ข่าว

ปุระชัย'ฝ่ายค้านอิสระผมชอบคำนี้'

ปุระชัย'ฝ่ายค้านอิสระผมชอบคำนี้'

01 ส.ค. 2554

ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ : "ฝ่ายค้านอิสระ...ผมชอบคำนี้" : สัมภาษณ์พิเศษพร้อมเปิดตัวหลังบ้าน...ผศ.สมศรี เปี่ยมสมบูรณ์ โดย อรรถภูมิ อองกุลนะ twitter @poom_nna

           ม่านฝุ่นสนามเลือกตั้งเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงห้วงอารมณ์ หลากความรู้สึก ทั้งจากฝ่ายแพ้และชนะ หรือมากกว่า?

            ในจำนวนนั้นคาบเกี่ยวกับอดีตรัฐมนตรีชื่อคุ้นหู ฉายา “ไม้บรรทัด” ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ประธานพรรครักษ์สันติ ซึ่งก่อนหน้านี้คืออีกหนึ่งแคนดิเดตผู้นำที่ใครๆ ไม่กล้ากาชื่อทิ้ง

 ผลลัพธ์ ส.ส.เพียงหนึ่งเดียวในฐานะฝ่ายค้าน พร้อมกับ “ต้นทุน” ที่ใช้แลกมาเมื่อกลับสู่เส้นทางการเมืองอีกครั้ง วันนี้ "ปุระชัย" จะงัดไม้บรรทัดของเขามาใช้กับการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่าง น่าสนใจยิ่ง

 

# รู้สึกอย่างไรกับผลการเลือกตั้ง ?

            พอใจ เพราะนอกจากจะมีคะแนนจากระบบบัญชีรายชื่อราว 284,000 คะแนน มี ส.ส.1 คนแล้ว คะแนนในส่วนของระบบเขตยังพบว่ามีจำนวนไม่น้อยที่พรรคของเรามาเป็นลำดับที่ 3 อาทิ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้ง 33 เขต ถึงแม้ผู้ชนะจะสลับกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ทุกเขตเรามาเป็นลำดับที่ 3 จะมีเพียงเขตเดียวคือ เขตเลือกตั้งที่ 11 (หลักสี่) เท่านั้นที่เราไม่ใช่ลำดับที่ 3 นั่นเพราะมีคู่แข่งขันคือพรรคภูมิใจไทยร่วมด้วย และอย่าลืมว่าทุกพรรคล้วนเกิดก่อนเราทั้งนั้น

 

# มาจากการทำการตลาดที่น้อยไปหรือไม่ ?

            ผมประเมินว่าเรามาถูกทาง แต่เวลาเราไม่พอ และเราก็ไม่ยอมที่จะใช้เงิน ในลักษณะที่จะต้องสิ้นเปลืองมากกว่านี้ ถามกลับว่าในเวลาไม่นาน ไม่กี่เดือนแล้วได้คะแนนกว่า 284,000 คิดว่าน้อยหรือ

 

# สรุปบทเรียนที่ผ่านมาอย่างไร ?

            ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก จำได้ว่าไปขอจดทะเบียนกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ช่วงสงกรานต์ และก็ได้วันก่อตั้งพรรคเมื่อ 21 เมษายน มีการจัดงานระดมทุนเมื่อ 2 พฤษภาคม ที่สโมสรตำรวจ ถัดจากนั้น กกต.ก็ให้ส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัคร 19 พฤษภาคม ซึ่งก็ต้องสรรหาตัวผู้สมัครและหลักฐานให้ครบในช่วงเวลาไม่ถึง 1 เดือน แต่สุดท้ายเราก็ส่งผู้สมัครได้ทัน ฉะนั้นถ้าจะให้วิเคราะห์เหตุของคะแนนที่ได้ก็น่าจะมาจาก 1.ต้องโทษเรื่องเวลาที่น้อย อย่างตอนที่ผมทำพรรคไทยรักไทยเมื่อปี พ.ศ.2541 เราใช้เวลา 3 ปี ค่อยๆ ฟอร์มทีมมา ส่วนพรรครักษ์สันติ มีเวลาไม่ถึง 1เดือน บวกกับเวลาหาเสียงเลือกตั้งอีกประมาณ 40 วัน เรื่องนี้คงไม่โทษใคร และ 2.สื่อมวลชนมักเน้นการรายงานข่าวของพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค คือทีวีเกือบทุกช่องไปรุม 2 พรรคใหญ่ ทั้งที่เราเองก็เดินหาเสียงเกือบทุกจังหวัด นอกจากนี้ต้องยอมรับว่ามีเรื่องของเงินทุน เราไม่ได้ใช้เงินซื้อโฆษณาในหน้าสื่อแม้แต่บาทเดียว มันมีผลต่อการสื่อสารให้ประชาชนรับรู้ในเรื่องนโยบาย อุดมการณ์ และแนวทางของพรรค

 

# มองว่าคะแนนที่โหวตให้มาจากไหน ?

            อายุ 30 ขึ้นไป โดยเฉพาะกลุ่มคนอายุสัก 40-50 ขึ้นไป และที่ผมพบด้วยตัวเองคือบรรดาข้าราชการที่เรียกว่าระดับกลางขึ้นไป เป็นครูบาอาจารย์ หรือบุคคลซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ติดตามการเมือง พวกนี้คือแฟนเหนียวแน่น คนเหล่านี้เลือกผมเพราะเห็นด้วยกับนโยบายการปกป้องเด็กและเยาวชน การจัดระเบียบสังคม ที่ยังอยู่ในหัวใจพี่น้องประชาชนอยู่ นโยบายหลักของพรรคที่มี 5 ส. คือ 1.สามัคคี 2.สุจริต 3.สิ่งแวดล้อมที่พรรควางตำแหน่งของการเป็นพรรคที่เน้นเรื่องสิ่งแวดล้อมชัดเจน 4.ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 5.เสียสละ รวมไปถึงพวกเขามั่นใจว่าพรรคนี้เป็นพรรคที่ไม่ซื้อเสียง และจะเป็นแนวโน้มในอนาคตที่ดี วันนี้เรามั่นใจว่าเราเป็นพรรคที่สะอาดบริสุทธิ์ คะแนนที่ได้มาไม่ได้มีการซื้อแม้แต่นิดเดียว

 

# 1 เสียงในสภา ในฐานะฝ่ายค้านจะทำอะไรบ้าง ?

            อย่างน้อยๆ คือชี้ประเด็น งานในหน้าที่ตรวจสอบมันก็สามารถตรวจดูได้จากการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งเรื่องสังคม สิ่งแวดล้อม ตัวอย่าง การจัดระเบียบสังคมที่ยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายจริง ทั้งที่มี พ.ร.บ.สถานบริการฯ ฉบับแก้ไขปี พ.ศ.2546 ซึ่งแก้ไขมาจาก พ.ศ.2509 ระบุถึงการกำหนดโซนสถานบริการชัด แต่เห็นจากขณะนี้โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เองกลับมีสถานบริการอยู่เต็มพื้นที่ ทั้งที่มีการจัดโซนนิ่ง ดังนั้นเราต้องบังคับใช้กฎหมาย หากทำไม่ได้ก็ต้องถามต่อ เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมา มีการชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการและหาบทลงโทษ หรือจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ต้องปรับสภาพความเป็นอยู่ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก

 

# มองประเด็นเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การนิรโทษกรรมที่อาจจะมีขึ้นอย่างไร ?

            ประเทศควรมองไปข้างหน้ามากกว่าให้เวลากับเรื่องในอดีตมากมาย เรามีปัญหาที่รออยู่เยอะมาก ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ระดับประเทศ ไม่ควรพะวงกับคนคนเดียว หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ปล่อยเป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมและที่สำคัญอย่าแทรกแซง

 

# หมายความว่าถ้าพรรคเพื่อไทย มีแนวโน้มที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม พร้อมจะเป็น 1 เสียงที่ค้าน ?

            ผมไม่เห็นด้วยกับการไปยุ่งเรื่องในอดีตมากเกินไป และการนิรโทษกรรมตัวบุคคลมันไม่ถูก ใครที่กระทำอะไรมาก็ควรจะรับผลตามนั้นในทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เฉพาะเรื่องนิรโทษกรรมแต่รวมไปถึงการปิดสนามบินหรือจะการชุมนุมในช่วงที่ผ่านมา มันก็ต้องว่าให้จบ สังคมจะศักดิ์สิทธิ์ได้เมื่อคนดีได้รับการยกย่อง คนได้รับโทษที่ทำไป ใครทำกรรมอะไรก็ควรได้รับสิ่งนั้นทั้งดีหรือไม่ดี ทั้งนี้ผมไม่อยากเจาะจงเฉพาะบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

            หรืออย่างเรื่องรัฐธรรมนูญ ผมขอยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่นที่ไม่ใช้รัฐธรรมนูญที่พวกเขาเขียนเองด้วยซ้ำ เพราะเมื่อฉบับนี้ยังใช้ได้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะแก้ ต่างจากบ้านเราที่รัฐธรรมนูญปี 40 ที่ขึ้นชื่อว่าดีที่สุดยังถูกฉีกทิ้ง

 

# การกลับมาทำงานการเมืองครั้งนี้ จะปรับบุคลิกที่เคยถูกมองว่าเป็นคนตรงเกินไป ทำงานด้วยยากหรือไม่ ?

            ไม่ต้อง ผมมองตรงกันข้าม ผมคิดว่าความที่เป็นคนตรงนั้นทำงานง่าย ไม่ซับซ้อน วิธีของผมไม่ได้ค้านทุกเรื่อง บางสื่อเรียกผมว่าฝ่ายค้านอิสระผมก็ชอบนะคำนี้ เพราะนั้นหมายความว่าเราไม่ได้ค้านไปซะทุกเรื่อง ค้านไม่รู้เหนือรู้ใต้ แบบนั้นผมไม่ทำ

 

# หมายความว่า 1 เสียงในสภาจะโหวตให้กับฝ่ายรัฐบาลก็ได้ ?

            บางครั้งก็โหวตให้รัฐบาลหากเขาทำดี บางครั้งก็ต้องโหวตฝ่ายค้านด้วยกัน บางครั้งก็ต้องงดออกเสียง ผมทำได้ตั้ง 3 อย่าง แต่ที่ไม่ทำอย่างเดียวคือไม่เข้าประชุมและไม่โหวต (หัวเราะ) สำหรับผมถ้าข้อมูลไม่พอบางครั้งมันก็ต้องงดออกเสียง หรือรู้ว่าโหวตไปแล้วมันผูกมัดมันก็ต้องคิดให้ดี

 

# มติวิปฝ่ายค้านจากนี้ไม่สามารถใช้กับร.ต.อ.ปุระชัย ได้ ?

            ไม่ได้ วิปซึ่งเป็นคณะกรรมการประสานงานไม่มีความหมายเลยสำหรับผม ในสภาทุกคนมีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ ตราบใดที่เรามีข้อมูล อีกทั้งปัจจุบันนี้คุณจะโหวตให้ใคร มันไม่ใช่ความลับอีกต่อไป

 

# การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่จะมาถึง ท่านอาจจะโหวตให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้ ?

            ต้องรอวันนั้นก่อน (หัวเราะ) บอกเร็วไม่ได้ ต้องรอให้เปิดสภา มีประธานสภาผู้แทนราษฎร์ให้เรียบร้อยก่อน ทุกเรื่องเป็นไปตามลำดับขั้นตอน อะไรที่ก้าวเร็วเกินไปมันก็เรียกว่าไม่มีกาลเทศะ ถ้าช้าก็ถือว่าตกขบวน

 

เปิดตัวหลังบ้าน...ผศ.สมศรี เปี่ยมสมบูรณ์"ไม่มีไม้บรรทัดในบ้านเปี่ยมสมบูรณ์”

            ด้วยบุคลิกที่ตรงไปตรงมาของ “ผู้นำ” หลายคนจึงอาจนึกว่าครอบครัว “เปี่ยมสมบูรณ์” น่าจะมีวิถีชีวิตที่เต็มไปด้วยระเบียบวินัยที่เคร่งครัด แต่กับ “ผศ.สมศรี เปี่ยมสมบูรณ์” ภรรยา “ร.ต.อ.ปุระชัย” กลับยืนยันว่า ไม่มีไม้บรรทัดในบ้าน เพราะแท้จริงแล้ว ร.ต.อ.ปุระชัย เป็นคนสบายๆ หากแต่ที่คนภายนอกเห็นเป็นเพียงความรับผิดชอบเท่านั้น

            “คำว่าเจ้าระเบียบคงไม่ ในบ้านเราสบายๆ เพียงแต่งานในหน้าที่อาจารย์จะซีเรียสเพราะเป็นเรื่องของกฎหมาย ที่ต้องคำนึงถึงรายละเอียด ความรับผิดชอบในบ้านส่วนใหญ่เราเป็นคนทำ เราเป็นคนดูแลเรื่องอาหาร สอนการบ้านลูก กระทั่งค่านิยม ทัศนคติที่ถูกต้อง”

            “ก็มีปรึกษากันบ้างในเรื่องของการงาน คือเราคุยกันสารพัดเรื่อง เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง แต่แน่นอนการทำงานมันก็ต้องมีปัญหาแต่ปัญหามันก็แก้ได้ อย่างการเข้ามาทำงานการเมืองครั้งล่าสุดนี้ก็ได้คุยกัน เราไม่ได้ห้ามอะไร เรื่องการเมืองแม้จะไม่ใช่ฟิลด์ของเรา แต่ก็พร้อมจะสนับสนุนในทุกๆ เรื่อง เพียงแต่บอกว่าถ้าจะทำอะไรก็ขอให้ตัดสินใจด้วยตัวเอง อย่าเห็นแก่ใคร อย่าคิดว่าเพื่อนฝูงชวน เราต้องไม่ตัดสินใจเพราะสิ่งแวดล้อมหรือคนอื่น หากวันใดเกิดปัญหาหรือเกิดการผิดพลาดก็ไม่ต้องโทษใคร” คู่ชีวิต อ.ปุระชัยบอก

            บุคลิกของความตรง เสมือน “ไม้บรรทัด” ที่ดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคกับการทำงานการเมือง อ.สมศรี กลับมองตรงกันข้าม ด้วยที่ว่า นี่คือจุดแข็ง เพราะในเมื่ออะไรไม่ถูกต้องก็เดินไปทางนั้น มันคือจุดแข็งมากกว่า

            “เราไม่อยากมองอะไรที่เป็นลบ แต่คิดว่านี่คือจุดเด่นของเขา ไม่เคยห่วงเรื่องการทำงานเพราะเชื่อว่าเขามีวุฒิภาวะมากพอ และเชื่อว่าคนอย่าง อ.ปุระชัยก็คงจะไม่ทำอะไรที่ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว อย่างเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เคยไปช่วยหาเสียง เคยไปดูอาจารย์ปุทำงานการเมืองเพียงครั้งเดียวสมัยปราศรัยที่สนามหลวง ตอนที่เป็นสมาชิกพรรคไทยรักไทย จะห่วงก็แต่เรื่องสุขภาพ กลัวจะพักผ่อนน้อย อย่างการหาเสียงที่ผ่านมาก็ผอมและดำไปเยอะ (หัวเราะ) เคยซื้อครีมกันแดดให้ก็ไม่ทา”

            ขณะที่ ร.ต.อ.ปุระชัย พูดถึงคู่ชีวิตว่า สิ่งหนึ่งที่ต้องถามและปรึกษาภรรยาทุกครั้งคือเรื่องตำแหน่งหน้าที่ เพราะการรับตำแหน่งแต่ละครั้งย่อมส่งผลถึงครอบครัว ตั้งแต่การโอนจากตำรวจเป็นอาจารย์ เป็นคณบดี เป็นอธิการบดี กระทั่งทำงานการเมือง ด้วยเรื่องเช่นนี้เชื่อมโยงถึงครอบครัวอย่างน้อยก็คือชื่อและทรัพย์สินส่วนตัวของภรรยาที่ต้องแจ้ง นั่นเพราะต้องการทำตามระเบียบที่ถูกต้อง ทั้งนี้เรื่องลักษณะดังกล่าวไม่ใช่ปัญหาสำหรับตนและครอบครัว เพราะทุกอย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส สามารถตรวจสอบประวัติได้

            “เมื่อเป็นบุคคลสาธารณะมันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะเป็นที่สนใจ เกิดข่าวลือต่างๆ มากมาย อย่างตอนนี้มีข่าวว่าผมแยกทางกับครอบครัว เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกัน เนื่องด้วยแฟนผมอยู่กับลูกๆ ที่นิวซีแลนด์ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอแบบนี้ แต่เราก็ไม่สนใจว่าใครจะพูดอย่างไร เพราะนั่นมันไม่จริงเรายังเหมือนเดิม เพียงแต่มี 2 บ้าน ทั้งไทยและนิวซีแลนด์ ข่าวที่ออกมาทุกอย่างมันมาจากคนไม่รู้จักผมพอขยับตัวนิดหน่อยก็จะโดนตลอด กับภรรยาผมหลังจากที่เราแต่งงานมีลูก สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ลูก ภรรยาของผมห่วงอนาคตลูกมากและเขาก็ดูแลกัน ใกล้ชิดกัน”

            เมื่อถามว่า คิดจะวางมือจากการเมืองเมื่อไหร่ ร.ต.อ.ปุระชัย บอกอย่างไม่ชัดเจนนักว่า "คงอยู่ไม่นาน รอสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมารับช่วงต่อ" แต่ ผศ.สมศรีกลับเป็นคนที่ตอบได้ชัดถ้อยชัดคำกว่าว่า "ราวๆ สัก 10 ปี"

            และเมื่อวันนั้นมาถึงคงพากันไปพักผ่อน และท่องเที่ยวรอบโลกในทวีปที่ยังไม่เคยไป