16เยาวชนสถานพินิจตรัง รวมหัวจุดไฟเผาเรือนนอน
16 เยาวชนสถานพินิจตรัง รวมหัวจุดไฟเผาเรือนนอน โชคดีดับทัน เสียหายเล็กน้อย เจ้าหน้าที่แยก 7 หัวโจ๊กที่ก่อเหตุไปฝากขังชั่วคราวเรือนจำตรัง ก่อนส่งต่อ จ.สงขลา เผยประวัติสุดแสบหนีศูนย์ฝึกสุราษฎร์ พร้อมพวก 33 คนเที่ยวสงกรานต์ มาอยู่ตรังก่อเหตุลักทรัพย์อื้อ ก่อน
เวลา 20.30 น.(31 ก.ค.) พ.ต.ต.จำรูญ เอียดสีทอง สารวัตรเวรสภ.ย่านตาขาว ได้รับแจ้งเกิดเหตุเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.ตรัง ตั้งอยู่เลขที่ 116 หมู่ 3 บ้านไสกล้วย ต.ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ก่อเหตุเผาเรือนนอน หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสายตรวจปราบปราม สภ.ย่านตาขาว และ สภ.เมืองตรัง กว่า 30 นาย
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า เจ้าหน้าที่ของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.ตรัง ได้ควบคุมตัวเยาวชนที่ก่อเหตุไว้ได้แล้ว พร้อมกับรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปให้กับนายวงศ์ศักดิ์ ประเทียบอินทร์ ผู้อำนวยการสถานพินิจฯ ทราบในเบื้องต้นแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพด้านใน ท่ามกลางการดูแลอย่างเข้มงวด
ต่อมานายไมตรี อินทุสุต ผวจ.ตรัง พร้อมด้วยนายพงศ์เทพ ประทุมสุวรรณ ป้องกัน จ.ตรัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางมายังที่เกิดเหตุ พร้อมกับเข้าพูดคุยกับกลุ่มเยาวชนที่ก่อเหตุ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที โดยนายไมตรี เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่า แกนนำหัวโจ๊กที่ก่อเหตุวุ่นวายในครั้งนี้คือ นายเบียร์ (นามสมมติ) อายุ 17 ปี ชาว อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งต้องโทษในคดีรับซื้อของโจร ซึ่งเป็น 1 ในเยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 8 สุราษฎร์ธานี ที่ก่อเหตุร่วมกับพวกรวม 33 คน หลบหนีออกจากที่ควบคุมเพื่อไปเที่ยวสงกรานต์ เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยก่อนเกิดเหตุได้ลักลอบแอบนำไฟแช็ค ซึ่งเป็นสิ่งของต้องห้าม เข้าไปจุดไฟเผาที่นอน หมอน และพยายามงัดลูกกรงเหล็ก เพื่อหลบหนี แต่ก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากขณะเกิดเหตุ ในเรือนนอนมีเยาวชนชายที่อยู่ในความควบคุม จำนวน 23 คน โดยในจำนวนนั้นมีผู้ร่วมก่อเหตุกับนายเบียร์ 16 คน ส่วนที่เหลือเมื่อเห็นว่าไฟกำลังลุกไหม้ที่นอนและหมอน จึงได้ช่วยกันนำน้ำจากถังคูลเลอร์ช่วยกันดับไฟได้ทัน ก่อนที่จะเกิดความเสียหายมากกว่านี้
ส่วนสาเหตุของการก่อเหตุวุ่นวายครั้งนี้ มาจากอารมณ์ชั่ววูบรวมทั้งพยายามหลบหนีออกมาข้างนอก เนื่องจากไม่ต้องการอยู่ในนั้นอีกต่อไป เพราะถูกเจ้าหน้าที่เข้มงวด ซึ่งเบื้องต้นหลังเกิดเหตุตนได้สั่งกำชับให้เจ้าหน้าที่เพิ่มความเข้มงวดในการ ดูแลป้องกันเหตุให้มากกว่านี้ โดยขณะนี้ได้ประสานขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.ย่านตาขาว และ สภ.เมืองตรัง จัดวางกำลังเป็นพิเศษแล้ว ส่วนเยาวชนที่ร่วมกันก่อเหตุทั้งหมด 16 คน นั้น ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของสถานพินิจได้แยกแกนนำและหัวโจก ออกมาแล้ว 7 คน ซึ่งจะได้แยกส่งตัวไปฝากขังชั่วคราวที่เรือนจำ จ.ตรังในคืนนี้ก่อน เพื่อส่งต่อไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.สงขลาต่อไปในวันพรุ่งนี้
ส่วนการดำเนินคดีและการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมกับเยาวชนที่ร่วมกันก่อเหตุนั้น เป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะเรียกตัวมาสอบสวนเป็นรายบุคคล หลังเกิดเหตุก็ได้เข้าไปพูดคุยและอบรมสั่งสอนเยาวชนกลุ่มนี้ โดยได้ให้สติพร้อมทั้งขอให้ปฏิบัติตามกฏระเบียบของสถานพินิจฯอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนก็จะมีบทลงโทษเพิ่มขึ้นแล้วแต่โทษของความผิด หรืออาจส่งไปแยกขังที่อื่น
ด้านเจ้าหน้าที่ของสถานพินิจฯตรัง รายหนึ่ง กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุสมีเจ้าหน้าที่ควบคุมเยาวชน 3 คน โดยก่อนที่เยาวชนจะขึ้นเรือนนอน ก็จะมีการตรวจค้นตัวเป็นรายบุคคลอย่างเข้มงวงด เพื่อป้องกันนการลักลอบนำสิ่งของผิดกฏหมายหรือสิ่งของต้องห้ามเข้าไปในเรือนนอน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ถือว่ายังสามารถควบคุมดูแลได้อยู่ ไม่เหมือนจังหวัดอื่น
สำหรับประวัตินายเบียร์ ต้องโทษในคดีรับซื้อของโจร ซึ่งเป็น 1 ในเยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนเขต 8 สุราษฎร์ธานี ที่ก่อเหตุร่วมกับพวกรวม 33 คน หลบหนีออกจากที่ควบคุมเพื่อไปเที่ยวสงกรานต์ เมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยระหว่างหลบหนีได้เข้ามาอาศัยอยู่กับเพื่อนที่ จ.ตรัง และได้มีโอกาสรู้จักกับ ด.ช.กาว (นามสมมติ) ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีคดีร่วมกันลักทรัพย์ จากสถานพินิจเด็กและเยาวชน จ.กระบี่ เหมือนกัน จึงชักชวนมาช่วยกันทำงานเพื่อนอีกคน ซึ่งรับจ้างติดตั้งจานดาวเทียม
ระหว่างที่ติดตามเพื่อนไปติดตั้งจานดาวเทียม ก็มักจะหาลาดเลาเข้าไปลักทรัพย์บ้านของผู้เสียหายที่มีฐานะดี และเมื่อได้ทรัพย์มาแล้วก็จะนำไปขายและนำเงินไปเที่ยวเตร่ จนกระทั่งล่าสุดได้ร่วมกับ ด.ช.กาว เข้าไปงัดแงะบ้านของนางเสริมศรี อั้นทอง ที่บ้านเลขที่ 108 หมู่ 1 ต.โคกหล่อ อ.เมืองตรัง กระทั่งมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว และระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังควบคุมตัวออกมาพิมพ์ลายนิ้วมือที่นอกห้องขัง ได้ใช้โอกาสช่วงที่เจ้าหน้าที่สิบเวรกำลังไขกุญแจมือเพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือ ตัดสินใจวิ่งหนีออกจาก สภ.เมืองตรัง อย่างไม่คิดชีวิต เพราะไม่อยากจะกลับไปอยู่ในสถานพินิจอีก แต่ไม่สามารถหลบหนีได้ เนื่องจากไม่ใช่คนในพื้นที่ จึงทำให้วิ่งหนีวนเวียนไปมาบริเวณดังกล่าว จนกระทั่งมาถูกจับกุมได้ดังกล่าว