ข่าว

'เปรตกู้'โดนรวบหลังตุ๋นสาว

'เปรตกู้'โดนรวบหลังตุ๋นสาว

07 ก.ย. 2554

กองปราบฯบุกจับเปรตกู้ หลอกสาวเจ้าของร้านอุปกรณ์คอมฯ อ้างเป็นร่างทรงฤาษีตาไฟ ชวนทำพิธีเสริมบุญ-ตระเวณเสริมดวงชะตา หลายจังหวัด กว่าจะรู้ตัวถูกหลอกสูญเงินไปกว่า 3 แสนบาท

       7 ก.ย.54  ที่กองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 กันยายน  พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.แถลงข่าวจับกุม นายกร หรือกิตติ ปภัสโรบล อายุ 64 ปี หรืออดีตอาจารย์กู้ในคดีเปรตคำชะโนด เมื่อปี 2543 อยู่บ้านเลขที่ 99/266 หมู่ 1 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ซึ่งถูกตำรวจกองปราบปรามนำโดย พ.ต.ท.เกรียงไกร ขวัญไตรรัตน์ พงส.(สบ.3) กก.1 บก.ป. ร.ต.อ.สันติ ผิวทองคำ พงส.(สบ.1) กก.ปพ.บก.ป. จับกุมในข้อหาฉ้อโกงประชาชน หลังก่อคดีหลอกลวงในลักษณะคล้ายกับที่เคยก่อคดีไว้ในอดีต โดยจับกุมได้ที่ชั้น 5 อาคารชลดา เลขที่ 40/59 หมู่ 2 ซ.แจ้งวัฒนะ 10 แขวงและเขตทุ่งสองห้อง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

       สืบเนื่องจาก น.ส.เกศรินทร์ เขจรจิตร อายุ 33 ปี เจ้าของร้านขายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แห่งหนึ่งได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ป.ว่า ได้รับคำชวนจากเพื่อนที่รู้จักกันให้มาดูดวงกับนายกร ซึ่งเคยดูดวงให้เพื่อนแล้วปรากฏว่าดูแม่น ด้วยความที่ตนเป็นคนศรัทธาเรื่องนี้อยู่แล้ว ประกอบกับช่วงนั้นประสบปัญหาเรื่องเงินที่ต้องเป็นหนี้สินหลายแสนบาทจึงไปดูดวงและทำพิธีเสริมดวงกับนายกรเมื่อประมาณปลายปี 2553

       น.ส.เกศรินทร์ ให้การว่า ก่อนหน้านี้ไม่ทราบมาก่อนว่านายกร คือคนเดียวกับอาจารย์กู้ เปรตคำชะโนด เมื่อพบกันก็ดูดวงให้ปรากฏว่าทราบภูมิหลังตนหลายๆเรื่องนอกจากนี้ยังทำหลายอย่างที่สร้างความประหลาดใจให้ตนหลายเรื่อง เช่น ให้ตนอธิษฐานจิตจนสามารถนำภาพใบหน้าพ่อตนมาแสดงได้ เสกกระดาษเป็นธนบัตร เสกสลับเลขสลากกินแบ่ง โดยอ้างว่าสามารถทำพิธีเสริมบุญแล้วจะได้เงิน 58 ล้านบาท รวมทั้งยังอ้างตัวเป็นร่างทรงหลวงปู่ฤาษีตาไฟ หลวงปู่นารอด หลวงพ่อหลักเมืองหลายองค์

       น.ส.เกศรินทร์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ดูดวงเสริมชะตาเสร็จก็มีการติดต่อเรื่อยมา ซึ่งมีทั้งทำบุญ 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ทำพิธีปิด ณ หน้าทอง ซึ่งแต่ละพิธีก็ต้องเสียเงินทำบุญไปหลายหมื่นบาท จากนั้นก็เป็นพิธีใหญ่ซึ่งจะทำให้ตนได้เงินหลายสิบล้านแต่ต้องเสริมดวงชะตาบารมีโดยเดินทางไปทำพิธีหลายจังหวัดแต่ที่ไปบ่อยครั้งคือที่จ.ศรีสะเกษ แต่พิธีก็ยังไม่เสร็จเสียที ระหว่างนี้ยังได้ถูกชักชวนให้นำเงินไปลงทุนเล่นการพนันในบ่อนการพนันแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯด้วย ซึ่งนายกรอ้างว่ามีคนรู้จักรู้วิธีเล่นแล้วกำไรหกสิบกว่าล้านบาทตนก็หลงเชื่อเพราะต้องการหาเงินไปใช้หนี้สินจึงนำรถยนต์ไปจำนำได้เงินมาก้อนหนึ่งก็แบ่งให้นายกรไปหนึ่งแสนบาทเพื่อไปเล่นในบ่อนแต่ก็ไม่เป็นไปตามนั้น

       น.ส.เกศรินทร์ กล่าวต่ออีกว่า ช่วงหลังเริ่มรู้สึกตัวว่าจะถูกหลอกจึงเริ่มรู้สึกตัวจึงให้เพื่อนที่เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดช่วยตรวจสอบประวัติจึงมาทราบความจริงแต่ขณะนั้นก็เสียเงินค่าพิธีต่างๆไปกว่า 3 แสนบาทแล้วจึงนำเรื่องมาแจ้งความ นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ที่หลงเชื่ออีกหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อด้วยแต่ทราบว่าไม่กล้าแจ้งความ

       จากการสอบสวนเบื้องต้น นายกร หรืออดีตอาจารย์กู้ ผู้ต้องหาในคดีนี้ ให้การภาคเสธ อ้างว่า ได้ทำพิธีต่างๆตามที่ผู้เสียหายกล่าวแต่ไม่ได้หลอกลวงแต่อย่างใด และยอมรับว่าเอาเงินไปเล่นการพนัน 1 แสนบาท เล่นบาคาร่า ผู้เสียหายก็ทราบ ซึ่งตนได้คืนเงินให้ผู้เสียหายไปแล้ว 9 หมื่นบาท
 นอกจากนี้นายกร ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากที่ถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุมเมื่อปี 2543 และถูกดำเนินคดีที่ศาลโดยมีทั้งที่ยกฟ้องและรอลงอาญาแล้วช่วงนั้นตนก็ไปค้าขายเสื้อผ้า รองเท้า ซีดี ต้นไม้อยู่ที่เซียร์รังสิต ตนอยู่เฉยๆอยู่กับลูกอย่างมีความสุขแล้วแต่ผู้เสียหายเข้ามาหาเองเพราะต้องการดูดวง ดูเนื้อคู่ ทั้งนี้ภายหลังสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายกรส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งสองห้อง ดำเนินคดีข้อหา ฉ้อโกงประชาชน ต่อไป

       สำหรับนายกร เดิมชื่อ นายกิตติ ปภัสโรบล หรือที่รู้จักในชื่อ อาจารย์กู้ ในคดีเปรตกู้ โดยหลอกว่ามีเปรตที่ป่าคำชะโนด อ.บ้านดุล จ.อุดรธานี และมีการหลอกทำพิธีต่างๆ เช่น เสกดินเป็นทอง แต่งกายเลียนแบบสงฆ์แล้วทำท่าลอยไปบิณฑบาตเทวดาบนต้นไม้ ทำให้มีผู้หลงเชื่อเป็นจำนวนมาก ในจำนวนนี้ก็มีผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นถึงอาจารย์หลายราย กระทั่งถูกจับกุมตัวได้ก็ยังพยายามแสดงปาฏิหาริย์เสกดินเป็นทองกลางห้องประชุมกองปราบปรามแต่นั่งท่องคาถาอยู่นานก็ยังทำไม่สำเร็จ สุดท้ายอ้างว่าไม่มีสมาธิ ทั้งนี้นายกิตติถูกดำเนินคดีข้อหาแต่กายเลียนแบบสงฆ์ ขึ้นไปเหยียบฐานพระพุทธรูปแล้วทำท่าล้อเลียนอย่างไม่เหมาะสม นอกจากนี้ยังถูกดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทผู้อื่น

       ต่อมา ศาลพิพากษายกฟ้องในคดีแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ ส่วนคดีที่ถูก พ.อ.นพ.พงศักดิ์ ตั้งคณา นักพูดชื่อดัง ยื่นฟ้อง ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณานั้นศาลตัดสินว่ามีความผิด จำเลยรับสารภาพลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 4 เดือน ปรับ 10,000 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 1 ปี