ข่าว

GPSชี้เป้าจับแก๊งงัดตู้เติมเงินมือถือ

GPSชี้เป้าจับแก๊งงัดตู้เติมเงินมือถือ

12 ส.ค. 2554

ดาวเทียมชี้เป้าจับแก๊งลักเงิน"ตู้บุญเติม" : ตะลุยข่าว โดย โต๊ะรายงานพิเศษ

          เมื่อ "โทรศัพท์มือถือ" เปรียบดั่งอวัยวะชิ้นที่ 33 ของผู้คนเกือบทุกเพศทุกวัย ชะตากรรมของโทรศัพท์สาธารณะก็ตกต่ำไปด้วย จากที่เคยเป็นขุมทรัพย์ของบรรดาแก๊งงัดแงะขโมยเหรียญก็พาลเฉามือไปด้วย แต่เพียงไม่นานมิจฉาชีพก็พบช่องโอกาสใหม่ นั่นคือ ตู้เติมเงินมือถือออนไลน์ หรือ "ตู้บุญเติม" ที่มีอยู่เกือบทุกมุมถนน!!

           ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มผู้ร่วมธุรกิจกับบริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด ต้องเดือดร้อนอย่างหนักจากแก๊งมิจฉาชีพที่ตระเวนลักเงินจากตู้เติมเงินมือถือออนไลน์ที่ตั้งอยู่ริมถนนทั่วกรุงเทพฯ รวม 51 ตู้ รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 3 ล้านบาท จึงร้องขอความช่วยเหลือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจปฏิบัติการพิเศษ หรือ " 191" ให้ช่วยจับกุมเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา พร้อมประสานไปยังบริษัทผู้ให้บริการด้านโทรศัพท์มือถือ 3 ค่าย ช่วยตรวจสอบความเคลื่อนไหวของผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าเป็นคนร้าย มักจะเติมเงินเข้าโทรศัพท์มือถือหมายเลขหนึ่งก่อนลงมือก่อเหตุ

           พ.ต.อ.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผกก.สตร.บก.สปพ. จึงรายงานเรื่องให้ พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น. และ พล.ต.ต.ธนพล สนเทศ ผบก.สปพ.ทราบ แล้วสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ออกตระเวนเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของคนร้ายในช่วงกลางคืน พร้อมจัดชุดสืบสวนนอกเครื่องแบบออกตระเวนเฝ้าสังเกตการณ์ตามริมถนนทั่วกรุงเทพฯ

           "คนร้ายรู้ว่าบริเวณหน้าตู้มีกล้องวงจรปิด แต่แท้จริงแล้วเป็นตัวหลอก กล้องวงจรปิดถูกซ่อนอยู่ในจุดที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้ หลังจากนั้นผู้ร่วมทำธุรกิจตู้เติมเงินออนไลน์นำข้อมูลทางเทคนิคมาให้ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมของคนร้ายก่อนลงมือก่อเหตุ ดูเหมือนว่ามีการทดลองเติมเงินแล้วฟังเสียงเหรียญที่ตกกระทบลงที่กล่องเก็บเงิน หากเสียงเหรียญกระทบไม่ค่อยแน่นแสดงว่าตู้เติมเงินตู้นี้ไม่น่าจะมีเงินสดเยอะ แต่หากเสียงเหรียญกระทบแน่นๆ แสดงว่าตู้เติมเงินตู้นี้น่าจะมีเงินสดเยอะ จึงลงมืองัดแงะหรือทำลาย" พ.ต.อ.วิวัฒน์ ระบุ

           หลังจาก พ.ต.อ.วิวัฒน์ ได้ข้อมูลแล้วนำมาวิเคราะห์รวมถึงพฤติกรรมของคนร้าย โดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ผ่านดาวเทียมวางจุดที่คนร้ายเคยก่อเหตุงัดแงะตู้เติมเงินตามจุดต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ แล้วเน้นให้เจ้าหน้าที่สายตรวจรถยนต์และเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบตระเวนซุ่มโป่งตามเส้นทางการก่อเหตุของคนร้าย

           จนกระทั่งช่วงเวลา 03.20 น.วันที่ 11 สิงหาคม สัญญาณเตือนภัยของตู้เติมเงินบริเวณใกล้กับสำนักงานเขตบางกอกใหญ่ ปรากฏขึ้นที่คอลเซ็นเตอร์ของบริษัท ชุดตำรวจนอกเครื่องแบบของ บก.สตร.มาถึงบริเวณดังกล่าว พบชายผู้หญิงต้องสงสัยเดินออกมาจากตู้เติมเงินโทรศัพท์แบบออนไลน์ โดยผู้หญิงสะพายกระเป๋า ภายในมืออุ้มกล่องสี่เหลี่ยม ขึ้นรถจักรยานยนต์ ตำรวจนอกเครื่องแบบจึงส่งสัญญาณให้หยุด พร้อมแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงาน

           ปรากฏว่าคนร้ายกลับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีย้อนเส้นทางไปอย่างรวดเร็ว จนมาถึงบริเวณหน้าสำนักงานเขตบางกอกใหญ่ ซึ่งเป็นทางโค้งทำให้รถเสียหลักล้ม กล่องบรรจุเงินตกลงพื้น เงินเหรียญและธนบัตรกระจายเต็มถนน ตำรวจจึงเข้าจับกุม ตรวจสอบพบว่าคนร้ายทั้งสองมีตำหนิรูปพรรณตามศาลออกหมายจับก่อนหน้านี้แล้ว

           การสอบสวน นายประพันธ์ ศรศิลป์ อายุ 34 ปี และน.ส.พรประกาย หิรัญยพิสุทธิกุล อายุ 23 ปี ยอมรับว่า เป็นบุคคลเดียวกันกับหมายจับที่ถูกศาลออกไว้จริง พร้อมรับสารภาพว่า ร่วมกับ นายกิตติศักดิ์ คงถนอมพรรณ อายุ 30 ปี ออกตระเวนงัดตู้โทรศัพท์เติมเงินแบบออนไลน์มาแล้วหลายพื้นที่ โดยเฉพาะย่านฝั่งธนบุรี

           "ครั้งแรกที่ลองงัดตู้เติมเงิน เครื่องส่งเสียงร้องดังมากจนตกใจ จึงไปคิดหาวิธีแก้ไข ด้วยการใช้เทปสีดำปิดที่ตำแหน่งรูสีดำ คิดว่าเป็นกล้องวงจรปิด ก่อนใช้ไขควงแทงลำโพงขนาดเล็กทั้งสองข้างเพื่อให้ลำโพงพัง แล้วใช้เหล็กงัดจากด้านล่างเลาะขึ้นไปด้านบนจนเปิดออก แล้วดึงกล่องบรรจุเงินออกมาจากตู้เติมเงิน เพื่อนำไปทำลาย เมื่อได้เงินมาก็จะนำเหรียญไปแลกที่ร้านสะดวกซื้อ แล้วนำเงินมาใช้จ่ายและซื้อยาบ้า การลงมือแต่ละครั้งใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที" นายประพันธ์ ระบุ