ข่าว

เสื้อผ้ามุสลิมแฟชั่นอินโด-จีนตีตลาดไทย

เสื้อผ้ามุสลิมแฟชั่นอินโด-จีนตีตลาดไทย

07 ก.ย. 2554

เสื้อผ้าแฟชั่นมุสลิมอินโดนีเซีย- จีน ตีตลาดไทย ผู้ประกอบการโรงงานเร่งปรับตัวจ้าละหวั่น รับพฤติกรรมวัยรุ่นมุสลิมเปลี่ยนไป

          น.ส.ฮานา อารีส เจ้าของร้านอารีสเทรดดิ้ง ผู้ผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้ามุสลิม จ.สงขลา กล่าวว่า ปัจจุบันร้านจำหน่ายอุปกรณ์แต่งกายมุสลิมเกิดขึ้นจำนวนมาก และมีการขายตัดราคากัน ทำให้กลายเป็นปัญหา แต่ยอมรับว่าปีนี้บูมมากๆ ซึ่งก็ทำให้ร้านค้าต้องพยายามที่จะเรียนรู้เรื่องเทรด และพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป แต่ในบ้างครั้งมันมากไปก็ไม่เหมาะสม ซึ่งขณะนี้การแต่งกายบ้างคนพยายามจะเลียนแบบไปทางอาหรับ หรือมุสลิมยุโรป แต่ด้วยบุคลิกและโครงสร้างหน้าที่ไม่เหมาะสมก็ดูไม่ดี ก็ทำให้ร้านจำหน่ายต้องพิจารณาเหมือนกันว่าเรากำลังขายอะไรให้กับเขา

          สำหรับเทรนตลาดนั้นเปลี่ยนไปทั้งผู้ชายและผู้หญิงนั้นคือผู้ชายจะเน้นเสื้อผ้าที่ตัดเย็บละเอียดมากขึ้น เช่นชุดปากีก็ยังขาดี มีกระเป๋า 2 ข้างคอติดกระดุม และเขาเน้นสีเยอะขึ้นทำให้ต้องนำสีเข้ามาหลากหลายกว่าเมื่อก่อนด้วย บ้างคนก็ชอบลวดลายที่แตกต่าง ผ้าจากเมื่อก่อนเป็นคอตตอน ตอนนี้ก็เป็นไหมสังเคราะห์มากขึ้น เน้นสบายเป็นหลัก

          นอกจากนี้ ที่ขายดีก็มีผ้าบาติกซึ่งเขาจะนิยมใส่ทำงาน เสื้อหรือชุดปากีขายอยู่ราคาประมาณ 600-800 บาทต่อตัว ผ้าบาติกก็ราคาตั้งแต่ 350-2500 บาท ซึ่งที่ร้านก็มีทั้งที่เย็บในพื้นที่จังหวัดปัตตานี โดยเราออกแบบเอง และส่วนหนึ่งไปนำเข้ามาจากอินโดนีเซียที่รัฐสุบารายา ซึ่งที่นั่นมีโรงงานผลิตโดยตรง

         น.ส.ฮานา กล่าวต่อว่า ไปนำผ้าจากอินโดนีเซียปีละ 2 ครั้งหลักๆ แล้วจะจำหน่ายที่งานเมาลิดกลางกระบี่ และงานฮาลาลที่สงขลา แต่หลังจากออกงานมาระยะหนึ่งทำให้มีลูกค้าเข้ามาจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าผุ้หญิงที่มีการแต่งกายหลากหลายสไตฟ์มากขึ้นเมื่อก่อนฮิหญาบก็จะคลุมแต่ปัจจบันก็มีผ้าปาวา เป็นลักษณะการพันแทน และอินโดนีเซียเขาจะมีลาวหลากหลายให้เลือกก็ถูกใจลูกค้า

         ทั้งนี้ อย่างเสื้อกุรง เขาจะชอบแบบมีลวดลายดอกไม้กันมากขึ้น การออกแบบก็จะเน้นคลาส ลูกค้าที่ร้านจะเป็นกลุ่มกลางและบน ดังนั้นเสื้อผ้าจะเน้นมีสไตล์ไม่ได้ทั่วไป แต่ร้านขายเสื้อผ้า เครื่องประดับมุสลิมในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดขึ้นมาก เพราะเขามีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น แล้วก็เป็นกระแสกำลังฮิตเสียมากกว่า

         น.ส.ฮานา กล่าวต่ออีกว่า ตอนนี้ไม่ได้ฮิตเฉพาะตามร้าน แต่มีขายผ่านเฟรซบุ๊ค ซึ่งน้องๆที่ทำก็ไปได้ดีตลาดโตไปได้วย แต่เครื่องประดับที่นำเข้ามาถือว่าราคาขายนั้นยังสูงเกินไปส่วนหนึ่งนำเข้าจากจีน ราคาที่เหมาะสมน่าจะอยู่ที่ประมาณ 150 บาท แต่ราคาขายจริงไม่ใช่ ถ้าดตอนนี้มีราคา 500-1,500 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับตลาดสำเพ็งในบ้านเราราคาถูกกว่าและแข็งแรงกว่า ก็ขึ้นกับลูกค้าเหมือนกันเทรดมาแบบนี้ บ้างทีเขาก็กำลังวิ่งตามเทรด

       "แต่ตลาดที่ยังไมได้ดีคือผ้าละหมาด ซึ่งเป็นการแต่งกายที่ถูกต้อง ตอนนี้ในตลาดก็มีไปเอามาจากมาเลเซีย แต่มาเลเซียก็เอามาจากอินโดนีเซีย ซึ่งที่ร้านก็ไปเอาจากอินโดนีเซียท โดยตรงขายชุดหนึ่งอยู่ที่ 1,500-1,800 บาท ขณะที่ในตลาดอยู่ที่ 2,000 กว่า" น.ส.ฮานา กล่าว

        ด้าน นายบุญสม ปูเต๊ะ เจ้าของร้านบุญกีนี ฮาซานะฮ์ จำหน่ายผ้าชุดจากอินโดนีเซีย มาลวีย เครื่องแต่งกายมุสลิม เสื้อกุรง ชุดผ้าคลุมหัว ฮิหยาบ กล่าวว่า ที่ร้านผลิตเสื้อผ้าเฟชั่นมุสลิมตลาดหลักอยู่ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งกระบี่ภูเก็ต ซึ่งหลังจากที่มีเสื้อผ้าอินโดนีเซียเข้ามาตีตลาดก็ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการออกแบบเพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป แต่อย่างไรก็ตามยังเน้นการแต่งกายที่ถูกหลักศาสนา ซึ่งพฤติกรรมวัยรุ่นมุสลิมมีรูปแบบการแต่งกายที่เปลี่ยนไปก็ต้องฝากไปถึงผู้ปกครองที่จะต้องคอยช่วยกันดูแลลูก

         "แน่นอนการแต่งกายที่เปลี่ยนไป ทางร้านก็มีเพชร มีคริสตัลมาเย็บตกแต่งลงอิหยาบมากขึ้น เพื่อให้มีสีสันและเป็นที่นิยม ซึ่งกระแสดังกล่าวไม่ใช่มีเฉพาะในภูมิภาคแต่ในกรุงเทพฯเองก็กำลังไหลเข้ามา" นายบุญสม กล่าว

         นายอาซัน บินเต๊ะ เจ้าของร้านเสื้อผ้ามุสลิมขายส่งตลาดพล่าซ่า หาดใหญ่ เปิดเผยว่าทางร้านขายส่งเสื้อผ้ามุสลิมลงไปในพื้นที่ 3 จังหวัดเสื้อผ้านั้นออกแบบเองและส่งให้ร้านที่อินโดนีเซียตัดเย็บ ซึ่งจะได้ราคาดีกว่าในพื้นที่เนื่องจากค่าแรงถูกกว่าและฝีมือปราณีตกว่า และลวดลายของอินโดนีเซียกำลังเป็นที่ต้องการ รวมทั้งเครื่องประดับเพชร กำลังกลายเป็นที่นิยม ทำให้ร้านต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าที่นำเข้ามา

         อย่างไรก็ตาม ลูกค้าที่มาเดินเลือกซื้อก็มีทั้งคนทั่วไป และร้านขายต่อ ซึ่งมาเลเซียเองก็มากหาซื้อ และโดยเฉพาะลูกค้ามาเลเซียเองนิยมมาเลือกซื้อเพราะราคาขายถูกกว่า

         นายอาซัน กล่าวต่อว่า ผู้ประกอบการไทยเองก็ต้องปรับตัวเยอะ ผู้ผลิตใน 3 จังหวัดก็ต้องปรับเปลี่ยน โดยร้านนั้นสั่งจากกลุ่มแม่บ้านในพื้นที่ปัตตานี การออกแบบต้องปรับ เยอะเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า