ข่าว

จับชีพจรลงทุนสนามกอล์ฟภูเก็ตจากยุคทองที่รุ่งโรจน์สู่ภาวะทรงตัว

จับชีพจรลงทุนสนามกอล์ฟภูเก็ตจากยุคทองที่รุ่งโรจน์สู่ภาวะทรงตัว

06 ส.ค. 2554

จับชีพจรลงทุนสนามกอล์ฟภูเก็ตจากยุคทองที่รุ่งโรจน์สู่ภาวะทรงตัว : รายงานพิเศษวันเสาร์ โดย สาลินี ปราบ

          ธุรกิจสนามกอล์ฟภูเก็ต เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว ปัจจุบันภูในภูเก็ตมีสนามกอล์ฟขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเสียงและได้รับความสนใจจากนักเล่นกอล์ฟรวม 7 สนาม อย่างไรก็ตาม หากมองแนวโน้มการลงทุนของธุรกิจดังกล่าวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่าน อยู่ในภาวะที่ไม่มีการลงทุนรายใหม่เกิดขึ้นเลย เนื่องจากปัจจัยในเรื่องของราคาที่ดินซึ่งค่อนข้างสูง และไม่มีที่ดินขนาดใหญ่เพียงพอกับการพัฒนาเป็นสนามกอล์ฟ จึงทำให้การลงทุนสนามกอล์ฟใหม่เกิดขึ้นยาก แต่ขณะเดียวกันการลงทุนที่ขยายตัวกลับเป็นสนามไดรฟ์กอล์ฟ หรือสนามฝึกซ้อมที่มีเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากใช้พื้นที่และเงินลงทุนไม่สูงนัก

           สนามกอล์ฟในภูเก็ต ปัจจุบันประกอบด้วย สนามกอล์ฟภูเก็ต คันทรี คลับ มีพื้นที่ประมาณ 400 ไร่ ซึ่งถือเป็นสนามกอล์ฟแห่งแรกของภูเก็ต หากไม่นับรวมสนามกอล์ฟหาดสุรินทร์ ซึ่งเคยเป็นสนามสำหรับตีกอล์ฟของผู้ประกอบธุรกิจเหมืองแร่ทั้งชาวไทยและต่างชาติ ตั้งแต่สมัยโลกครั้งที่ 2 และเมื่อปี 2471 รัชกาลที่ 7 เสด็จประพาสภูเก็ตและทรงตีกอล์ฟที่สนามนี้ด้วย ปัจจุบันเหลือเพียงร่องรอยเท่านั้น, สนามกอล์ฟบลู แคนยอน คันทรี คลับ ภายในแบ่งเป็น 2 สนาม คือ Canyon Course และ Lakes Course มีพื้นที่ประมาณ 1,800 ไร่ เป็นสนามที่มีชื่อเสียงอย่างมาก 

           สนามกอล์ฟล็อคปาล์ม กอล์ฟ คลับ เดิมชื่อสนามกอล์ฟ เซนจูรี่คันทรี คลับ มีพื้นที่ประมาณ 400 ไร่ นักกอล์ฟส่วนใหญ่จะเป็นคนในท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากตัวสนามแล้วภายในยังมีโครงการบ้านพักต่างอากาศและโรงแรมด้วย, สนามเรดเมาท์เทน กอล์ฟ คลับ มีเนื้อที่ประมาณ 2,500 ไร่ เป็นสนามแห่งใหม่ สร้างติดกับสนามกอล์ฟล็อคปาล์ม ซึ่งเป็นผู้บริหารเดียวกัน เน้นกลุ่มลูกค้าระดับสูงและชาวต่างชาติเป็นหลัก, สนามกอล์ฟลากูน่า ภูเก็ต กอล์ฟ คลับ (บันยัน ทรี) เป็นสนามกอล์ฟที่อยู่ภายในอาณาจักรของกลุ่มลากูน่ารีสอร์ท สร้างเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้าพักโรงแรมในเครือซึ่งมีจำนวน 5 โรง, สนามกอล์ฟมิชชั่น ฮิลล์ ภูเก็ต กอล์ฟ คลับ รีสอร์ท แอนด์ สปา มีบางหลุมอยู่ใกล้กับทะเลเป็นสนามกอล์ฟซึ่งเน้นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ พร้อมโรงแรมที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และสนามกอล์ฟภูนาคากอล์ฟคอร์ส มีเนื้อที่ประมาณ 180 ไร่ ที่เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา เป็นสนามขนาด 9 หลุม เป้าหมายต้องการเป็นไนท์กอล์ฟ

           "การลงทุนในสนามกอล์ฟใหม่ๆ ในระยะหลังเกิดได้ยาก เนื่องจากที่ดินของภูเก็ตมีราคาแพง และไม่มีแปลงขนาดใหญ่พอที่จะพัฒนาเป็นสนามกอล์ฟ เพราะนอกจากตัวสนามกอล์ฟแล้วก็มักจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ร่วมด้วย มีทั้งบ้านพักในสนามกอล์ฟ หรือโรงแรมที่พักและอื่นๆ ทำให้การลงทุนจะมีการขยายตัวการไปยังจังหวัดใกล้เคียงทั้งกระบี่และพังงาแทน รวมถึงการลงทุนด้านที่พักและบริการสุขภาพด้วย"  บังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานภูเก็ต ให้ความเห็นและว่า

           สนามกอล์ฟของภูเก็ตที่มีอยู่ในขณะนี้ล้วนแล้วแต่ได้มาตรฐาน และแต่ละสนามก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน จึงเป็นที่สนใจของนักเล่นกอล์ฟทั้งจากยุโรปและเอเชีย โดยเฉพาะประเทศที่ใช้เวลาเดินทางไม่ไกล เช่น เกาหลี ฮ่องกง จีน เป็นต้น ส่งผลให้ตลาดนักกอล์ฟมีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง เหตุเพราะความสะดวกในการเดินทางและสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งในส่วนของที่พักและการเข้าถึงสนามกอล์ฟต่างๆ ประกอบกับทาง ททท.ได้มีการจัดกิจกรรมโปรโมทสนามกอล์ฟของเมืองไทยมาโดยตลอด ทั้งนี้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเป็นกอล์ฟฮับเอเชีย ซึ่งได้มีการเชิญกลุ่มเป้าหมายทั้งนักกอล์ฟ และสื่อมวลชน มาทดสอบสนามต่างๆ เพื่อนำไปโปรโมทในตลาดเป้าหมายด้วย 

           ชาญวุฒิ หงษ์หยก ผู้จัดการทั่วไปสนามกอล์ฟภูเก็ต คันทรี คลับ กล่าวว่า ในส่วนของภูเก็ต คันทรี คลับ นับได้ว่าเป็นสนามแรกของภูเก็ต เนื่องจากเป็นการลงทุนในที่ดินของบริษัทเองเมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนั้นใช้เงินลงทุนประมาณกว่า 100 ล้านบาทโดยไม่รวมค่าที่ดิน แต่สำหรับปัจจุบันไม่สามารถลงทุนได้แล้ว ประมาณการว่าต่อหนึ่งสนามจะต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และจะต้องมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 1,000 ไร่ เพราะการทำสนามกอล์ฟปัจจุบันไม่ได้มีเฉพาะตัวสนามเท่านั้นแต่จะต้องมีส่วนประกอบอื่นด้วย ซึ่งหากให้ประเมินสถานการณ์ลงทุนสนามกอล์ฟเพิ่มเติมในภูเก็ตนั้นคิดว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากราคาที่ดินสูง ไม่มีที่ดินแปลงใหม่ และต้องใช้เงินลงทุนมาก แต่จะมีการขยายตัวไปยังจังหวัดใกล้เคียงแทน

           “ธุรกิจสนามกอล์ฟภูเก็ตในยุคที่เฟื่องฟูมากๆ หลังจากที่ไทเกอร์ วูดส์มาลงแข่งขันที่สนามกอล์ฟบลู แคนยอน เมื่อประมาณ 17-18 ปีที่ผ่านมา และในแง่ของนักกอล์ฟนั้นยังคงมีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันแต่ไม่หวือหวามากนัก ซึ่งหากมองการแข่งขันในพื้นที่แล้วจะไม่มี เพราะนักกอล์ฟเมื่อมาเล่นกอล์ฟแล้วมักจะไม่เล่นเพียงสนามใดสนามหนึ่งแต่จะหมุนเวียนไปตามสนามต่างๆ โดยคู่แข่งที่น่ากลัวจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านมากกว่า เช่น เวียดนาม จีน เป็นต้น ซึ่งมีการลงทุนธุรกิจสนามกอล์ฟมากขึ้น”

           ชาญวุฒิ กล่าวว่า ในส่วนของสนามกอล์ฟภูเก็ตคันทรีคลับ แม้ว่าจะไม่มีการแข่งขันในพื้นที่ แต่ก็จะต้องมีการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นใจและอำนวยความสะดวกให้แก่นักเล่นกอล์ฟ ซึ่งปัจจุบันยังคงมีแนวโน้มของการเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มของนักกอล์ฟเยาวชนซึ่งทางสนามได้เข้าไปให้การสนับสนุนจนมีผลงานถึงระดับชาติ มีอัตราการเติบโตปีละประมาณ 10% ในส่วนของการพัฒนาสนามนั้นก็ยังคงมีมาต่อเนื่อง และขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการปรับปรุงในส่วนของคลับเฮ้าส์ใช้เงินลงทุนประมาณ 70 ล้านบาท เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่กลุ่มนักกอล์ฟที่มาใช้บริการ ซึ่งมีทั้งคนไทยและต่างชาติไม่ว่าจะเป็นยุโรปหรือเอเชีย

           "จะว่าไปแล้วสำหรับธุรกิจสนามกอล์ฟภูเก็ตจากที่เคยรุ่งเรืองในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบันอยู่ในลักษณะทรงตัว เนื่องจากปริมาณสนามกอล์ฟที่มีอยู่ในขณะนี้ถือว่าค่อนข้างจะมากสำหรับภูเก็ต ดังนั้นหากจะมีการลงทุนสนามกอล์ฟใหม่เป็นเรื่องที่ยากและต้องแข่งขันสูง ประกอบกับค่าบริหารจัดการสนามกอล์ฟจะมีค่าใช้จ่ายสูง หากหวังตลาดของสมาชิกก็เป็นเรื่องที่ยาก เนื่องจากนักกอล์ฟส่วนใหญ่จะเป็นสมาชิกของสนามกอล์ฟที่มีอยู่แล้ว " กิจจา พงษ์ประภาส อุปนายกสมาคมกอล์ฟภูเก็ต  ให้มุมมอง

           เสียงสะท้อนเหล่านี้คือภาพรวมของธุรกิจสนามกอล์ฟในภูเก็ตที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน