ข่าว

 พลังเครือข่ายสังคมออนไลน์:พลังแห่งเทวดาหรือซาตาน?

พลังเครือข่ายสังคมออนไลน์:พลังแห่งเทวดาหรือซาตาน?

17 ส.ค. 2554

พลังเครือข่ายสังคมออนไลน์:พลังแห่งเทวดาหรือซาตาน? : เล่าสู่กันฟัง โดยบัญญัติ คำนูณวัฒน์

           สื่อทุกชนิดล้วนมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นสื่อดั้งเดิมจำพวกหนังสือพิมพ์ นิตยสาร วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อที่เป็นนิวมีเดีย เพราะทุกสื่อล้วนเป็นช่องทางในการสื่อสารไปถึงผู้คน ส่วนสื่อใดจะมีอิทธิพลมากหรือน้อยกว่ากัน ก็ขึ้นอยู่กับความนิยมของคนในสังคมนั้นๆ ซึ่งขณะนี้  "สื่อใหม่” กลายเป็นวัฒนธรรมใหม่ของคนทั้งโลกที่ดูเหมือนจะแซงหน้าสื่อเดิมๆ ไปพอสมควร เห็นได้จากการเข้าไปมีบทบาทต่อการเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา วัฒนธรรม กีฬา และบันเทิง ราวกับจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนเราไปเสียแล้ว

            เมื่อก่อนเรามักจะได้ยินคำว่า “ไม่แคร์สื่อ” ซึ่งเป็นคำฮิตติดปากในหมู่ศิลปินดาราพูดกันเวลาที่ข่าวออกมาไม่เป็นไปตามที่ต้องการ เป็นการพูดเพื่อรักษาความรู้สึกที่ดีของตัวเอง โดยไม่คิดที่จะแก้ไขหรือพยายามแก้ไขแล้วแต่ไม่เป็นไปตามต้องการจึงเลือกที่จะปล่อยเลยไป คิดว่าเมื่อเวลาผ่านไปคนจะลืมกันไปเอง ต่อมาหลายๆ วงการก็ได้นำวลีนี้ไปใช้กันอย่างแพร่หลาย

            แต่ตอนนี้ คำนี้อาจจะไม่สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำอีกต่อไป เมื่อสื่อใหม่อย่าง โซเซียลมีเดีย หรือ เครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้แพร่หลายเข้ามาในทุกวงการ เพราะเพียงแค่หนึ่งความเห็นที่มีต่อคนคนหนึ่ง อาจจะมีผู้เข้ามาเห็นหรืออ่านถึงหลายล้านคนทั่วโลกภายในเวลาไม่กี่วินาที และจะถูกเก็บไว้ในในโลกออนไลน์ตราบนานเท่านาน ซึ่งจากสถิติเมื่อปีที่แล้วพบว่ามีจำนวนผู้เข้าใช้เฟซบุ๊กประมาณ 500 ล้านคน ใช้ทวิตเตอร์ประมาณ 106 ล้านคน มีการส่งข้อความผ่านบีบีกว่า 13 ล้านเครื่อง

            “เล่าสู่กันฟัง” ฉบับนี้ ขอนำเรื่องราวของเครือข่ายสังคมที่ก่อให้เกิดการรวมพลังจากโลกออนไลน์ออกมาสู่การเคลื่อนไหวในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งคิดว่ามีความน่าสนใจไม่น้อย เช่น เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประเทศอังกฤษ วัยรุ่นใช้ประโยชน์จากพลังเครือข่ายสังคมออนไลน์ปลุกระดมผ่านระบบส่งข้อความโทรศัพท์แบล็กเบอร์รี่ (บีบี) และเครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก เพื่อรวมตัวก่อความไม่สงบ ปล้นสะดมร้านค้าในหลายพื้นที่ในกรุงลอนดอน และอีกหลายเมืองใหญ่ของอังกฤษ ทำให้เกิดความวุ่นวายและเสียหาย จนรัฐบาลต้องออกมาปราบปรามและสั่งปิดเว็บไซต์ดังกล่าว

            เครือข่ายสังคมออนไลน์กลายเป็นเครื่องมือในการปลุกระดมทางความคิดที่ทรงอิทธิพล นำพาผู้คนออกมาเดินขบวนก่อจลาจลตามท้องถนน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในตะวันออกกลางอย่างอียิปต์ เยเมน ลิเบีย ฯลฯ มาแล้ว ปัจจุบันถือว่าสื่อนิวมีเดียมีอิทธิพลในการรวมพลังมวลชนได้ดีกว่าสื่อแบบดั้งเดิม เพราะรวดเร็วทันเหตุการณ์ สามารถรวมตัวได้ภายในไม่กี่นาที

            ในเมืองไทยก็มีตัวอย่างในการใช้พลังเครือข่ายสังคมออนไลน์เช่นกัน ดั่งจะเห็นได้จากการเกิดเหตุการณ์สึนามิในประเทศญี่ปุ่นและเกิดอุทกภัยในประเทศไทยหลายพื้นที่เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา กลุ่มทวิตเตอร์ ออฟ ไทยแลนด์ ซึ่งเป็นกลุ่มอาสาสมัครทางเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้รวมตัวกันขึ้นจัดกิจกรรมช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อหาเงินมอบให้แก่สภากาชาดไทยนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในจังหวัดภาคใต้ของไทยและผู้ประสบภัยที่ประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมทำความสะอาดและปลูกต้นไม้คืนพื้นที่สีเขียวให้กรุงเทพฯ ผ่านกลุ่มเครือข่ายทวิตเตอร์และเฟซบุ๊ก ซึ่งมีผู้มาร่วมกิจกรรมโดยที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเข้าร่วมเป็นจำนวนมากอีกด้วย

            นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างของพลังเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ไม่ได้อยู่แต่ในโลกออนไลน์เพียงอย่างเดียวอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นพลังที่หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องจับตามองและให้ความสำคัญให้มาก เพราะนิวมีเดียก็เหมือนกับเครื่องมือสื่อสารอื่นๆ ที่ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ว่าจะใช้ในทางที่ดีหรือร้าย ต่างกันตรงที่ประสิทธิภาพของการแพร่ขยายที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและกว้างขวาง จึงทำให้พลังของนิวมีเดียและสังคมออนไลน์เป็นได้ทั้งพลังจากเทวดาหรือพลังจากซาตาน