ข่าว

เปิดสเปค'แบล็กฮอล์ก-ฮิวอี้-เบลล์'

เปิดสเปค'แบล็กฮอล์ก-ฮิวอี้-เบลล์'

25 ก.ค. 2554

เปิดสเปค'แบล็กฮอล์ก-ฮิวอี้-เบลล์'

ยูเอช-60 แบล็กฮอว์ค

          ยูเอช-60 แบล็คฮอว์ค (อังกฤษ: UH-60 Black Hawk) เป็นเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป ในกองทัพไทยเรียกว่า ฮ.ท.60 ผลิตโดยบริษัทซิคอร์สกี้ แอร์คราฟท์ประเทศสหรัฐอเมริกา มันถูกใช้ในภาระกิจลำเลียงทหารครั้งละ 11-15 นาย

          แบล็คฮอว์คเป็นเฮลิคอปเตอร์สี่ใบพัด สองเครื่องยนต์ที่ผลิตโดยซิคอร์สกี้ แอร์คราฟท์ ซิคอสกี้เสนอการออกแบบเอส-70 ให้กับการแข่งขันในระบบอากาศยานขนส่งยุทธวิธีสารพัดประโยชน์ของกองทัพบกสหรัฐฯ ในปีพ.ศ. 2515 กองทัพบกได้ตั้งชื่อให้กับต้นแบบว่าวายยูเอช-60เอและได้เลือกแบล็คฮอว์คให้เป็นผู้ชนะของโครงการในปีพ.ศ. 2519 หลังจากการแข่งขันกับวายยูเอช-61 ของโบอิง เวอร์ทอล ยูเอช-60เอเข้าประจำการในกองทัพบกในปีพ.ศ. 2522 เพื่อเข้าแทนที่ยูเอช-1ไอโรควอยส์ในฐานะเฮลิคอปเตอร์ขนส่งทางยุทธวิธี

การพัฒนา

          ในปลายปีพ.ศ. 2503 กองทัพบกสหรัฐฯ ได้เริ่มตั้งความต้องการในเฮลิคอปเตอร์ขนส่งทางยุทธวิธีเพื่อมาแทนที่ยูเอช-1 ไอโรควอยส์โดยอาศัยจากสิ่งที่เจอมาในสงครามเวียดนาม กองทัพบกยังได้เริ่มการพัฒนาเครื่องยนต์แบบใหม่ให้กับเฮลิคอปเตอร์ซึ่งจะกลายมาเป็นเจเนรัล อิลเลคทริค ที700 กองทัพบกต้องการการพัฒนาในการทำงานที่ยอดเยี่ยม ความทนทาน และความไว้ใจได้[1] กองทัพบกทำการร้องขอข้อเสนอสำหรับเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวในเดือนมกราคมพ.ศ. 2515[2] ต้นแบบสี่ลำถูกสร้างขึ้นมา ลำแรกคือวายยูเอช-60เอทำการบินในเดือนตุลาคมพ.ศ. 2517 และถูกประเมินเทียบกับแบบของโบอิง เวอร์ทอล ก่อนการส่งต้นแบบให้กับกองทัพบกสหรัฐฯ การประเมินขั้นต้นเกิดขึ้นในเดือนพฤศจิกายนพ.ศ. 2518 เพื่อทำให้แน่ใจว่าเครื่องบินนั้นสามารถทำงานอย่างปลอดภัยขณะทำการทดสอบ[3] ต้นแบบทั้งสามถูกส่งให้กับกองทัพบกในเดือนมีนาคมพ.ศ. 2519 และอีกหนึ่งถูกเก็บไว้โดยซิคอร์สกี้สำหรับการวิจัยภายใน แบล็คฮอว์คถูกเลือกเข้าสู่การผลิตในเดือนธันวาคมพ.ศ. 2519 การขนส่งยูเอช-60เอให้กับกองทัพสหรัฐฯ เริ่มขึ้นในเดือนตุลาคมพ.ศ. 2521 และเฮลิคอปเตอร์ได้เข้าประจำการในเดือนมิถุนายนพ.ศ. 2522[4]

          ในปลายปีพ.ศ. 2523 รุ่นได้ถูกพัฒนาเป็นยูเอช-60แอลซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องกำลังที่มากกว่าด้วยเครื่องยนต์ใหม การผลิตในปัจจุบันคือรุ่นยูเอช-60เอ็มจะถูกขยายระยะการใช้งานของแบบยูเอช-60 ไปจนถึงปีพ.ศ. 2563 โดยมีจุดเด่นที่ยังคงเป็นกำลังและการยกที่มากขึ้น ระบบควบคุมการบินและควบคุมการนำร่องแบบใหม่

 

การออกแบบ

          เฮลิคอปเตอร์แบล็คฮอว์คสามารถทำภารกิจได้อย่างหลากหลายที่รวมทั้งการขนส่งทหาร สงครามอิเลคทรอนิก และการอพยพทางอากาศ รุ่นที่ออกแบบมาเพื่อบุคคลสำคัญมีชื่อว่าวีเอช-60เอ็นถูกใช้เพื่อขนส่งบุคคลที่สำคัญของรัฐบาลและเฮลิคอปเตอร์ที่ถูกเรียกว่า"มารีน วัน"ที่มีไว้สำหรับประธานาธิบดีสหรัฐฯ[5] ในปฏิบัติการจู่โจมทางอากาศมันจะสามารถเคลื่อนย้ายทหารได้ 11 นายพร้อมอุปกรณ์หรือเปลี่ยนตำแหน่งของปืนใหญ่เอ็ม102 ฮาวไอเซอร์ขนาด 105 ม.ม.พร้อมกระสุน 30 นัดและลูกเรืออีกสี่นายได้ภายในครั้งเดียว อีกอย่างหนึ่งคือมันสามารถบรรทุกสินค้าได้ 1,170 กิโลกรัมหรือขนสินค้าแบบห้อยได้ 4,050 กิโลกรัม[6] แบล็คฮอว์คติดตั้งระบบอิเลคทรอนิกอากาศที่ก้าวหน้าและที่ทั้งที่เพิ่มความทนทานและความสามารถอย่างระบบจีพีเอส

          ยูเอช-60 สามารถติดตั้งปีกที่ด้านบนของลำตัวเพื่อบรรทุกถังเชื้อเพลิงหรืออาวุธ ระบบปีกนี้ถูกเรียกว่าอีเอสเอสเอส (external stores support system) มันจะมีที่ติดตั้งสองตำแหน่งบนแต่ละปีกเพื่อบรรทุกถังขนาด 870 ลิตรสองถังและถังขนาด 1,700 ลิตรสองถัง อีเอสเอสเอสยังสามารถบรรทุกอาวุธอย่างจรวด ขีปนาวุธ และแท่นปืนได้ 4,500 กิโลกรัม ระบบดังกล่าวเข้าประจำการในปีพ.ศ. 2529 อย่างไรก็ตามก็พบว่าถังทั้งสี่จะบดบังมุมการยิงของปืนที่บริเวณประตู เพื่อลดปัญหาระบบถังภายนอกหรืออีทีเอส (external tank system) พร้อมปีกที่จะบรรทุกพวกมันจึงถูกสร้างขึ้นมา[7]

          ราคานั้นขึ้นอยู่กับแต่ละแบบเนื่องมาจากความพิเศษ อุปกรณ์ และปริมาณของมัน ตัวอย่างเช่น ยูเอช-60แอล แบล็คฮอว์คของกองทัพบกสหรัฐฯ มีราคา 5.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่เอ็มเอช-60จี เพฟฮอว์คของกองทัพอากาศมีราคา 10.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ[8]

 

สหรัฐอเมริกา

          ยูเอช-60 ของกองทัพบกสหรัฐฯ ในยุทธการโมกาดิชูยูเอช-60 ได้เข้าประจำการครั้งแรกพร้อมกับกองพลขนส่งทางอากาศที่ 101 ของสหรัฐฯ ในปีพ.ศ. 2522[9] ยูเอช-60 ได้เข้าร่วมรบครั้งแรกในการบุกเกรนาด้าของสหรัฐฯ เมื่อปีพ.ศ. 2526 ยูเอช-60 ยังได้ทำหน้าที่ในการบุกปานามาของสหรัฐฯ เมื่อปีพ.ศ. 2532 อีกด้วย ยูเอช-60เอและยูเอช-60แอล แบล็คฮอว์คได้มีส่วนร่วมในสงครามอ่าวเมื่อปีพ.ศ. 2534 ในปีพ.ศ. 2536 แบล็คฮอว์คได้สร้างชื่อเสียงในยุทธการโมกาดิชูในโซมาเลีย แบล็คฮอว์คยังได้ทำหน้าที่ในบอลข่านและเฮติเมื่อปีพ.ศ. 2533 แบล็คฮอว์คยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไปในอัฟกานิสถานและอิรัก[7]

          โคลัมเบียโคลัมเบียได้รับยูเอช-60 ลำแรกจากสหรัฐอเมริกาเมื่อปีพ.ศ. 2530 กองทัพบกโคลัมเบีย กองทัพอากาศโคลัมเบีย และสำนักงานตำรวจโคลัมเบียใช้ยูเอช-60 เพื่อเคลื่อนย้ายทหารและเสบียงไปยังที่ที่ยากจะเข้าถึงจากทางบก อย่างการเข้าต่อต้านพวกค้ายาเสพติดและกลุ่มกองโจร นอกจากนี้ก็ยังใช้เพื่อการค้นหาและกู้ภัยและการเคลื่อนย้ายทางการแพทย์อีกด้วย โคลัมเบียยังได้ดัดแปลงให้มันเป็นยูเอช-60 แบบติดอาวุธที่มีปีก[10][11]

          อิสราเอลกองทัพอากาศอิสราเอลได้รับยูเอช-60เอ 10 ลำจากสหรัฐเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2537[12] มันมีชื่อเล่นว่า Yanshuf ซึ่งแปลว่านกฮูก[13] ยูเอช-60เอเริ่มเข้ามาแทนที่เบลล์ 212 ของกองกำลังป้องกันอิสราเอล[12] อิสราเอลใช้ยูเอช-60 ทำการรบครั้งแรกในเดือนเมษายน พ.ศ. 2529 เพื่อต่อต้านกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในทางเหนือของเลบานอน

          ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2543 ยูเอช-60 สามลำของกองทัพอากาศอิสราเอลถูกใช้เพื่อเป็นพาหนะของประสันตะปะปาจอห์น พอลที่ 3 เมื่อท่านมาเยือนอิสราเอล อิสราเอลมียูเอช-60 46 ลำเมื่อปีพ.ศ. 2551[14]

          เม็กซิโกกองทัพอากาศเม็กซิโกได้รับยูเอช-60 เมื่อปีพ.ศ. 2537 ใช้เพื่อขนย้ายกองกำลังพิเศษ[15] ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2552 สหรัฐได้กล่าวว่าจะมอบเฮลิคอปเตอร์และอุปกรณ์อื่นๆ ให้กับเม็กซิโกเพื่อใช้ต่อสู้กับขบวนการยาเสพติดในสงครามยาเสพติดของเม็กซิโก[16] ในเดือนกรกฎาคมและเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2552 ตำรวจกลางของเม็กซิโกได้ใช้ยูเอช-60 ในการเจ้าโจมตีการส่งยาเสพติด[17][18]

          ตุรกีตุรกีได้ใช้ยูเอช-60 ในช่วงการสนับสนุนนาโต้ในอัฟกานิสถานและคาบสมุทรบอลข่าน ยูเอช-60 ยังถูกใช้โดยรัฐบาลเพื่อจัดการกับกลุ่มชาวเคิร์ดที่สร้างความรุนแรงตามแนวชายแดนอิรัก

          แบล็กฮอว์กเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ทางตุรกีใช้มันอย่างกว้างขวาง ตุรกีเองทำโครงการที่พยายามจะสร้างเฮลิคอปเตอร์ของตนเองจำนวน 109 ลำ[19][20]

          ประเทศอื่นๆสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ร้องขอยูเอช-60เอ็ม 14 ลำผ่านทางการขายระหว่างประเทศ ในแพ็คเกจมีทั้งเลเซอร์และเรดาร์เตือนภัยเช่นเดียวกับระบบอาวุธ[21]

 

รุ่นต่างๆ

          ยูเอช-60 มีแบบมากมายแตกต่างกันไป กองทัพบกสหรัฐจะใช้รุ่นที่มีปีกติดอยู่ด้วยเพื่อบรรทุกถังเชื้อเพลิงหรืออาวุธเสริม[7] แบบต่างๆ นั้นจะมีความสามารถแตกต่างกันไปและอุปกรณ์เฉพาะเพื่อทำหน้าที่แตกต่างกันไป

          รุ่นทั่วไปยูเอช-60เอ แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นดั้งเดิมของกองทัพบกสหรัฐที่มีลูกเรือทั้งหมด 4 นาย[22] และผู้โดยสารได้ 11 คน โดยมีเครื่องยนต์ที700-จีอี-700 เป็นขุมกำลัง[23] มันเริ่มทำการผลิตตั้งแต่ปีพ.ศ. 2520-2532

          ยูเอช-60ซี แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นดัดแปลงสำหรับภารกิจซี2[23]

          ซีเอช-60อี เป็นรุ่นที่มีจุดประสงค์ในการขนย้ายทหารของนาวิกโยธินสหรัฐ

          ยูเอช-60แอล แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นเอที่มีเครื่องยนต์ที700-จีอี-701ซี มีกระปุกเกียร์ที่ทนทานและระบบควบคุมการบินที่ทันสมัย[7] มันถูกผลิตตั้งแต่ปีพ.ศ. 2532-2550[24]

          ยูเอช-60เอ็ม แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นพัฒนาที่มีใบพัดพิเศษพร้อมเครื่องยนต์ที700-จีอี-701ดีโดยให้กำลังสูงสุด 2,000 แรงม้า มันมีกระปุกเกียร์ที่ทนทาน คอมพิวเตอร์ระบบจัดการยานพาหนะร่วม และห้องนักบินที่มีอุปกรณ์แบบใหม่ มันเริ่มทำการผลิตตั้งแต่ปีพ.ศ. 2549[25] สหรัฐมีแผนที่จะใช้รุ่นนี้แทนที่รุ่งดั้งเดิม[26]

          รุ่นพิเศษอีเอช-60เอ แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นที่มีระบบไฟฟ้าที่ก้าวหน้าและสถานีสำหรับระบบอิเลคทรอนิกสองสถานี[23]

          วายอีเอช-60บี แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นเอที่ดัดแปลงเพื่อใช้เรดาร์และระบบอิเลคทรอนิกอากาศพิเศษ เป็นรุ่นต้นแบบในการใช้ระบบล็อกเป้าจากระยะปลอดภัย[23]

          อีเอช-60ซี แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นเอที่ดัดแปลงมาเพื่ออุปกรณ์อิเลคทรอนิกพิเศษและเสาอากาศด้านนอก[23]

          อียูเอช-60แอล เป็นรุ่นดัดแปลงที่มีอุปกรณ์อิเลคทรอนิกพิเศษสำหรับภารกิจทางอากาศ[23]

          อีเอช-60แอล แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นอีเอช-60เอที่มีการพัฒนาอุปกรณ์มากมาย[23]

          ยูเอช-60คิว แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นเอที่ดัดแปลงมาเพื่อขนย้ายผู้ได้รับบาดเจ็บ[23]

          เอชเอช-60แอล เป็นรุ่นแอลที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์[23] อุปกรณ์ของมันมีทั้งรอก ระบบช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ ระบบควบคุมตามสภาพแวดล้อม ระบบออกซิเจน และที่นั่งพยาบาล [27]
เอ็มเอช-60เอ แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นดัดแปลงในด้านระบบอิเลคทรอนิกอากาศ ระบบนำร่องที่แม่นยำ อินฟราเรด และความสามารถในการเติมเชื้อเพลิงทางอากาศ มันมีเครื่องยนต์ที700-จีอี-701 เป็นขุมกำลัง[23]

          เอ็มเอช-60เค แบล็กฮอว์ก เป็นแบบของสหรัฐที่ดัดแปลงมาเพื่อปฏิบัติการพิเศษ

          เอ็มเอช-60แอล ไดเรกแอ็คชั่นเพเนเทรเตอร์ เป็นแบบของสหรัฐที่ดัดแปลงมาเพื่อปฏิบัติการพิเศษ[28] มันสามารถติดตั้งอาวุธอย่างขีปนาวุธเฮลไฟร์ ปืนกลเอ็ม230 ขนาด 30 ม.ม. จรวดไฮดรา 70 และปืนเอ็ม134ดีที่จะติดตั้งอยู่ตรงประตู

          เอชเอช-60เอ็ม เป็นแบบของสหรัฐที่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์[23]

          ยูเอช-60เอ ราสคาล เป็นแบบดัดแปลงของนาซ่าสำหรับการทดลองระบบใบพัดซึ่งเป็นโครงการมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อใช้ในการศึกษาการเคลื่อนที่ของเฮลิคอปเตอร์ในโครงการพิเศษ[29][30]

          วีเอช-60ดี ไนท์ฮอว์ก เป็นแบบของนาวิกโยธินสหรัฐ มันยังถูกดัดแปลงเป็นรุ่นเอชเอช-60ดีเพื่อขนย้ายบุคคลสำคัญ มีเครื่องยนต์ที700-จีอี-401ซีเป็นขุมกำลัง[23]

          วีเอช-60เอ็น ไวท์ฮอว์ก เป็นแบบของนาวิกโยธินสหรัฐ มันคือรุ่นเอที่ถูกดัดแปลงโดยมีจุดเด่นคล้ายกับเอสเอช-60บี/เอฟ ซีฮอว์ก[31] มันถูกใช้เพื่อขนย้ายประธานาธิบดี มันเข้าประจำการเมื่อปีพ.ศ. 2531 และมีทั้งสิ้น 9 ลำที่ทำการส่งมอบ[31]

 

รุ่นส่งออก

 

          ยูเอช-60เจ แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นส่งออกให้กับกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศของญี่ปุ่น มันยังมีอีกชื่อหนึ่งว่าเอส-70-12 ถูกผลิตภายใต้ใบอนุญาตโดนอุตสาหกรรมมิตซูบิชิ[32]

          ยูเอช-60เจเอ แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นส่งออกให้กับกองกำลังป้องกันตนเองทางบกญี่ปุ่น ถูกผลิตภายใต้ใบอนุญาตโดนอุตสาหกรรมมิตซูบิชิ[32]

          เอเอช-60แอล อาร์เพียร์ 3 เป็นรุ่นส่งออกให้กับโคลัมเบียที่มีการพัฒนาระบบอิเลคทรอนิกอากาศ ระบบการยิง อินฟราเรด เรดาร์ จรวดขนาดเบา และปืนกล มันถูกนำไปพัฒนาโดยกองทัพอากาศโคลัมเบีย เอลบิท และซิคอร์สกี้

          เอเอช-60แอล แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นส่งออกที่ไม่ประสบความสำเร็จ โดยเดิมทีตั้งใจจะขายให้กับกองทัพออสเตรเลียในโครงการเอไออาร์87 ซึ่งคล้ายกับเอเอช-60แอล อาร์เพียร์3

          ยูเอช-60พี แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นส่งออกให้กับสาธารณรัฐเกาหลีซึ่งคล้ายกับยูเอช-60แอล[23]

          เอส-70เอรุ่นเหล่านี้เป็นรุ่นส่งออกของซิคอร์สกี้

          เอส-70เอ-1 ดีเซิร์ทฮอว์ก เป็นรุ่นส่งออกให้กับซาอุดิอาระเบีย

          เอส-70เอ-แอล1 ดีเซิร์ทฮอว์ก เป็นรุ่นอพยพทางอากาศให้กับซาอุดิอาระเบีย

          เอส-70-5 แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นส่งออกให้กับกองทัพอากาศฟิลิปปินส์

          เอส-70เอ-9 แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นส่งออกให้กับกองทัพบกออสเตรเลีย

          เอส-70-11 แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นส่งออกให้กับกองทัพอากาศจอร์แดน

          S-70-12 แบล็กฮอว์ก เป็นแบบค้นหาและกู้ภัยสำหรับญี่ปุ่น มีอีกชื่อว่ายูเอช-60เจ

          S-70-14 แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นส่งออกให้กับบรูไน

          S-70-16 แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นสำหรับการทดสอบเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์/เทอร์โบเมก้า อาร์ทีเอ็ม 332

          S-70-17 แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นส่งออกให้กับตุรกี

          ซิคอร์สกี้/เวสท์แลนด์ เอส-70-19 แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นที่สร้างขึ้นภายใต้ใบอนุญาตในสหราชอาณาจักรโดยเวสท์แลนด์ มันมีอีกชื่อว่าดับบลิวเอส-70

          เอส-70-21 แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นส่งออกให้กับอียิปต์

          เอส-70-24 แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นส่งออกให้กับเม็กซิโก

          เอส-70-26 แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นส่งออกให้กับโมรอกโก

          เอส-70-27 แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นส่งออกให้กับฮ่องกง

          เอส-70เอ-42 แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นส่งออกให้กับออสเตรีย

          เอส-70เอ-43 แบล็กฮอว์ก เป็นรุ่นส่งออกให้กับกองทัพบกไทย

          สำหรับรุ่นของซิคอร์สกี้-70 ให้ดูที่เอสเอช-60 ซีฮอว์ก เอชเอช-60 เพฟฮอว์ก และเอชเอช-60 เจย์ฮอว์ก

 

ประเทศผู้ใช้งาน

          ออสเตรเลีย

          กองทัพออสเตรเลียมีเอส-70 จำนวน 34 ลำในประจำการ[14]

          ออสเตรีย

          กองทัพอากาศออสเตรียมีเอส-70เอ-42 แบล็คฮอว์ค 9 ลำ[14]

           บาห์เรน

          บราซิล

          โคลอมเบีย

          กองทัพอากาศโคลัมเบียมียูเอช-60เอ/แอล 32 ลำและยูเอช-60แอล อาร์เพีย 3[14]

          กองทัพบกโคลัมเบียมียูเอช-60เอ/แอล 34 ลำ (บวกอีก 15 ลำในการสั่งซื้อ)[14]

          กองตำรวจแห่งชาติ

           ชิลี

           อียิปต์

           อิสราเอล

          ญี่ปุ่น

          กองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศของญี่ปุ่น

          กองกำลังป้องกันตนเองทางน้ำของญี่ปุ่น

          กองกำลังป้องกันตนเองทางบกของญี่ปุ่น

          จอร์แดน

          เกาหลีใต้

          มีเอส-70เอจำนวน 43 ลำและยูเอช-60พีจำนวน 98 ลำ[14]

          โมร็อกโก

          กองทัพโมรอกโคมียูเอช-60แอลจำนวน 2 ลำสำหรับบุคคลสำคัญในประจำการ[33]

          เม็กซิโก

          กองทัพอากาศเม็กซิโกได้รับยูเอช-60แอลจำนวน 6 ลำ[34]

          กองตำรวจกลาง

          ฟิลิปปินส์

          จีน

          สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน)

          ซาอุดีอาระเบีย

          ไทย

          กองทัพบกไทยมียูเอช-60แอล แบล็คฮอว์คหรือเอส-70เอ-43(ได้รับการปรับปรุงเป็นยูเอช-60เอ็มแล้วทั้งหมด) จำนวน 7 ลำในประจำการ อยู่ ณ กองบินปีกหมุนที่ 9(ผสม) จังหวัดลพบุรี[35][14]

          ตุรกี

          กองทัพและกองตำรวจแห่งชาติของตุรกีได้รับยูเอช-60เอ/แอล 12 ลำและยูเอช-60แอล 95 ลำ[36] กองทัพบกตุรกีมีเอส-70เอ (ยูเอช-60เอ/แอล) จำนวน 54 ลำเมื่อเดือนพฤศจิกายนพ.ศ. 2551[14]

          สหรัฐอเมริกา

          กองทัพบกสหรัฐฯ ใช้ยูเอช-60 แบล็คฮอว์ค

 

อดีตประเทศผู้ใช้งาน

          ออสเตรเลีย

          กองทัพอากาศออสเตรเลียได้รับยูเอช-60แอล แบล็คฮอว์ค (เอส-70เอ-9) จำนวน 39 ลำ พวกมันถูกส่งให้กับกองทัพบกออสเตรเลียในปีพ.ศ. 2532[37]

          ดูที่ซิคอร์สกี้ เอส-70 สำหรับผู้ใช้ที่เป็นพลเมือง

 

รายละเอียดของยูเอช-60 แบล็คฮอว์ค

          ลูกเรือ 4 นาย

          ความจุ 2,640 ปอนด์สำหรับสินค้าภายใน รวมทั้งทหาร 14 นายและเปลหาม 6 อัน หรือ 8,000 ปอนด์ (ยูเอช-60เอ) และ 9,000 ปอนด์ (ยูเอช-60แอล) สำหรับสินค้าภายนอก

          ความยาว 19.76 เมตร

          ความกว้างลำตัว 2.36 เมตร

          เส้นผ่าศูนย์กลางใบพัด 16.36 เมตร

          ความสูง 5.13 เมตร

          น้ำหนักเปล่า 4,819 กิโลกรัม

          น้ำหนักพร้อมบรรทุก 9,980 กิโลกรัม

          น้ำหนักสูงสุดตอนนำเครื่องขึ้น 10,660 กิโลกรัม

          ขุมกำลัง เครื่องยนต์เทอร์โบชาฟท์ของเจเนรัล อิเลคทริกแบบที700-จีอี-701ซี กำลังขับเคลื่อนเครื่องละ 1,800 แรงม้า

          ความเร็วสูงสุด 295 กิโลเมตร/ชั่วโมง

          ความเร็วในการร่อน 278 กิโลเมตร/ชั่วโมง

          รัศมีทำการรบ 592 กิโลเมตร

          พิสัยในการเคลื่อนย้าย 2,220 กิโลเมตร

          เพดานบินทำการ 19,000 ฟุต

          อัตราการไต่ระดับ 700 ฟุต/นาที

          อัตราน้ำหนักต่อการแรงผลัก 0.192 แรงม้า/ปอนด์

          อาวุธ ปืนกลเอ็ม240เอชหรือเอ็ม134 ขนาด 7.62 ม.ม.สองกระบอก

 

ยูเอช-1ไอโรควอยส์

 

          ยูเอช-1 ไอโรควอยส์ (อังกฤษ: UH-1 Iroquois) เป็นเฮลิคอปเตอร์ทางการทหารที่มีหนึ่งเครื่องยนต์ ใบพัดหลักสองใบ และใบพัดหางสองใบ มันถูกสร้างขึ้นโดยเบลล์ เฮลิคอปเตอร์ใ้ห้กับกองทัพบกสหรัฐที่ต้องการเฮลิคอปเตอร์สำหรับขนส่งผู้บาดเจ็บในปีพ.ศ. 2495 และทำการบินครั้งแรกในวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2499 การผลิตเริ่มขึ้นในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2403 ยูเอช-1 เป็นเฮลิคอปเตอร์เครื่องยนต์กังหันรุ่นแรกที่เข้าสู่ระบบการผลิตให้กับกองทัพสหรัฐ และมีมากกว่า 16,000 ลำที่ถูกผลิตออกมาทั่วโลก[1]

          การรบครั้งแรกของยูเอช-1 ในกองทัพสหรัฐคือสงครามเวียดนาม ด้วยชื่อเดิมคือเอชยู-1 (HU-1) ทำให้มันได้ชื่อเล่นว่าฮิวอี้ (Huey)[2] ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2505 มันก็เปลี่ยนไปใช้ชื่อยูเอช-1 แต่คำว่าฮิวอี้ยังคงใช้กันโดยทั่วไป มียูเอช-1 ประมาณ 7 พันลำที่ร่วมรบในสงครามเวียดนาม

 

เอเอช-1 คอบรา

          เอเอช-1 คอบรา (อังกฤษ: AH-1 Cobra) เป็นเฮลิคอปเตอร์จู่โจมแบบสองใบพัด หนึ่งเครื่องยนต์ที่ผลิตโดยบริษัทเบลล์ มันใช้เครื่องยนต์และระบบใบพัดแบบเดียวกันกับยูเอช-1 ไอโรควอยส์ ในบางครั้งเอเอช-1 จะหมายถึงฮิวอี้คอบราหรือสเนค

          เอเอช-1 เป็นกองกำลังหลักในกองบินเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกสหรัฐแต่ก็ถูกแทนที่โดยเอเอช-64 อาพาชี่ รุ่นที่พัฒนายังคงทำการบินต่อไปในหลายๆ ประเทศที่ใช้มัน เอเอช-1 แบบสองเครื่องยนต์ยังคงประจำการในกองนาวิกโยธินสหรัฐในฐานะเฮลิคอปเตอร์จู่โจมหลัก

 

ยูเอช-1เอ็น ทวินฮิวอี้

          ยูเอช-1เอ็น ทวินฮิวอี้ (อังกฤษ: UH-1N Twin Huey) เป็นเฮลิคอปเตอร์ทางทหารขนาดกลางซึ่งได้ทำการบินครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนพ.ศ. 2512[1] ยูเอช-1 เอ็นมีที่นั่งสิบห้าที่นั่ง นักบินหนึ่งที่และที่เหลือเป็นที่นั่งของผู้โดยสาร ในแบบสำหรับการขนส่งยูเอช-1เอ็นจะมีพื้นที่บรรทุกภาย 6.23 ลูกบาศก์เมตร มันสามารถบรรทุกของภายนอกได้ 2,268 กิโลกรัม รุ่นต้นแบบนั้นมีชื่อว่าซียูเอ็น-1เอ็น (เปลี่ยนเป็นซีเอช-135 ในเวลาต่อมา) มันถูกสั่งซื้อครั้งแรกโดยแคนาดา

 

การพัฒนา

 

          มันมีพื้นฐานมาจากโครงสร้างของเบลล์ 205 เบลล์ 212 นั้นเดิมทีถูกสร้างให้กับกองกำลังของแคนาดาภายใต้ชื่อซียูเอช-1เอ็น ทวินฮิวอี้ ต่อมาแคนาดาได้ใช้ระบบชื่อใหม่และมันก็ถูกตั้งชื่อใหม่ว่าซีเอช-135 ทวินฮิวอี้[2] ทางแคนาดาได้อนุมัติการพัฒนาเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2511[1] และได้ทำการซื้อ 50 ลำพร้อมการส่งที่เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคมพ.ศ. 2514[3]

          ทางกองทัพสหรัฐฯ ไม่สนใจที่จะซื้อทวินฮิวอี้ การซื้อเครื่องบินของสหรัฐฯ ถูกโต้แย้งโดยประธานคณะกรรมการด้านอาวุธในตอนนั้นที่ชื่อเมนดัล ริเวอร์ส ริเวอร์สคิดเช่นนั้นเพราะเครื่องยนต์ของเครื่องบินนั้นถูกผลิตในแคนาดา รัฐบาลแคนาดาไม่ได้สนับสนุนการมีส่วมเกี่ยวของของสหรัฐฯ ในเวียดนามและได้โต้แย้งนโยบายของสหรัฐฯ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ริเวอร์สยังได้คำนึงถึงการจัดซื้อเครื่องยนต์ที่อาจให้ผลทางลบต่อการค้าขายกับแคนาดา สภาคองเกรสทำการอนุมัติการซื้อเมื่อสหรัฐฯ เป็นผู้สร้างเครื่องยนต์เองเท่านั้น เมื่อสำเร็จผลกองทัพสหรัฐฯ ก็สั่งซื้อเบลล์ 212 จำนวน 294 ลำภายใต้ชื่อยูเอช-1เอ็น พร้อมการส่งในปีพ.ศ. 2513[3]

          ไม่เหมือนกับของแคนาดา ในสหรัฐฯ ยูเอช-1เอ็นได้รับชื่ออย่างเป็นทางการว่า"ไอโรควอยส์"จากยูเอช-1 ถึงแม้ว่าบุคคลในสหรัฐฯ มักจะเรียกมันว่า"ฮิวอี้"หรือ"ทวินฮิวอี้"ก็ตาม[4]

          เบลล์ 412 เป็นการพัฒนาเพิ่มเติมของเบลล์ 212 ความแตกต่างตือการใช้ระบบสี่ใบพัด[3]

 

การออกแบบ

          ใบพัดหลักของยูเอช-1เอ็นได้รับกำลังจากพีที6ที-3/ที400 เทอร์โบทวินแพ็คที่สร้างมาจากเครื่องยนต์เทอร์โบชาฟท์แพรทท์แอนด์วิทนีย์ของแคนาดา พวกมันสามารถให้แรงมากถึง 1,800 แรงม้า หากเครื่องหนึ่งเสียอีกเครื่องยังคงให้แรงได้ 900 แรงม้าเป็นเวลา 30 นาทีหรือ 765 แรงม้า มันทำให้ยูเอช-1เอ็นยังรักษาระดับความเร็วได้พร้อมน้ำหนักเต็มที่[3]

          กองนาวิกโยธินสหรัฐฯ ได้ดัดแปลงยูเอช-1เอ็นจำนวนมาด้วยระบบเพิ่มเสถียรภาพในการควบคุมหรือเอสซีเอเอส (Stability Control Augmentation System) ซึ่งสร้างกลไกควบคุมหัวใบพัดเพื่อเพิ่มความเสถียรในขณะบิน การดัดแปลงนี้ได้นำเอาส่วนไจโรสโคปของใบพัดออก และแทนที่ด้วยระบบคอมพิวเตอร์แทน

 

ประวัติการใช้งาน

          ทางทหารนาวิกโยธินสหรัฐฯ ได้ใช้ยูเอช-1เอ็นในการบุกอิรักเมื่อปีพ.ศ. 2546 ยูเอช-1เอ็นได้ทำหน้าที่สอดแนมและให้การสื่อสารกับทหารราบ พวกมันยังถูกใช้เพื่อทำการสนับสนุนทางอากาศระยะใกล้ในการต่อสู้ที่ดุเดือดของยุทธการนาซิริยาห์[5]

 

แบบต่างๆ

แบบของสหรัฐฯยูเอช-1เอ็น ไอโรควอยส์

          รุ่นในการผลิตเบื้องต้น ถูกใช้โดยกองทัพอากาศ กองทัพเรือ และกองนาวิกโยธินสหรัฐฯ ตลอดหลายปีนาวิกโยธินได้ทำการพัฒนาหลายครั้งที่รวมทั้งระบบอิเลคทรอนิกอากาศ การป้องกัน และป้อมอินฟราเรด

          วีเอช-1เอ็น

          รุ่นสำหรับบุคคลสำคัญ[1]

          เอชเอช-1เอ็น

          เอสเออาร์[1]

          ยูเอช-1วาย วีนอม

         ยูเอช-1เอ็นที่เข้ามาแทนที่ มันถูกพัฒนาโดยนาวิกโยธินสหรัฐฯ ถูกออกแบบพร้อมกับการเปลี่ยนเอเอช-1ดับบลิวให้กลายเป็นเอเอช-1ซี ไวเปอร์

แบบต่างประเทศ

          เอกุสตา-เบลล์ เอบี 212

          รุ่นขนส่งสำหรับพลเมืองและกองทัพ ถูกสร้างภายใต้ใบอนุญาตโดยเอกุสตาของอิตาลี

          เอกุสตา-เบลล์l เอบี 121อีดับบลิว

          รุ่นสงครามอิลเคทรอนิกสำหรับตุรกี

          เอกุสตา-เบลล์ เอบี 212เอเอสดับบลิว

          รุ่นสำหรับต่อต้านเรือดำน้ำ ต่อต้านเรือรบผิวน้ำ ถูกสร้างภายใต้ใบอนุญาตโดยเอกุสตาของอิตาลี ใช้งานโดยกองทัพเรืออิตาลี กองทัพเรือกรีซ กองทัพเรืออิหร่าน อิตาลี เปรู สเปน ตุรกี และเวเนซูเอลา[3]

          เอบี-212เอเอสดับบลิวเป็นเบลล์ 212 ที่มีส่วนคล้ายโดมอยู่เหนือห้องนักบิน การผลิตในช่วงแรกจะโค้งกว่าแบบหลังที่กลมแบบ รอกทางด้านซ้ายถูกใช้เพื่อหย่อยเครื่องโซนาร์ การเปลี่ยนแปลงอื่นรวมทั้งน้ำหนักมากสุด 5,080 กิโลกรัม ระบบต่อต้านอิเลคทรอนิก ขาหยั่งสำหรับจอดบนเรือ และสารกันการกัดกร่อน อาวุธของมันคือตอร์ปิโดมาร์ค 44 หรือมาร์ค 46 สองลูก หรือ ระเบิดน้ำลึกและขีปนาวุธอากาศสู่พื้นนำวิถีด้วยลวดเอเอส 12[6][7]

 

ซีเอช-135 ทวินฮิวอี้

          ยูเอช-1เอ็นของแคนาดา[1][3]

          แคนาดาได้ซื้อซีเอช-135 จำนวน 50 ลำพร้อมการส่งเริ่มในปีพ.ศ. 2514 เครื่องบินถูกปลดประจำการจากกองกำลังแคนาดาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2539 และต้ดออกจากกองกำลังในเดือนธันวาคมพ.ศ. 2542 ซีเอช-135 จำนวน 41 ลำที่เหลือถูกส่งให้กับรัฐบาลสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคมพ.ศ. 2542 และย้ายเข้ากองทัพและกองตำรวจโคลัมเบีย มีซีเอช-135 อย่างน้อยหนึ่งลำที่ถูกทำลายในการต่อสู้ เครื่องดังกล่าวถูกย้ายให้กับโคลัมเบียก่อนที่มันจะถูกทำลายระหว่างทางโดยกบฎฟาร์คเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2545 ซีเอช-135 สองลำอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของแคนาดา หนึ่งลำในพิพิธภัณฑ์การบินและอีกหนึ่งลำในพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ[8]

 

ซียูเอช-1เอ็น ทวินฮิวอี้

          แบบดั้งเดิมของแคนาดา[1][3]

ประเทศผู้ใช้งาน

           แองโกลา

           อาร์เจนตินา

           ออสเตรีย

           บังกลาเทศ

           บาห์เรน

           โบลิเวีย

           บรูไน

           แคนาดา

           โคลอมเบีย

           โครเอเชีย

           เอกวาดอร์

           เยอรมนี

           กรีซ

           กัวเตมาลา

           กายอานา

           อิหร่าน

           อิรัก

           อิสราเอล

           อิตาลี

           ญี่ปุ่น

           เลบานอน

           ลิเบีย

           มอลตา

           โมร็อกโก

           ปานามา

           เปรู

           ฟิลิปปินส์

           ซาอุดีอาระเบีย

           เซอร์เบีย

           สิงคโปร์

           โซมาเลีย

           เกาหลีใต้

           สเปน

           ศรีลังกา

           ซูดาน

           ไทย

           ตูนิเซีย

           ตุรกี

           ยูกันดา

           สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

           สหราชอาณาจักร

           สหรัฐอเมริกา

           อุรุกวัย

           เยเมน

 

รายละเอียดเฉพาะของยูเอช-1เอ็น ทวินฮิวอี้ (ตามการดัดแปลงของนาวิกโยธินสหรัฐฯ)

          บริษัทผู้ผลิต เบลล์ เฮลิคอปเตอร์

บทบาท เฮลิคอปเตอร์หลายจุดประสงค์

          ลูกเรือ 4 นาย (นักบิน นักบินผู้ช่วย หัวหน้าลูกเรือ และพลปืน)

          ความจุ ทหาร 6-8 นาย

          ความยาว 12.69 เมตร

          เส้นผ่าศูนย์กลางใบพัด 14.6 เมตร

          ความสูง 4.4 เมตร

          น้ำหนักเปล่า 2,721.5 กิโลกรัม

          น้ำหนักพร้อมบรรทุก 4,762.7 กิโลกรัม

          น้ำหนักสูงสุดตอนนำเครื่องขึ้น 4,762.7 กิโลกรัม

          ข