ข่าว

ไทยพีบีเอสอ่วมพท.-ปชป.อัดยับ

ไทยพีบีเอสอ่วมพท.-ปชป.อัดยับ

08 ก.ย. 2554

สภาฯถกรายงานประจำปี "ไทยพีบีเอส" พท.-ปชป.รุมอัดยับ จี้ ป.ป.ช.-สตง.ตรวจสอบ "สุนัย" ซัดทุนนิยมขุนนางจ้องฮุบคืน “สาทิตย์” ห่วงสื่อเลือกข้าง ด้าน “เทพชัย” ยันทำหน้าที่สื่อสาธารณะเพื่อสังคม

          8ก.ย.2554 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ  รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในการพิจารณารับทราบผลการปฏิบัติงานประจำปี 2553 ขององค์กรกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ไทยพีบีเอส) โดย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าหลังพฤษภาทมิฬฯมีไอทีวีเป็นทีวีเสรีเกิดขึ้น  และในเดือนกุมภาพันธ์ 2543รัฐบาลนายชวน หลีกภัย เป็นคนแก้สัญญาสัมปทานเปิดให้มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่เพื่อแก้ไขภาวะขาดทุน ชินคอร์เปอร์เรชั่นจึงเข้ามาไม่ได้เป็น เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่อาจเพราะเป็นชื่อที่บางคนไม่ชอบและหาว่ารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณแทรกแซงสื่อ  แต่ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ดูแลสื่อทั้งสิ้น

           นายจิรายุ กล่าวว่า หลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 รัฐบาลคมช.เรียกค่าเสียหายไอทีวี 1 แสนล้านบาท ไม่มีจ่ายก็จอดำจากคนมีอำนาจที่กดรีโมทไทยพีบีเอสหน้าจออาจมีความชื่นชมว่ามีสารคดีสาธารณะ แต่หลังจออาจเอื้อประโยชน์พวกพ้อง ไม่ทราบว่าป.ป.ช. สตง. เข้าไปตรวจสอบได้หรือไม่ เพราะพูดกันมากกว่ามีกลุ่มคนที่ผลิตรายการที่ได้ผลิตรายการแบบซ้ำๆ ต้องตรวจสอบว่าเป็นคนของใครหรือไม่ เพราะยิ่งกว่าสถานีโทรทัศน์ลับแล นอกจากนี้ มีรายงานว่า มีการพูดถึงการไปสัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงเลือกตั้งในที่ประชุมข่าวใช้คำว่า“คุณไม่รู้หรือว่ากลุ่มเป้าหมายของเราคือใคร” ดังนั้น เป็นไปได้หรือไม่ หากสภาฯจะร่างกฎหมายแก้ไข เพราะยังไม่ถึงเวลา เรามีช่อง 11 แล้ว ทำไมต้องมีทีวีแบบนี้มาอีกช่อง

           ด้านสุนัย จุลพงศธร  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นระบอบทุนนิยมขุนนาง ทำอะไรไม่เคยขาดทุน ไทยพีบีเอสมาจากภาษีบาปและรถถัง ส่วน กสทช.ชุดใหม่ คนจับตาว่ามาจากไหน เพราะเหมือนมีตัวแทนทหารนั่งอยู่ ก่อนนี้วิจารณ์ว่าเป็นสภาผัว-เมีย แต่ตอนนี้เป็นสภากิ๊ก แอบได้เสียตังกัน ระบบต่างๆมีปัญหาหมด ระบบนายทุนยังถูกด่าได้ แต่ระบบทุนขุนนางถือปืนนั้น ยิ่งกว่าพันธมิตรฯขึ้นป้ายบอกประชาชน อย่าเลือกสัตว์เดรัจฉานเข้าสภา หาว่าพวกเราเป็นวรนุช แล้วพวกที่ขี่รถถังเข้าสภา ไม่อภิมหาสัตว์เดรัจฉานเลยหรือและอยากถามว่าหลังจากการรัฐประหารใครได้ประโยชน์นายสุทธิชัย หยุ่น หรือเครือเนชั่น ได้เข้าไปจัดผังรายการหรือไม่

           ด้านนายอภิชาติ ศักดิเศรษฐ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคปชป. กล่าวว่า  เห็นใจผู้บริหารไทยพีบีเอสอย่างยิ่ง  เนื่องจากที่มาที่ไปของไทยพีบีเอส ทำให้มีความพยายามของคนบางกลุ่มบางพวกที่จ้องเอาช่องคืนตลอดเวลา มีความพยายามจากกลุ่มทุนจำนวนมากที่เห็นการเติบโตของทีวีสาธารณะแล้วจ้องเข้ามาฮุบ ไอทีวีเดิมมีปัญหาเพราะกลายเป็นทีวีของกลุ่มธุรกิจการเมืองที่มีเป้าหมายเพื่อประโยชน์ทางการเมือง

           "สิ่งที่กังวลที่สุด คือ ความเป็นกลาง ตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ผู้ดำเนินรายการข่าวคนหนึ่งชัดเจนจาก กรณีการสัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณ หลังทราบเอ็กซีสโพลสดๆร้อนๆ ซึ่งแสดงออกว่าเลือกข้าง และหลังจากนั้นพื้นที่การเสนอข่าวพ.ต.ท.ทักษิณ ก็มากกว่าปกติและไม่มีพื้นที่ข่าวของฝ่ายที่เห็นต่าง"

           นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมต.ประจำสำนักนายกฯ ชี้แจงว่า การแก้สัญญาสัมปทาน มีข้อระบุว่าจะต้องเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดมหาชน แต่ไปขัดกับกฎหมายในตลาดหลักทรัพย์ที่ห้ามจำกัดการถือครองหุ้น ตอนนั้นไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีกลุ่มทุนเข้าไปแสดงหาผลประโยชน์ทางการเมือง อันตรายกว่านั้นคือมีสื่อจำนวนมาก ทีวีผ่านดาวเทียมหลายประเภทไปจนถึงปลุกปั่นยัดเยียดข้อมูลจนนำไปสู่ความวุ่นวายบ้านเมือง แล้ววันนี้ในภาวะที่สื่อเลือกข้าง ได้ระบาดไปยังสิ่งพิมพ์ที่เริ่มแตกแยกกันเอง มีการลาออกจากสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติทั้งที่ตั้งขึ้นมาเพื่อดูแลกันเอง ดังนั้นภาวะสื่อเลือกข้างนี้ การมีสื่อสาธารณะจึงเป็นทางเลือกสังคม

           ด้านนายเทพไท เสนพงษ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า  เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้บริหารสถานีจะอนุมัติให้นักข่าวไปดูไบ เพื่อสัมภาษณ์นักโทษหนีคดี แล้วถ้านักโทษหนีคดีคนอื่นอย่างใช้สื่อสาธารณะเหมือนนักโทษหนีคดีที่ดูไบคนนี้จะได้หรือไม่ เพราะนักโทษคนอื่นออกทีวีต้องพรางให้หน้าเบลอ แต่นักโทษที่ดูไบให้สัมภาษณ์ผ่านรายการตอบโจทย์ไม่มีการอำพรางหน้าตา ทั้งที่หน้านักโทษคนนั้นไม่ต่างอะไรกับเขียงหมู ดังนั้นการไปสัมภาษณ์ครั้งนี้ต้องได้รับการอนุมัติงบจากผู้บริหารสถานีแน่นอน วันนี้เป็นการเมืองที่มีสงครามสื่อค่อนข้างรุนแรง ไม่ว่าสื่อแท้หรือเทียมล้วนเป็นอาวุธที่สำคัญทางการเมืองอย่างยิ่ง

           ด้านนายชวน หลีกภัย ว่าที่ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้จะมีอุปสรรคมาก แต่เชื่อว่าสถาบันแห่งนี้จะเป็นสมบัติที่คนไทยมีส่วนได้ภาคภูมิใจ ตนจึงหวังว่าจะได้เห็นในสิ่งที่ดี การเป็นองค์สื่อที่มีรายได้จากรัฐ ไม่ต้องพึ่งเอกชนถือเป็นส่วนที่สถาบันแห่งนี้จะเป็นความภาคภูมิใจ ตนเคยเสนอคณะกรรมการบริหารให้สถาบันแห่งนี้เป็นที่ภาคภูมิใจของคนไทยด้วยการใช้ชื่อเป็นภาษาไทย จึงหวังว่าคณะกรรมการบริหารจะพิจารณาเรื่องนี้อีกครั้ง ทั้งนี้นอกจากชื่อสถานีเป็นภาษาไทยควรให้ชื่อรายการเป็นภาษาไทยด้วย

           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในประชุมสมาชิกฯได้แสดงความเห็นต่อบทบาทและการดำเนินการของสถานีไทยพีบีเอสอย่างกว้างขวาง ทั้งชื่นชมการทำหน้าที่และไม่เห็นด้วยกับการการแสดงบทบาทของสื่อ อาทิ ประเด็นการสัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณในช่วงที่มีการรายงานผลการเลือกตั้ง 2554 , การไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 และข้อสงสัยในสการบทบบาทและการทำหน้าที่สื่อสาธารณะ

           หลังจากอภิปรายเป็นเวลาพอสมควร นายเทพชัย หย่อง ผู้อำนวยการองค์การแพร่ภาพและกระจายเสียงสาธารณะ ชี้แจงว่า ขณะนี้มีนักการเมืองบางกลุ่มเคลื่อนไหวให้ออกกฎหมายกเลิกไทยพีบีเอส โดยให้เห็นผลว่าประชาชนบางส่วนไม่ค่อยพอใจการทำงาน สถานีเห็นว่าประเทศที่เป็นประชาธิปไตยควรมีสื่อที่เป็นอิสระ กล้าเปิดโปงทุกกลุ่มในสังคม โดยไม่มีใครสามารถเข้ามาครอบงำได้ สื่อที่เป็นอิสระเป็นหัวใจของประชาธิปไตย  ไทยพีบีเอสมีกลไก และหลักประกันในการตรวจสอบตัวเองได้ ไม่ให้คนในองค์กรเอาองค์กรไปแสวงหากำไรได้ เลิกฝันเสียทีว่าสักวันหนึ่งจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม สังคมยอมรับองค์กรนี้ว่าเป็นสื่อสาธารณะไปแล้ว จากเวทีที่จัดกับภาคประชาชน ประชาชนส่วนหนึ่งได้รู้สึกไปแล้วว่าไทยพีบีเอสเป็นสื่อของเขา

           นายเทพชัย กล่าวต่ออีกว่า ประเด็นการสัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณในรายการตอบโจทย์ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบทักษิณ ปฏิเสธไม่ได้ว่าทักษิณมีบทบาทและอิทธิพลในการบริหารบ้านเมือง เป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังและมีบทบาทในการทำให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง ดังนั้นสังคมไทยจะไม่มีสิทธิรับรู้ความคิดเห็นจากบุคคลที่มีบทบาทสำคัญต่อโฉมหน้าการเมืองเลยหรือ สถานะไม่ต่างจากการสัมภาษณ์นายราเกซ สักเสนา พ่อมดการเงิน ผู้ต้องหาคดียักยอกทรัพย์ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ (บีบีซี) ซึ่งสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นก็เคยถูกด่าเมื่อไปสัมภาษณ์ลูกน้องนายบิน ลาเดน สื่อเหล่านี้คงตัดสินใจเหมือนกันว่าเราควรฟังจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง และมีความสำคัญกับการตัดสินใจในอนาคต

           ส่วนกรณีที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์การไม่ทำหน้าที่ตามคำสั่งของศอฉ. นายเทพชัย ชี้แจงว่า ไทยพีบีเอสได้ปฏิบัติตามคำสั่งของศอฉ.มาโดยตลอด จนถึงช่วงที่มีคำสั่งไม่ให้สถานีแพร่ภาพรายการปกติ ไทยพีบีเอสมองว่าการมีคำสั่งเช่นนั้นคือการปิดกั้นการแสดงบทบาทของสื่อ ไทยพีบีเอสคำนึงว่าประชาชนต้องการรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเมือง สิ่งที่ไทยพีบีเอสนำเสนอรายการสดมากกว่าการเผยแพร่มิวสิควีดิโอรักชาติ แต่รายงานความรู้สึกของคนที่กำลังสิ้นหวังถือเป็นการทำหน้าที่สื่อมวลชนที่จะทำหน้าที่บนหลักการของสื่อสาธารณะ

           "ทั้งนี้ขอยืนยันว่า พี่ชายผมเป็นสื่อที่ดี ได้รับการยอมรับ เครือเนชั่นเป็นสื่อเดียวที่พรรคการเมืองพรรคหนึ่งเมื่อครั้งครองอำนาจ และได้ซื้อสื่อ  ส่วนสื่อเครื่อเนชั่นเป็นสื่อไม่กี่สื่อที่กล้าปฎิเสธอำนาจนั้น และได้มีการมาคุยกับผมโดยตรงก็มี  ล็อบบี้ให้ไม่ลงข่าวโจมตีรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณก็มี" นายเทพชัย กล่าว