
ปฏิรูปในพม่า:จริงหรือปลอม
ปฏิรูปในพม่า:จริงหรือปลอม : โลกสาระ โดย กวี จงกิจถาวร
รัฐบาลพม่าภายใต้ประธานาธิบดีเต็ง เส่งรุกหนักมาก พยายามสร้างภาพลักษณ์ที่ดี แสดงให้เห็นถึงความใจกว้างว่ารัฐบาลชุดนี้พร้อมจะสนองสิ่งที่ประชาคมโลกเรียกร้องมาตลอดเวลา เช่นการปล่อยนักโทษการเมือง เปิดการเจรจากับชนกลุ่มน้อยและฝ่ายค้าน ล่าสุดทูตพิเศษพม่าจากสหรัฐอเมริกา นายดิเรกมิชเชลได้เดินทางเข้าพบหารือกับรัฐบาลพม่าอาทิตย์ที่แล้ว พร้อมตอกย้ำว่าพม่าต้องพิสูจน์ให้โลกเห็นว่าปฏิรูปในพม่าเป็นของจริงไม่ได้หลอกลวง
ที่น่าแปลกใจที่สุดคือ อยู่ๆ รัฐบาลพม่าประกาศจัดตั้งคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติขึ้นมา เล่นเอาสมาชิกอาเซียนอื่นๆ แทบตกเก้าอี้ เท่ากับว่าพม่าเป็นประเทศสมาชิกอาเซียนอันดับสี่ ที่มีคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน (ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์) นอกจากนี้รัฐบาลพม่ายังว่าองค์กรใหม่นี้จะเป็นองค์กรมาปกป้องและส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในพม่า
เป็นที่รู้กันดีทั่วโลกว่ารัฐบาลพม่ามีความโหดเหี้ยมขนาดไหน ปราบปรามประชาชนและยิงพระสงฆ์แบบไม่กลัวบาป ในประเด็นหลังกำลังจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ทำให้ทหารพม่าแตกกันเอง ในอดีตทหารพม่ามีความสามัคคีมากๆ รู้ดีว่าถ้ามีความแตกแยกและขัดแย้งกันเองเมื่อไรจะมีภัย อันตรายต่อตัวองค์กรทหาร ล่าสุดมีข่าวว่า ทหารระดับผู้พันไม่พอใจผู้ใหญ่ที่สั่งให้ยิงพระสงฆ์ในช่วงเดินขบวนประท้วงในเดือนกันยายน ปี 2007 ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง โอกาสที่ทหารจะทำลายกันเองมีมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ถ้ามองในแง่ดี แสดงว่ารัฐบาลพม่าเริ่มเอาจริงกับการปฏิรูปภายในประเทศ เพื่อหวังผลตอบแทนจากต่างประเทศ ในอดีตพม่าไม่เคยแคร์ความรู้สึกต่างประเทศ
ในอาทิตย์หน้ารัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนจะมีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่นครนิวยอร์ก ในช่วงประชุมสมัชชาองค์การสหประชาชาติ จะมีเรื่องในวาระคือประธานอาเซียนในปี 2014 ซึ่งเป็นยังประเด็นเผ็ดร้อนในขณะนี้ พม่าต้องการเป็นประธานอาเซียนเพื่อสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาล ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนสุดท้ายของแผนยุทธศาสตร์เจ็ดขั้นตอนของพม่า
ความพยายามปฏิรูปส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับนโยบายให้อาเซียนและโลกตะวันตกยอมรับรัฐบาลพม่าโดยเร็ว ในปัจจุบันพม่าประสบปัญหาเศรษฐกิจและอยากได้เงินช่วยเหลือต่างประเทศมาจุนเจือ รวมทั้งอยากได้เงินกู้ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งมีแต่เฉพาะองค์กรอย่างธนาคารโลกหรือไอเอ็มเอฟถึงจะให้ได้
พม่าจึงได้พยายามสร้างบรรยากาศที่ดี เพื่อโน้มน้าวให้โลกตะวันตกยกเลิกมาตรการโดดเดี่ยว ซึ่งมีตั้งแต่ปี 1993 รวมทั้งการบอยคอตด้านเศรษฐกิจพม่า ขณะนี้รัฐบาลอาเซียน สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปกำลังติดตามสถานการณ์พม่าอย่างใกล้ชิด เพราะถึงมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีในช่วง 4-5 อาทิตย์ที่ผ่านมา แต่ยังไม่มีหลักประกันว่าสิ่งที่พบเห็นในตอนนี้จะมีความยั่งยืนต่อไป อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่มีรูปธรรมมากกว่านี้
รัฐบาลเต็ง เส่งรู้ดีว่า มันเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะพิสูจน์ว่าการเมืองใหม่ในพม่ากำลังดำเนินไป เพื่อความอยู่รอดของตัวเองและกลุ่มต้องการปฏิรูป แรงสนับสนุนจากโลกตะวันตกและอาเซียนเป็นสิ่งจำเป็น