ข่าว

อาจารย์ม.อีสานหวั่นชีพดับเล็งไขก๊อก

อาจารย์ม.อีสานหวั่นชีพดับเล็งไขก๊อก

13 ก.ค. 2554

อาจารย์ม.อีสานที่ถูกคุกคามจากผู้ไม่หวังดี เตรียมยื่นใบลาออก หลังทนภาวะกดดันไม่ไหว ขณะที่มีอีกหลายคนยื่นเอกสารลาพักผ่อน หลังถูกคุกคามเช่นกัน ด้านตำรจพอรู้แล้วใครทำ

          (13 ก.ค.54) การดำเนินคดีและตรวจสอบการทำงานของ มหาวิทยาลัยอีสาน (ม.อีสาน) กรณีซื้อขายใบปริญญาบัตร และใบประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู( ป.บัณฑิต) กำลังจะเกิดปัญหาอีกครั้ง หลังจากมีการพยายามเข้าไปขโมยข้อมูลของฝ่ายที่ไม่ต้องการให้มีการตรวจสอบ โดยล่าสุดได้มีการยกโต๊ะ เก้าอี้ เครื่องคอมพิวเตอร์ ของผู้บริหาร ระดับคณะของมหาวิทยาลัยบางคน ออกไปทิ้งกลางแจ้ง โดยไม่มีร่องรอยการงัดแงะแต่อย่างใด โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงวันเสาร์ และ อาทิตย์ที่ผ่านมา  

           และคืนวันที่ 12 ก.ค. ได้มีผู้บุกรุกตึกสำนักงานอธิการบดีไขกุญแจเข้าไปยกโต๊ะ เก้าอี้ของ ดร.ชีวิน อ่อนละออ อาจารย์ประจำหลักสูตรบริหารการศึกษา ม.อีสาน และอดีต ผอ.สำนักประชาสัมพันธ์กิจการต่างประเทศ โดยขโมยเอกสารและทรัพย์สินในห้องทำงานออกจากห้องไปจนเกลี้ยง ก่อนข่มขู่ก่อนคุกคามสารพัดวิธี

           ล่าสุดวันนี้ (13 ก.ค.) หลังถูกคุกคามอย่างหนักทำให้อาจารย์ทีมฝ่ายบริหารใหม่ของ ชุด รศ.ดร.สุมนต์ สกลไชย รักษาการอธิการบดี ที่ถูกแต่งตั้งโดย สกอ. เสียขวัญเป็นอย่างยิ่ง และช่วงนี้ถูกข่มขู่คุกคามสารพัดวิธีจากกลุ่มบุคคลที่สูญเสียผลประโยชน์ และไม่พอใจการเข้ามาตรวจสอบของ สกอ.และ คุรุสภาฯจึงเกิดความเจ็บแค้น และพยามยามแทรกแซงการทำงานและชีวิตส่วนตัวมากในขณะนี้ เรื่องนี้ทำให้ ดร.ชีวินขวัญเสีย และคิดที่จะยื่นใบลาออกเพื่อไปอยู่ที่อื่น เนื่องจากหวั่นเกรงว่าอาจจะถูกคุกคามถึงชีวิต

           "บุคคลเหล่านี้ไม่ได้ใช้ความคิดที่เป็นปัญญาชนในการบริหารและการพัฒนา วันๆเอาแต่คิดที่จะแสวงหาผลประโยชน์จาก ม.อีสาน และทำได้ทุกวิถีทางที่จะขัดขวางบุลคลที่มาสนองอำนาจ ดังนั้นตัวเองจึงคิดว่าเมื่อความหวังดีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาที่อื้อฉาวของ ม.อีสาน ร่วมกับทีมบริหารใหม่ให้ ม.อีสาน เป็น มหาวิทยาลัย ที่มีคุณภาพได้ อีกทั้งเมื่อเขาทำกับผมและคนอื่นๆใน ม.อีสาน ได้ถึงขณะนี้ ต่อไปอาจจะถึงชีวิตก็เป็นได้ เพราะนิสัยของตัวเองนั้นไม่ชอบเรื่องทุจริตเห็นไม่ได้ ไม่เอา จึงจำใจต้องหาทางลาออกให้ได้" ดร.ชีวิน กล่าวและว่า

           แต่ในการลาออกนั้น ขณะนี้ยังติดขัดเรื่องสัญญาว่าจ้างในการทำงานกับ ม.อีสาน อีก 1 ปี ที่ทำกับมหาวิทยาลัยมาก่อนที่จะได้ทุนจากผู้รับมอบใบอนุญาต ไปเรียน ป.เอก ที่ ม.ขอนแก่น เมื่อก่อนหน้านี้ แต่ด้วยการถูกคุกคามและบั่นทอนชีวิตจากบุคคลที่ไม่หวังดี จึงจะหาเหตุผลทุกอย่างและทำทุกวิถีทางที่จะลาออกจาก ม.อีสาน เพื่อไปหาที่อยู่ใหม่ให้ได้ แต่คาดว่าจะใช้เหตุผลที่ได้รับจากการคุกคามยื่นต่อ รศ.ดร.สุมนต์ สกลไชย อธิการบดี ม.อีสาน คาดว่าอธิการคงจะเข้าใจเซ็นใบลาออกให้

           "ความจริงตัวเองไม่เชื่อว่าจะถูกคุกคามแบบนี้  เพราะจะว่าไปแล้วเป็นญาติกันแท้ๆ และที่ผ่านมาก็ได้รับการดูแลเลี้ยงดูส่งเรียนจนจบ ป.เอก จึงทำให้เชื่อว่าคนที่สั่งคุกคามคือบุคคลรอบข้างของอดีตผู้บริหารเก่ามากกว่า  ที่คอยใส่ร้ายผู้ไม่สนองอำนาจทุกคน เพื่อสกัดเสี่ยนหนามออกจากเส้นทางการโกยอำนาจและผลประโยชน์ส่วนตัวให้ ส่วนบุคคลอื่นๆที่ไม่สนองนโยบาย ก็เชื่อว่าเร็วๆนี้ทุกคนก็จะได้รับการกระทำเช่นที่ตัวเองและอาจารย์อีก 4-5 ท่านได้รับ ซึ่งบุคคลเหล่านี้หากไม่แปรพักตร์ ก็ต้องถูกคุกคามมากกว่านี้ อาจถึงชีวิตเช่นกัน ซึ่งขณะนี้เขาก็ยื่นใบลาพักกับอิการบดีเพื่อหนีความวุ่นวายเช่นกัน และเชื่อว่าไม่นานก็คงต้องยื่นใบลาออกไปเช่นกับผมที่กำลังจะดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากก็มีการพูดคุยกันถึงการกระทำอยู่ว่า เมื่อสังคมไม่อยากได้คนดีเข้ามาบริหารก็ให้เขาดำเนินไป สักวันก็จะถูกกระทำเองไม่ช้าก็เร็ว เพราะ สกอ.และ "ดีเอสไอ"กำลังดำเนินการใกล้เสร็จแล้ว หากไม่ถูกแทรกแซงก่อน "ดร.ชีวิน กล่าว

           ขณะที่ รศ.ดร.สุมนต์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นการคุกคามและบั่นทอนจิตใจผู้ทำงานอย่างยิ่ง จึงทำให้อาจารย์ ม.อีสาน ที่ถูกคุกคามเกิดความคิดที่จะลาออก แต่ยังไม่ทราบว่ามีใครบ้างที่จะยื่นใบลาออกในช่วงนี้ เพราะเชื่อว่าทุกคนเมื่อถูกคุกคามก็ยิ่งจะต่อสู้เพื่อความถูกต้องในการแก้ไขปัญหา ม.อีสาน ให้เดินหน้าไปเป็นมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพ แต่เมื่อพวกเขามีเหตุผลก็ต้องจำเป็นที่จะรับฟัง ส่วนตัวเองนั้นต้องเดินหน้าต่อไปเพราะได้รับการแต่งตั้งมาจาก สกอ.ให้ทำภารกิจให้ลุล่วงให้ได้เพื่อนำ ม.อีสาน สู่มหาวิทยาลัยคุณภาพ

           ขณะที่ พ.ต.อ.คัชชา ธาตุศาสตร์ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น กล่าวว่า การาสอบสวนในเรื่องของคดีความกับเหตุคนร้ายบุกขโมยข้อมูลและทรัพย์สินในตึกอธิการบดี ม.อีสาน ขณะนี้เรื่องของคนร้ายที่ก่อเหตุก็พอทราบแล้วว่าเป็นกลุ่มใด และคนสั่งการคือใคร แต่ยังสาวหาหลักฐานที่ชัดเจนในการสั่งการยังไม่ได้ มีเพียงพยานที่ชี้ชัดในเรื่องนี้นั้น จึงทำให้ทางการสอบสวนหาตัวการใหญ่ในการสั่งการให้คนเข้าไปฉกข้อมูลในตึกอธิการ ม.อีสาน และขโมยทรัพย์ ไม่ได้ ต้องขอเวลาอีกไม่นานคงออกหมายจับบุคคลกลุ่มนี้มาดำเนินคดีได้