ข่าว

ภราดาฮีแลร์ แห่งโรงเรียนอัสสัมชัญ

ภราดาฮีแลร์ แห่งโรงเรียนอัสสัมชัญ

19 ส.ค. 2554

ภราดาฮีแลร์ แห่งโรงเรียนอัสสัมชัญ : พันเรื่องถิ่นแผ่นดินไทย(55) บทความโดย น.อ.นพ.เกรียงไกร จิรสิริโรจนากร รพ.ภูมิพล

           “สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม คนหนึ่งตาแหลมคม เห็นดวงดาวอยู่พราวแพรว” บทกวีข้างต้นประพันธ์โดยชาวฝรั่งเศสชื่อ “ฟ. ฮีแลร์” ครูผู้ปกครองโรงเรียนอัสสัมชัญในอดีต ศาสนนามของท่านคือ “ฟรังซัว ดูเวอเนท์” ตัว “ฟ” ที่นำหน้าชื่อของท่านย่อมาจาก ภาษาฝรั่งเศส “Fre’re” ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษว่า “Brother” มีความหมายตรงกับภาษาไทยว่า ภราดา หรือ เจษฎาจารย์ ส่วนชาวอัสสัมชัญจะเรียกท่านอย่างเคารพว่า “บราเดอร์ฮีแลร์” หรือ “ภราดาฮีแลร์”

            ท่านเกิดที่ตำบลจำโปเมีย เมืองบัวเตียร์ ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2424  เมื่ออายุได้ 12 ปี ท่านเกิดความศรัทธาในพระศาสนาและตั้งใจจะอุทิศตนถวายพระเจ้า ท่านจึงได้ขออนุญาตบิดามารดาเข้าอบรมเป็นภราดา ในคณะเจษฎาจารย์เซนต์คาเบรียล ที่เมืองซังลอลังต์ ซิว แซฟวร์ ในมณฑลวังเด และบรรพชาเป็นภราดาเมื่ออายุได้ 18 ปี เดินทางมาเมืองไทย เมื่อ พ.ศ. 2444 เพื่อรับงานด้านการศึกษาต่อจากบาทหลวงกอล์มเบต์ โดยขณะนั้นท่านมีวัยเพียง 20 ปี

            ด้วยอายุยังน้อย ภาษาอังกฤษก็ยังไม่คล่อง ภาษาไทยยิ่งไม่ถนัด แต่ด้วยความตั้งใจจริง ท่านจึงพยายามฟังเด็กไทยท่อง “มูลบทบรรพกิจ” อยู่เป็นประจำ ถึงกับหลงใหลจังหวะ และความไพเราะ ท่านจึงมุมานะเรียนรู้ภาษาไทย จนสามารถแต่งตำราสำหรับเด็กนักเรียนได้เรียนการใช้ภาษาไทยที่ถูกต้อง จำนวน 5 เล่ม นั่นคือ “ดรุณศึกษา” ซึ่งใช้เป็นตำราเรียนสำหรับเด็กชั้นประถมจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นท่านยังมีผลงานประพันธ์อันทรงคุณค่าอีกเป็นจำนวนมาก

            เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปีพ.ศ. 2484 ท่านได้อพยพไปอยู่ต่างประเทศเป็นการชั่วคราว เมื่อสงครามสงบลง ท่านจึงเดินทางกลับมาประเทศไทย และได้พบกับสภาพของโรงเรียนอัสสัมชัญที่ถูกระเบิดทำลายเสียหาย ท่านได้พยายามเรี่ยไรเงินจากผู้ปกครอง และศิษย์เก่า ให้ช่วยกันก่อสร้างอาคารเรียนขึ้นมาใหม่ โดยในครั้งนั้นได้สร้างอาคารหอประชุม “สุวรรณสมโภช” อันเป็นอาคารที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น นับเป็นคุณูปการต่อชาวอัสสัมชัญสืบมา

            แม้บราเดอร์ฮีแลร์จะจากชาวอัสสัมชัญไปเมื่อปี พ.ศ. 2511 (สิริรวมอายุได้ 87 ปี) แล้วก็ตาม แต่ท่านยังได้ทิ้งมรดกทางความคิดอันทรงคุณค่า ให้อนุชนชาวไทยไว้สดับสติปัญญา เพื่อที่จะมีความอดทน ขยันหมั่นเพียร ไม่ย่อท้อต่อการศึกษาแสวงหาความรู้ อันจะเป็นประโยชน์ต่อตนเองและประเทศชาติสืบไปในภายภาคหน้า ดังคำกลอนของท่านตอนหนึ่งในหนังสือดรุณศึกษาที่ว่า “วิชาเหมือนสินค้า อันมีค่าอยู่เมืองไกล ต้องยากลำบากไป จึงจะได้สินค้ามา” ประการฉะนี้แลครับ

            ฉบับวันจันทร์หน้าเล่าเรื่อง “โรงเรียนของ ดร.เอนก เมื่อวัยเยาว์ ที่ลำปาง” ครับ