
"ปริม อินทวงศ์" ไทยมาไกลระดับโลก
แม้ได้ที่6 ในวอลเลย์บอล World Grand Prix 2011 มาเก๊า แต่ได้ใจคนไทยที่1
ความภาคภูมิใจของคนไทยที่เกิดขึ้น ช่วงปลายสิงหาฯที่ผ่านมา ในการแข่งขัน วอลเลย์บอล World Grand Prix 2011 รอบสุดท้ายที่เขตการปกครองพิเศษมาเก๊า ซึ่งจบลงไปเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2554
ที่ “สะใจที่สุด” คือ นัดที่เจอกับสาวจีน 25 สิงหาคม ที่ทีมสาวไทยสามารถเอาชนะจีน อดีตมหาอำนาจเบอร์ 1 ลูกยางของเอเชีย ไปด้วย 3-1 เซต ชนะขาดลอดต่อหน้าแฟนวอลเลย์บอลชาวจีนในมาเก๊า ที่ต้องมาเห็นทีมชาติของตนมาแพ้ราบคาบ้านตัวเองในที่สุด
จนสรุปผลการแข่งขันปรากฏว่า จาก 16 ทีม ที่หนึ่งคือ สหรัฐอเมริกา รองแชมป์คือบราซิล อันดับสามเซอร์เบีย อันดับสี่รัสเซีย อันดับห้าญี่ปุ่น โดยในส่วนของทีมไทยนั้น คว้าอันดับหกของรายการ
เป็นอันดับหก ที่หมายถึงการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศ ที่ทีมวอลเลย์บอลสาวไทยเข้าไปชิงในรอบสุดท้าย และติดอันดับท็อปเท็นได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของ World Grand Prix
และยังหมายถึง การที่ทางสหพันธ์วอลเลย์บอลนานาชาติหรือ FIVB ได้ประกาศการจัดอันดับโลกวอลเลย์บอลในร่มประเภททีมหญิงใหม่อย่างเป็นทางการ ซึ่งจากผลการแข่งขันรายการ World Grand Prix ครั้งนี้ ส่งให้ทีมสาวไทยมีคะแนนเพิ่มขึ้น ก้าวเลื่อนขึ้นไปเป็นลำดับที่ 10 ของโลก!
เมื่อพูดถึงความสำเร็จของวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย หลายคนมักจะมีชื่อของอดีตนักวอลเลย์บอลสาวมากฝีมือที่คนไทยไม่เคยลืมเลือน โดยการเล่นลูกจังหวะสองและลูกตบซ้าย จนได้รับยาว่า “มือเซตอัจฉริยะ” ปริม อินทวงศ์
ผลงานของเธอและทีมนั้นเรียกได้ว่าโดนใจชาวไทยสุดๆ ชนิดที่ทำให้พี่ไทยผูกขาดเหรียญทองซีเกมส์มาหลายสมัย และยังเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของกีฬาลูกยางไทยมาจนถึงยุคนี้
ถามถึงความรู้สึกของเธอ เกี่ยวกับผลงานของรุ่นน้องครั้งนี้ ปริมหรือเจนบอกว่า สุดๆ แล้วในชีวิต
“ไม่ผิดหวังเลย โอ้โห นี่เรามาไกลกว่าที่คาด ถ้าใครบอกผิดหวังคงต้องขอคุยด้วย แต่นี่มาไกลมากเลย เวิลด์กรังปรีซ์ หรือนัดที่เพิ่งจบไปนี่คะ เป็นการแข่งขันระดับโลก ทุกทวีป เพราะฉะนั้นความยิ่งใหญ่ของเวิลด์กรังปรีซ์ มันคือ The best of the world นะ (เน้นเสียง) ซึ่งพี่ว่าได้ที่หก นี่คือมาไกลมากเลย”
อย่างไรก็ดี หลายคนพูดว่าทีมชุดของ ปริม อินทวงศ์ ถือเป็นจุดเริ่มอย่างชัดเจนที่ทำให้วอลเลย์บอลหญิงไทยพัฒนามากขึ้นถึงวันนี้ ข้อนี้ปริมยอมรับ
“ยุคก่อน พี่ๆ ทีมชาติยุคเก่าเนี่ย เขาก็พัฒนามาเรื่อยๆ จากจุดที่ไม่มีอะไรเลย พอพัฒนามาถึงยุดพี่เจน ก็เป็นยุคที่เปลี่ยน เราได้โค้ชจากเมืองจีนเข้ามา ซึ่งจีนได้ชื่อว่าเป็นมหาอำนาจลูกยางของโลก ช่วงนั้นจึงเป็นยุคที่เราได้เทคนิคจากโค้ชจีนเยอะมาก และมีการปรับระบบการเล่นในยุคของพี่เจน จึงเห็นการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างชัดเจน และก็จะเริ่มขึ้นมาเรื่อยๆ ในยุคนี้ ที่น้องมีการพัฒนาต่อเนื่อง อันนี้เป็นสิ่งที่เราอยากเห็น รู้สึกภาคภูมิใจ ดีใจ๊ ดีใจ เวลาน้องไปทำหน้าที่ให้เราเห็น เห็นเพอร์ฟอร์แมนซ์เขาในการเล่นระดับโลก ภูมิใจเพราะว่าเราเสียเปรียบเขามากเลย แต่ว่าเด็กก็สู้ยิบตา ก็ได้ใจ”
แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าสำหรับเราทุกคนตอนนี้ คือ ความหวังของการที่ทีมชุดปัจจุบันจะคว้าชัยชนะกลับมาอีกเรื่อยๆ หรือไปไกลถึงโอลิมปิก!
โดยเฉพาะกับนัดหน้า กับการแข่งขันวอลเลย์บอลชิงชนะเลิศแห่งเอเชียหญิง ครั้งที่ 16 ที่ไทเป ไต้หวัน ปริมในฐานะรุ่นพี่มากประสบการณ์ฝากรุ่นน้องไว้ว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ให้ภูมิใจในผลงานของตัวเอง เช่นนัดที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าเราเก่งจริง
“พี่เจนก็เชื่อว่าน้องๆ ก็รู้เหมือนกันว่าจีนเอาคืนแน่ เขาต้องการจะทวงแชมป์ของเขากลับคืนมา แต่อยากจะบอกว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าเราจะกลับไปแพ้จีน cละครั้งล่าสุดนี้ ก็คือคอนเฟิร์มว่า น้องเก่งจริงๆ เราก็ต้องให้คุณค่ากับเด็กด้วย ถ้าเขาทำได้เราก็ต้องชื่นชมเขา คือไม่อยากให้มีภาพของการปรามาสว่า ที่ชนะได้เพราะวันนั้นจีนเล่นไม่ดี แต่อยากจะให้มองในมุมกลับว่า ที่จีนเล่นไม่ดี เพราะถูกเด็กเรากดดัน"
มากไปกว่านั้น นัดไทเปที่จะถึงนี้ ยังหมายถึง การลุ้นที่จะผ่านเข้าไปชิงชัยในโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ อีกด้วย ซึ่งปริม อินทวงศ์ ถึงกับเชื่อมั่นว่า หากคนไทยจะหวังไปโอลิมปิก น้องๆ นักตบสาวชุดนี้นี่แหละ ที่จะเป็นความหวังอันใกล้ที่สุด
“พี่ว่าชุดนี้เป็นชุดที่มีโอกาสมากที่สุด ถ้าไม่ได้ชุดนี้แล้ว เราอาจจะต้องรอไปอีกนานแค่ไหนไม่รู้ เพราะว่าชุดนี้เขาสมบูรณ์มาก แล้วถ้าเกิดชุดนี้เลิกไป เรายังต้องใช้เวลาในการที่จะสร้างเตรียมเด็กขึ้นมาใหม่เพราะฉะนั้นไทม์มิ่งนี้เป็นจังหวะที่ต้องแล้ว ถ้าไม่ได้ก็คงอีกจะยาว”
เป็นความรู้สึกและกำลังใจจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง ที่แม้วันนี้ ปริม อินทวงศ์ จะวางมือจากกีฬาลูกยางไปตั้งแต่ปี 2542 เพราะอาการบาดเจ็บ แต่เธอก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ในฐานะของผู้จัดการงานบริหารทั่วไป สังกัดกองพัฒนาและบริหารการจัดการเรียนรู้ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย และยังคงติดตามผลงานของน้องนักตบรุ่นหลังอย่างใกล้ชิด ตลอดมา