทางลับทางราชการ และที่สอบสวนกันไว้เป็นอย่างไรตนก็ไม่ทราบ และจะไปขอดูก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะหาว่าตนไปแทรกแซง  ก็ให้เป็นไปตามธรรมชาติ

           เมื่อถามว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม การทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ควรไปตรวจสอบหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สำนวนนี้สตช.เป็นผู้รับผิดชอบแต่หากมีการร้องมาที่ตน จะรับเรื่องดูให้ แต่ถ้าไม่ร้องก็ไม่กล้า

           เมื่อถามใหม่ว่า  หน่วยงานไหนที่ต้องเข้าไปตรวจสอบการทุจริตจัดซื้อกล้องของกทม.หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ต้องถามนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ที่ดูแลรับผิดชอบกทม.

 

"จิรายุ"จี้"ปปช.-สตง."สอบติดตั้งกล้องวรจรหลอก


            นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย แถลงว่า พรรคเพื่อไทย ได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ของกทม. โดยได้ส่งเจ้าหน้าที่ ลงพื้นที่สำรวจเมื่อช่วงเย็นของวานนี้ (20 ก.ย.) พบว่า มีข้อสังเกตุซึ่งนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯกทม.และ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  ผู้ว่าฯกทม. พูดแตกต่างกัน ทำให้สับสนว่าตกลงแล้วกล้องดัมมี่มีจริงหรือไม่ และถ้ามี มีการระบุไว้ใน ทีโออาร์ กับบริษัทเอกชน ประมาณ 3 - 4 บริษัทด้วยหรือไม่

            ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยสังเกตุพบว่า สัญญาณที่ส่งจากกล้อง  CCTV ส่งไปยังที่ใด หากอธิบายว่า ส่งไปให้กับสถานีตำรวจ และสำนักงานเขตแต่ละพื้นที่นั้น อยากถามว่า ไม่ปรากฎว่ามีการฝังสายสัญญาณไว้ หรือว่าทางกทม.ใช้ระบบไวไฟล์ หรือ วายเลส ก็ขอให้อธิบายมา อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยจะทำจดหมายร้องเรียนไปยัง ปปช. และ สตง.เพื่อขอให้ตรวจสอบเงินงบประมาณในโครงการดังกล่าวด้วยว่าปีทีผ่านมานั้น กทม.ได้มีการตั้งงบให้ สจส.มากกว่าสำนักงานโยธาด้วยซ้ำ ซึ่งเป็นการเทงบไปที่กล้องวงจรปิดมากไปหรือไม่ และ กล้องดัมมี่  500 ตัว ที่ระบุว่า รองบเพื่อไปติดตั้งนั้น ตกลงแล้ว รอหรือไม่เป็นกล้องหลอกกันแน่ ถ้าหากบอกว่า กล้อง 500 ตัว ราคาตัวละ 10,000 บาท จะใช้งบ ทั้งหมด 5 ล้านบาท ซึ่งของบประชาสัมพันธ์ของผู้ว่าฯกทม. ที่ใช้เงินมากกว่า 500 ล้านบาท มาใช้ในส่วนนี้ เพื่อดูแลความปลอดภัยในพื้นที่กทม.ประชาชนน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า

            นายจิรายุ กล่าวอีกกว่า ในปีงบประมาณ 2553 ถึงเดือนมีนาคม 2554 กทม.ได้จัดซื้อกล้องโทรทัศน์วงจรปิดผ่านหน่วยงานต่างๆ ถึง 27 ครั้ง รวมเป็นเงิน 2,463,362,956 บาท ในจำนวนนี้เป็นการจัดซื้อจากเอกชนรายใหญ่ 3 - 4 ราย อาทิ วันที่  16 ก.พ. 2554 จ้างเหมาพร้อมติดตั้งกล้อง CCTV บริเวณชุมชน,  ตลาด , จุดเปลี่ยนถ่ายในการเดินทาง และจุดเสี่ยงภัยในกทม.  โดยบริษัท เจแอนด์ แอสโซ ซิเอทส์ จำกัด วงเงิน 327.6 ล้านบาท วันที่  22 ก.พ.2554 จ้างเหมาพร้อมติดตั้งกล้อง CCTV พร้อมเชื่อมโยงสัญญาณภาพไปที่ 11 สำนักงานเขต โดยบริษัท สามารถคอมเทค วงเงิน 11.4 ล้านบาท  วันที่ 22 ก.พ.2554 จ้างเหมาพร้อมติดตั้งกล้อง CCTV บริษัทสถานศึกษา ในพื้นที่ กทม. โดยกลุ่มกิจการค้าร่วมยูเทล ซีคอม วงเงิน 775.8 ล้านบาท วันที่ 22 ก.พ.2554 จ้างเหมาเชื่อมโยงสัญญาณภาพ จากกล้อง CCTV ไปที่สถานีตำรวจในพื้นที่ กทม. โดยกิจการร่วมค้า จีเนียส วงเงิน 402 ล้านบาท และ วันที่  15 มี.ค.54 จ้างเหมาพร้อมติดตั้งกล้อง CCTV บริษัทโรงพยาบาล ศูนย์บริการสาธารณสุข และสถานที่ราชการ ในพื้นที่ กทม. โดยบริษัทไทยซีคอม พิทักษ์กิจ จำกัด วงเงิน 286 ล้านบาท


            นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามีการร้องขอภาพวงจรปิดจากกทม. แต่จะได้คำตอบว่า กล้องเสียหรือไม่มีภาพบ่อยครั้ง ทั้งนี้คณะทำงานยังพบว่าหลายจุดนั้น กล้องดัมมี่เริ่มหายไปตั้งแต่มีข่าว หรือว่ามีไอ้โม่ง หรือชายชุดดำไปถอด ซึ่งในวันที่  22 ก.ย. คณะทำงานของพรรคเพื่อไทย จะรวบรวมข้อมูลกล้องดัมมี่จากจุดต่างๆ ว่ามีกี่จุด และรวมทั้งจะเชิญสื่อมวลชน ลงพื้นที่ร่วมตรวจสอบด้วย

            เมื่อถามว่า แสดงว่าสงสัยว่าอาจจะมีการฮั๊วประมูลเกิดขึ้นใช่หรือไม่ นายจิรายุ กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทบางคน มีชื่ออยู่ในรายนามผู้บริจาคเงินให้กับบางพรรคการเมืองด้วย นอกจากนี้ บริษัทที่ชนะการประมูลในการจัดซื้อและติดตั้งกล้อง CCTV ส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทซ้ำๆ กัน ดังนั้น จึงน่าจะมีการตรวจสอบทีโออาร์ดังกล่าวด้วย

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ