
นารีผล...
นารีผล...: กระจกเงา โดย อัศศิริ ธรรมโชติ
“ที่สูงเยี่ยมเทียมฟ้า นั่นต้นนารีผล
รูปร่างเหมือนอย่างคน ดูงามพ้นคณนา”
นานมาแล้วมีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งลงข่าวว่าพบต้นไม้ประหลาดมีลักษณะคล้ายกับต้นไม้ในวรรณคดีที่ชื่อว่า “ต้นนารีผล” เป็นที่ฮือฮาสนใจกันมาก
ถึง “ยุคนารี ขี่ม้าขาว” เล่าเรื่องต้นนารีผลน่าจะเหมาะกับสถานการณ์
ฟังว่า ต้นนารีผลเป็นต้นไม้ในนิยาย อยู่ในป่าหิมพานต์ มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า มักกะลีผล ต้นไม้ชนิดนี้ออกดอกผลเป็นคน เป็นหญิงสาวที่งดงามทั้งหน้าตาและเรือนร่าง จึงเป็นที่หมายปองของชายจำพวกหนึ่ง
ทั้งที่นางนารีผลไม่มีจิตวิญญาณ และมีอายุอยู่ได้แค่ 7 วันเท่านั้น
ในหนังสือ “เล่าเรื่องในไตรภูมิ” ของ “เสฐียรโกเศศ” ท่านเขียนเอาไว้ว่า ต้นไม้นารีผลหรือว่าต้นมักกะลีผล มีอยู่ในดินแดนที่เรียกกันว่า อุตตรกุรุทวีป อันเป็นที่อยู่ของพวกนักสิทธิ์วิทยาธร และคนธรรพ์ทั้งหลาย ดินแดนแห่งนี้มีแต่ความผาสุก สนุกสนานยั่วยวน ได้ยินแต่เสียงขับร้อง เสียงดนตรีและเสียงหัวเราะ
ดอกไม้ ผลไม้ ล้วนแต่เป็นของทิพย์ สิ่งวิเศษมหัศจรรย์ที่นึกอะไรได้ก็จะได้ดั่งปรารถนา
ในดินแดนแห่งนี้มีแม่น้ำมากมาย ที่ชายหาดไม่มีทราย มีแต่แก้วแหวนเงินทองและมณีอันมีค่า แม้ต้นไม้ก็เป็นทอง เป็นแก้วเก้านวรัตน์ มีกลิ่นหอม และให้ดอกออกผลอยู่เป็นนิจมิได้ขาด
ท่านว่า ต้นไม้ลางต้นถึงกับออกดอกผลเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูปให้ขนาดต่างๆ กัน แม่น้ำบางสายก็ให้เป็นน้ำนมดื่มกิน แต่พอแห้งลง ก็กลับกลายเป็นข้าวต้ม กินอร่อยอีกต่างหาก
ที่ริมแม่น้ำสายหนึ่งมีต้นไม้ออกผลเป็นรูปนางงาม ห้อยแขวนอยู่ตามกิ่งไม้ นั่นก็คือ ต้นนารีผล หรือว่าลูกมักกะลีผล ที่เมื่อถึงฤดูกาลผลไม้รูปทรงหญิงสาวที่งดงามก็จะออกมาห้อยย้อยเป็นระย้าอยู่ตามกิ่งทั่วไป สถานที่แห่งนี้จึงเป็นที่สนุกนักสำหรับพวกนักสิทธิ์วิทยาธรทั้งปวงในดินแดนแห่งนี้ที่จะได้แย่งชิงกันเอาผลไม้สาวสุกได้ที่เหล่านี้ไปเชยชม ก่อนที่จะหมดอายุลงไปภายในเวลาแค่ 7 วันดังที่กล่าว
ท่านว่า พวกนักสิทธิ์วิทยาธรไม่ใช่มนุษย์ และไม่ใช่เทวดา แต่เป็นอมนุษย์จำพวกหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นผู้สำเร็จหรือว่าเป็นผู้วิเศษคล้ายกับผู้ทรงคุณวุฒิหรือว่านักวิชาการ ทำนองนั้น
พวกนี้เหาะเหินเดินอากาศ มีชีวิตยืนยาวไม่มีเจ็บไม่มีแก่ รักสนุกลูกเดียว
ต้นนารีผลเมื่อถึงฤดูกาลจึงเต็มไปด้วยพวกนักสิทธิ์วิทยาธรที่หื่นกระหายมาเหาะว่ายวนอยู่รอบๆ เหล่านารีผล เพื่อแข่งแย่งชิงกันเอาไปเป็นของตน ที่ทะเลาะกันตีกันและถึงกับรบฆ่ากันด้วยความหึงหวงก็มี ที่มีฤทธิ์มากก็เหาะเข้าอุ้มเด็ดเอาไปเลย ส่วนพวกที่ฤทธิ์น้อยก็เอาไม้คอยสอยเอา
ดังที่ “เสฐียรโกเศศ” ท่านได้ยกกลอนเพลงเก่าที่กล่าวถึงเรื่องนารีผลข้างบนนั่นมาลงไว้ มีอีกความหนึ่งดังนี้ว่า
“บ้างตะกายป่ายปีน เพื่อนยึดตีนตกตึง
ชิงช่วงหวงหึง เสียงอื้ออึงแน่นนันต์
ที่มิได้ก็ไล่แย่ง บ้างทิ่มแทงฆ่าฟัน
ที่ได้ไปไว้นั้น ถึงเจ็ดวันก็เน่าไป”
ท่านว่าสิ่งที่พวกวิทยาธรชอบใจคือ ผู้หญิง คนรุ่นเก่ารู้จักวิทยาธรดี ถือเป็นพวกที่ไม่เป็นมงคลแก่ใคร ไว้ใจยาก
ก็ขอให้ระวัง “พวกนักสิทธิ์วิทยาธร” เอาไว้ให้ดีเถิดครับ