
'แม้ว'ขอโทษแดงไปพบที่ลาวไม่ได้
"ขวัญชัย" พาคนรักอุดรไปลาวหวังพบ "ทักษิณ" เก้ออ้างหมายถูกยกเลิกกระทันหัน ตกเย็น'ทักษิณ'โฟนอินขอโทษไปพบไม่ได้ "ส.ส.ร.50" ระบุ "เสื้อแดง" อยากแก้รธน.เป็นสิทธิ์ แต่ต้องบอก รธน. 50 บกพร่องอย่างไร ป.ป.ช.เอาจริงห้ามผลประโยชน์ทับซ้อนคลุมทุกตำแหน่งสำคัญ
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 ส.ค. 54 ที่ด่านสากล สปป.ลาว เครือข่ายคนเสื้อแดงกว่า 500 คน ภายใต้การนำของนายขวัญชัย สาราคำ หรือ ขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ไม่ได้รับอนุญาตให้สวมเสื้อสีแดงเข้าประเทศลาวเพราะเกรงว่าจะกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทำให้ต้องเปลี่ยนการแต่งกาย
นายขวัญชัย กล่าวว่า ต้องการพาคนเสื้อแดงกว่า 500 คน ไปพบกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังจากทราบว่า จะเข้าพักที่โรงแรมเพ็ดจำปา ในนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดยทุกคนที่เดินทางมาต้องเสียค่าใช้จ่ายคนละ 1,000 บาท แต่เมื่อเดินทางมาถึงกับไม่ได้พบ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงกระทันหัน เดิมตั้งใจพาคนรักอุดรมาเที่ยวฝั่งลาว
"นอกจากนี้ได้รับการติดต่อจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า จะมาพบปะมวลชนคนเสื้อแดง แต่ก่อนเดินทางมา 1 วันมีกระแสข่าวมากมาย พ.ต.ท. ทักษิณ จึงโทรศัพท์แจ้งให้ระงับ เพราะหวั่นกระทบความสัมพันธ์ไทย-ลาว เพราะเกรงว่าจะโดนโจมตีจากฝ่ายตรงข้าม วันที่ 31 ส.ค.จึงเป็นการพาคนเสื้อแดงเข้ามาเที่ยวในฝั่งลาว" นายขวัญชัย กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า นายขวัญชัย นำคณะเดินทางกลับออกมาจากฝั่งลาว ด้าน จ.หนองคาย ในเวลา 19.00 น. วันที่ 31 สิงหาคา แล้วเดินทางกลับจ.อุดรธานี
'ทักษิณ'ขอโทษแดงไปพบที่ลาวไม่ได้
ต่อมาเวลา 20.00 น. ที่สถานีวิทยุชมรมคนรักอุดร 97.5 เมกกะเฮิร์ซ บ้านหนองลีหู ต.สามพร้าว อ.เมือง นายขวัญชัยพร้อมสมาชิกชมรมจำนวน 576 คน คอยฟัง พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินเข้ามายังมือถือของนายขวัญชัยเพื่อพูดคุยกับคนเสื้อแดงทั้งหมด
จนกระทั้งเวลา 20.20 น. พ.ต.ท.ทักษิณโฟนอินเข้ามาที่มือถือของนายขวัญชัย โดยมีการนำเสียงออกอากาศสด ผ่านคลื่นวิทยุ และถ่ายทอดสดสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ช่อง P&P Channel พร้อมกล่าวขอโทษที่ไม่ได้เดินทางไปพบว่า เพราะมีคนไม่อยากให้ตนไปพบ โดยเฉพาะฝ่ายค้านที่เขากลัวตนเหมือนกลัวผี กลัวตนไปใกล้มาก ๆ เหมือนคอจะหักอย่างนั้น ตนก็เลยไม่ได้ไป เกรงใจรัฐบาล สปป.ลาว
จากนั้นเสียงสัญญาณเบาหายไปประมาณ 20 วินาที จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็กล่าวว่า "ขอโทษนะที่ให้รอนาน เพราะโทรศัพท์ไปไม่ได้เลย โทร.ยังไม่ได้ โทร.ยากมาก"
นายขวัญชัยกล่าวว่า วันที่ 31 สิงหาคมนี้ได้นัดกับ พ.ต.ท.ทักษิณไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ที่จะบินมาพบกับชมรมคนรักอุดร แต่ทางฝ่ายความมั่นคงของ สปป.ลาว เข้าไปตรวจสอบที่โรงแรมแห่งนั้น พ.ต.ท.ทักษิณจึงระงับการเดินทางมาพบ ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณก็เสียใจ เพราะเป็นคนนัดเอง แต่ก็มาไม่ได้ สิ่งที่ตนต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณยืนยัน ก็เพื่อให้พี่น้องของชมรมคนรักอุดร ได้เข้าใจว่าตนไม่ได้หลอกลวง ตั้งแต่วันที่พ.ต.ท.ทักษิณโทรทัศน์มานัดวันที่ 16 สิงหาคม ก็สื่อไปว่ามีคนอยากพบ แต่ชมรมคนรักอุดรไม่เคยพูดเลยว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะมาพบกับชมรมคนรักอุดร เพราะไม่ต้องการให้เป็นข่าว
“แต่แล้วก็มีผู้หวังดีประสงค์ร้ายไปปล่อยข่าวว่า พวกเราจะไปพบกับท่านที่ สปป,ลาว จึงเป็นประเด็นข่าวที่สื่อต่าง ๆ นำเสนอ ทางฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ติดต่อไปทาง สปป.ลาว เมื่อท่านทราบว่ามีข่าวออก ท่านจึงไม่เดินทางมา เพราะไม่ต้องการให้กระทบกระเทือนต่อรัฐบาลลาว ไม่อยากให้เป็นประเด็นทางการเมือง ท่านจึงยกเลิกการเดินทางมาพบกับพวกเรา แต่ท่านก็โฟนอินมาพูดคุย เพราะท่านแคร์ความรู้สึกของพวกเรา ที่สนับสนุนท่านมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา” นายขวัญชัยกล่าว
"ส.ส.ร.50"ระบุ"แดง"ต้องบอกข้อบกพร่องรธน.50ก่อนแก้
นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 50 กล่าวกับ “สำนักข่าวเนชั่น” ถึงกรณีที่นางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธาน นปช. ระบุว่าเป้าหมายต่อไปคือ ล้มรัฐธรรมนูญปี 2550 เพื่อนำรัฐธรรมนูญปี 2540 กลับมาใช้ว่า การแสดงความคิดเห็นหรือความต้องการในเรื่องกฎหมาย เป็นสิทธิ์ที่จะทำได้ แต่ถ้าคนเสื้อแดงต้องการจะล้มรัฐธรรมนูญปี50 ก็ต้องตอบให้ได้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวมีความบกพร่องในเนื้อหาเรื่องใด เพราะเรื่องกฎหมายเป็นเรื่องของเหตุผล และการจะอ้างว่ารัฐธรรมนูญปี50นั้นมาจากกระบวนการรัฐประหารคงไม่เพียงพอ เนื่องจากกระบวนการของรัฐธรรมนูญปี50เองก็ผ่านการทำประชามติจากประชาชนส่วนใหญ่มา ถือว่ามีความชอบธรรมสูง และหากกลุ่มคนเสื้อแดงจะอ้างถึงที่มา ตนก็จะอ้างเช่นเดียวกันว่ารับไม่ได้กับรัฐธรรมนูญซึ่งมีที่มาจากการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์เช่นเดียวกัน
ส่วนกรณีหากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยการแก้มาตรา291 เพื่อเปิดช่องให้มีส.ส.ร.3 นั้น นายคมสันต์ กล่าวว่า นั่นไม่ใช่ประเด็นหลักที่จะยกมาอ้าง โดยประเด็นแรกผู้ที่อยากจะแก้ต้องตอบก่อนว่ารัฐธรรมนูญปี50 มีข้อบกพร่องอย่างไร หากมีคำตอบที่สมเหตุสมผลถึงจะเข้าสู่กระบวนการต่อไป ทั้งนี้รัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวเป็นฉบับเดียวกับที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง และส่งให้คนเสื้อแดงได้เป็นข้าราชการการเมือง ดังนั้นหากจะรับผลการเลือกตั้ง แต่ไม่รับตัวของรัฐธรรมนูญคงเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกัน
ป.ป.ช.เอาจริงห้ามผลประโยชน์ทับซ้อนคลุมทุกตำแหน่งสำคัญ
นายวิชัย วิวิตเสวี กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการ พัฒนาการบังคับใช้ บทบัญญัติมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 เปิดเผยว่า บทบัญญัตินี้ได้กำหนดห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐดำเนินกิจการบางอย่าง ที่เป็นการ ขัดกันแห่งผลประโยชน์ โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐตำแหน่งใดที่ต้องห้ามมิให้ดำเนินกิจการตามความในบทบัญญัติดังกล่าวให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.กำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ขณะนี้ ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่ของรัฐที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ประกาศ กำหนดให้เป็นตำแหน่ง ที่ต้องห้ามมิให้ดำเนินกิจการ ตามความในบทบัญญัตินี้ มีอยู่สองตำแหน่ง คือนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาเห็นความสำคัญในเรื่องการบังคับใช้บทบัญญัติว่าด้วยการ ขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม อยู่แล้ว จึงได้มีโครงการศึกษาวิเคราะห์การกำหนดตำแหน่งที่ต้องห้ามมิให้ดำเนินกิจการตามความในมาตรา 100 เพิ่มเติม โดยในระหว่างช่วงปี 2552 จนถึง ปัจจุบัน คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ดาเนินการจัดสัมมนา เรื่อง “การพัฒนากระบวนการบังคับใช้กฎหมายว่า ด้วยการขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวมอย่างเคร่งครัด” และเรื่อง “การกำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องห้ามดำเนินกิจการตามมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542” เพื่อเผยแพร่และให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วย การขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนบุคคลและประโยชน์ส่วนรวม และรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการกำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องห้ามดำเนินกิจการตามมาตรา 100 เพิ่มเติม รวมทั้งสิ้น 15 ครั้ง ทั่วประเทศ โดยมีผู้ให้ความสนใจและเข้าร่วมโครงการดังกล่าวเป็นจำนวนมากจากทุกภาคส่วน
นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังได้ แต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาการบังคับใช้บทบัญญัติมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 เพื่อจัดทำแผนงาน โครงการ กิจกรรม เผยแพร่ ฝึกอบรม และประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการพัฒนาการบังคับใช้บทบัญญัติ
มาตรา 100 รวมทั้งพิจารณาศึกษาและจัดทำคู่มือกำหนดแนวทางปฏิบัติแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถูกกำหนดเป็นตำแหน่งที่ต้องห้ามดำเนินกิจการตามมาตรา 100 เผยแพร่แก่ประชาชนทั่วไป รวมถึงได้ แต่งตั้งคณะทำงาน เพื่อพิจารณาศึกษาวิเคราะห์การกำหนดตำแหน่งตามมาตรา 100 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 เพื่อศึกษาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการกำหนดตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องห้ามดำเนินกิจการตามมาตรา 100 เพิ่มเติมด้วย
นายวิชัย กล่าวด้วยว่า ผลของการศึกษาวิเคราะห์ดังกล่าวปรากฏว่า นโยบายของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะขยายการบังคับใช้บทบัญญัติที่ห้ามมิให้มีการกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งประโยชน์ ได้รับการตอบรับจากทุกภาคส่วน ขณะนี้ อยู่ระหว่างดำเนินการที่จะออกประกาศขยายตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐที่กำหนดให้เป็นตำแหน่งที่ต้องห้ามมิให้ดำเนินการตามมาตรา 100 ส่วนตำแหน่งเจ้าหน้าที่ของรัฐตำแหน่ง ใดจะถูกกำหนดเพิ่มเติม คณะกรรมการ ป.ป.ช. จะพิจารณาจากผลการศึกษาวิเคราะห์ดังกล่าว