ข่าว

1,500ชายขอบ7จว.อาสาป้องแดนไทย-เขมร

1,500ชายขอบ7จว.อาสาป้องแดนไทย-เขมร

25 ก.ค. 2554

รายงานพิเศษ : 1,500ชายขอบ7จว.อาสาป้องแดนไทย-เขมร

          เมื่อปี 2303 หรือ 251 ปีก่อน...ประเทศไทยในอดีต มีนักรบวีรชน 400 ชีวิตในนาม “กองอาทมาต” นำทัพต่อต้านข้าศึกโดย "ขุนรองปลัดชู" ซึ่งเป็นภาพยนตร์วีรกรรมรักชาติของคนไทยที่ฉายในช่วงจังหวะพอดีที่ "ศาลโลก" ตัดสินข้อพิพาทปราสาทพระวิหารให้ทั้งสองฝ่ายถอนกำลังทหาร แต่ทว่ายังไม่มีความชัดเจนที่ทั้งสองประเทศจะมีการปฏิบัติตามมติของศาลโลก

          พ.ศ.นี้ จึงเริ่มมีการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนตามแนวชายแดน เพื่อปกป้องดินแดนของพวกเขา ด้วยการขันอาสาร่วมปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือในงานทางยุทธวิธีของทหารแล้วกว่า 7 จังหวัดที่ตั้งอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

           "หลังจากที่ศาลโลกมีมติออกมาเพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับข้อพิพาททั้ง 2 ประเทศนั้น เห็นว่าประเทศไทยยังคงเสียเปรียบประเทศกัมพูชาโดยเฉพาะมติข้อที่ 3 ที่ระบุว่าไทยต้องไม่ปิดกั้นทางขึ้น-ลงปราสาท และขัดขวางการเข้าพื้นที่ปราสาทเพื่อนำอาหารและน้ำไปให้แก่ผู้ที่ไม่ใช่ทหารกัมพูชาและไทยจะยังต่อให้ความร่วมมือกับอาเซียน และอนุญาตให้ผู้สังเกตการณ์จากอาเซียนเข้าไปสังเกตการณ์ในเขตปลอดทหาร" ศรีเมือง วัฒนาชีพ ประธานเครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่ เผยถึงจุดเริ่มต้นการตั้งกองกำลังประชาชน

          ศรีเมือง บอกอีกว่า เดิมทีเครือข่ายรวมตัวกันเพราะว่าคนชายขอบได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาข้อพิพาทแนวชายแดน ทั้งนี้ ยังพบหมุดที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นหมุดปักปันเขตแดนไทย-กัมพูชาลึกเข้ามาในฝั่งไทย 12.5 กิโลเมตร ทำให้ไทยอาจจะต้องสูญเสียอาณาเขตตลอดแนวชายแดนฝั่งนี้ 7 จังหวัด กว่า 1.8 ล้านไร่ จนชาวบ้านตามตะเข็บชายแดนออกมาต่อสู้เรียกร้องให้ภาครัฐออกมาชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีการตั้งหมู่บ้าน 1 : 200000 เป็นที่แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและติดตามเรื่องนี้อย่างจริงจัง เป็นระยะๆ จนมาถึงกรณีที่การพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ตามที่รัฐบาลกัมพูชายื่นคำร้องให้ตีความคำสั่งศาลโลกเกี่ยวกับการครอบครองปราสาทพระวิหาร พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้พิพากษาอนุมัติมาตรการชั่วคราว และสั่งให้ไทยถอนกำลังทหารจากพื้นที่รอบปราสาท 4.6 ตารางกิโลเมตร

          “ผมได้โทรศัพท์เข้าไปคุยกับแม่ทัพภาค 2 พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร ถามว่าหลังจากนี้จะมีแนวทางอย่างไรหลังจากที่ศาลโลกมีมติให้เราเอากำลังทหารออกมาจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ก็ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดจนเพราะยังต้องรอการเจรจาของรัฐบาลทั้ง 2 ฝ่ายเสียก่อน ผมจึงเสนอไปว่า ในบรรดาเครือข่ายคนชายขอบ 7 จังหวัดแนวชายแดนได้มีการปรึกษาหารือกันแล้วว่าจะล่ารายชื่ออาสาสมัครเข้ามาทำหน้าที่แทนทหารหากทหารต้องถอนกำลังออกมาจริงๆ ซึ่งท่านแม่ทัพภาค 2 ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร" ศรีเมืองระบุ

          สำหรับแนวทางที่เครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่วางแผนสร้าง "กองกำลังประชาชนปกป้องชายแดน" ด้วยการรวบรวมรายชื่อคนไทยที่อาศัยอยู่บริเวณแนวชายแดนให้มากที่สุด หลังจากนี้จะนำรายชื่อดังกล่าวไปเสนอกองทัพภาคที่ 2 ภายใน 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะให้ฝ่ายทหารเข้ามาจัดการบริหารยุทธวิธีว่าจะทำอะไร แต่คงไม่ถึงขั้นที่ชาวบ้านต้องจับอาวุธปืนสู้รบ แต่จะเข้าไปเฝ้าจุด หรือสังเกตการณ์ความเคลื่อนไหวของประเทศกัมพูชามากกว่า ซึ่งขณะนี้มีชาวบ้านที่สมัครใจ 500 คนแล้ว คาดว่าจะรวบรวมรายชื่ออาสาสมัครได้มากถึง 1,500 คน

           "อนุรักษ์ แสนเวียง" ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ หนึ่งในอาสาสมัครที่ขอเข้ามาทำงานให้แก่กองทัพหลังจากทหารถอนออกมาจากพื้นที่ทับซ้อน บอกว่า คนไทยทุกคนก็รักแผ่นดินไทยด้วยกันทั้งนั้น เขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่รักประเทศไทย ไม่อยากให้ไทยเสียดินแดนหรือถูกประเทศอื่นรุกล้ำอธิปไตยเข้ามา จึงอยากมีส่วนร่วมในการปกป้องประเทศไทยด้วยจึงสมัครเข้ามา และพร้อมทำตามมาตรการหรือยุทธวิธีที่ทหารนั้นวางไว้

          "ผมไม่อยากเห็นความรุนแรง ผมไม่อยากเห็นความขัดแย้ง อยากเห็นความเป็นธรรมเกิดขึ้น ผมมองว่าทางนิตินัยเราเสียเปรียบจากมติของศาลโลก และเชื่อว่าอีกสักพักเราจะเสียเปรียบทางพฤตินัยด้วย คนที่อยู่ชายแดนเองก็สับสน กลัวภัยสงคราม พวกเราจึงอยากรวมตัวกันเพื่อปกป้องตัวเองและบ้านของเรา"  อนุรักษ์กล่าว

          ก่อนหน้านี้ เครือข่ายทวงคืนแผ่นดินแม่ ได้ร่วมเรียกร้องรัฐบาล 3 ข้อ คือ 1.ให้ยกเลิกเอ็มโอยู ปี 2543  2.ออกจากภาคีมรดกโลก และ 3.ใช้กำลังเข้าผลักดันกองกำลังเขรมและประชาชนชาวเขมรออกไป แต่พอหลังเหตุการณ์การปะทะกันช่วงวันที่ 4-7 กุมภาพันธ์ และ 21 เมษายน ที่ผ่านมา กลับพบว่าทั้ง 2 ฝ่ายเกิดความสูญเสีย ทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ความคิดของเครือข่ายจึงเปลี่ยนไปไม่อยากให้เกิดความรุนแรงประเภทนี้ขึ้นอีก เพราะความรุนแรงไม่ก่อให้เกิดผลดีแก่ฝ่ายใด!!