
เผยมีนายหน้าซื้อช้างล้มชำแหละเนื้อขาย
"โซไรดา" เผย ได้ข้อมูลใหม่ พระในสวนป่าพุทธสถานสุประดิษฐ์เมธีฉีดยาให้ช้างล้ม มีนายหน้าซื้อช้างล้มไปชำแหละเนื้อขาย กก.ละ 50 บาท ด้านหัวหน้าฝ่ายสุขภาพสัตว์มหาสารคามตั้งข้อสังเกต พระสวนป่าให้ช้างแก่กินรำข้าวทำให้ย่อยยาก อาจเป็นสาเหตุทำให้ช้างป่วยจนล้ม
จากกรณีชาวบ้านร้องเรียนไปยัง น.ส.โซไรดา ซาลวาลา ผู้ก่อตั้งและเลขาธิการมูลนิธิเพื่อนช้างว่า พลายศิริชัย อายุ 44 ปี ช้างในสวนป่าพุทธสถานสุประดิษฐ์เมธี ต.นาข่า อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ล้มอย่างมีพิรุธ เนื่องจากพลายศิริชัยมีงาที่มีงาสวยงาม ประกอบกับสวนป่าแห่งนี้เคยมีช้างล้มมาแล้ว 1 เชือก เมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2553 ทำให้หลายฝ่ายเกรงว่า ทางสวนป่าจะปล่อยให้ช้างอดอยากจนล้มเพื่อนำงาไปขาย ส่วนหนัง หางช้าง อวัยวะเพศช้าง และหน้าผากหรือที่เรียกว่าปั้นเหน่ง จะนำไปทำเครื่องรางของขลังนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม น.ส.โซไรดาเปิดเผยว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถหาหลักฐานสาเหตุการล้มของช้างทั้ง 2 เชือกได้ และยังเกรงว่าช้างที่เหลืออีก 5 เชือก ในสวนป่าพุทธสถานสุประดิษฐ์เมธีจะถูกปล่อยให้อดอาหารเพื่อให้ล้ม หากช้างแก่ตายเองจะไม่ติดใจ เพราะเป็นไปตามวัฏจักร แต่ที่มีช้างล้มในวัดแห่งเดียวถึง 2 เชือก ไม่ใช่เรื่องปกติ เรื่องที่น่าหนักใจคือ การนำช้างที่สมบูรณ์มาเลี้ยงแล้วปล่อยให้อดอาหารจนล้ม หรือฉีดยาให้ล้ม ถือเป็นการทรมานสัตว์ใหญ่ ที่ต้องการเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบอย่างจริงจังว่า พระที่ดูแลสวนป่ามีส่วนทำให้ช้างล้มหรือไม่ และตลอด 6 เดือนหลังจากทราบข่าวพลายเบิร์ดล้มก็ได้ติดตามพฤติกรรมของพระในสวนป่าพุทธสถานสุประดิษฐ์เมธีมาตลอด ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอ้างว่าไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการทรมานด้วยการให้อดอาหารจนช้างล้มหรือไม่ กระทั่งวันที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีอีกครั้งว่า พลายศิริชัยล้มลงอีกเชือก จึงเป็นเหตุการณ์ซ้ำซากที่ยังหาสาเหตุและคนทำผิดไม่ได้
น.ส.โซไรดา กล่าวต่อว่า ล่าสุดได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีพระลูกวัดรูปหนึ่งสารภาพว่าถูกสั่งให้ฉีดยาเพื่อล้มพลายศิริชัย แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดว่าเป็นยาประเภทไหน ปริมาณที่ฉีดเข้าไปมากน้อยเท่าไร เนื่องจากพระรูปนั้นยังอยู่ในอาการหวาดกลัว แต่ที่มาให้ข้อมูลเพราะรู้สึกเป็นบาปหนักที่ฆ่าสัตว์ใหญ่ ส่วนข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรต้องรอให้พร้อมที่จะเปิดเผยข้อมูลและนำหลักฐานมาแสดงจึงจะเชื่อทั้งหมด หากมีหลักฐานอันน่าเชื่อได้ว่าเป็นความจงใจล้มช้างจริง ก็จะแจ้งเอาผิดพระที่สั่งให้ล้มช้างต่อไป
"ตอนนี้ช้างที่ล้มมักจะมีคนกลุ่มหนึ่งทำตัวเป็นพ่อค้าคนกลางเข้าไปซื้อซากช้าง พร้อมนำรถมาขนถึงที่ ส่วนงาเจ้าของจะเก็บเอาไว้เอง เพราะมีมูลค่าสูง เพื่อนำไปชำแหละเนื้อขายในราคากิโลกรัมละ 40-50 บาท ปกติแล้วช้าง 1 เชือก จะมีน้ำหนักประมาณ 3,000 กิโลกรัม เมื่อหักน้ำหนักกระดูก งา อวัยวะภายในออก จะได้เนื้อช้างราว 1,000 กิโลกรัม ที่พูดไม่ได้หมายความว่าคนไทยนิยมบริโภคเนื้อช้าง แต่เนื่องจากมีราคาถูกกว่าเนื้อวัว ชาวบ้านจึงหันมาซื้อเนื้อช้างไปรับประทานแทน แม้ว่าเนื้อช้างเหนียวมาก ต้องนำไปย่างแล้วนำไปทุบก่อน เพื่อให้กินได้ง่ายขึ้น และไม่เหมาะกับการบริโภค เนื่องจากเราไม่ทราบว่าช้างที่ล้มนั้นป่วยเป็นโรคอะไรหรือไม่ ส่วนกรณีพลายหมู ที่เจ้าของปางช้าง จ.กาญจนบุรี ประกาศขาย หลังจากพลายหมูฆ่าควาญช้าง และมีคนซื้อไปเลี้ยงที่ จ.แพร่ จากนั้นก็มีคนห่มเหลืองเข้าไปดูช้างเชือกดังกล่าวและเจรจาขอซื้องามูลค่า 2 ล้านบาท จากนั้นก็ไม่มีใครเห็นพลายหมูอีกเลย" น.ส.โซไรดา กล่าว
นายอิสระ ปัญญาวรรณ หัวหน้าฝ่ายสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า เมื่อทราบข่าวว่าช้างล้มก็ได้ไปสอบถามหลวงปู่ครูบาธรรมมุนี ฐิตธัมโม เจ้าสำนักตรวจสวนป่าพุทธสถานสุประดิษฐ์เมธี ทันที เบื้องต้นทราบว่า หลวงพ่อนำรำข้าวให้ช้างกิน โดยต้องการให้ช้างมีแรง ซึ่งรำข้าวและแตงโมเป็นอาหารต้องห้ามที่ไม่ควรนำมาให้ช้างแก่กิน เพราะจะรู้สึกอัด แน่น ย่อยลำบาก ส่วนแตงโมที่ห้ามเพราะปริมาณสารเคมีสูง เมื่อกินเข้าไปมากๆ อาจทำให้ช้างล้มได้ ส่วนซากช้างยังไม่มีการเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่แต่อย่างใด เพราะต้องขออนุญาตจากปศุสัตว์ตำบลก่อน
"สาเหตุการล้มของพลายศิริชัยที่ชัดเจน ต้องรอผลการตรวจชิ้นเนื้อจากห้องปฏิบัติการศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จ.ขอนแก่น ก่อน ส่วนช้างพลาย 5 เชือก ที่ยังอยู่ในสวนป่าพุทธสถานสุประดิษฐ์เมธีได้ประสานไปยังสัตวแพทย์สถาบันวิจัยและบริการสุขภาพช้างแห่งชาติ ต.นาบัว อ.เมือง จ.สุรินทร์ ให้มาตรวจสุขภาพประจำปีช้างทุกเชือกว่าแข็งแรงหรือไม่" นายอิสระกล่าว
นายทองทวี พิมเสน ผู้ว่าฯ มหาสารคาม กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่สามารถระบุได้ว่า พระที่สวนป่าพุทธสถานสุประดิษฐ์เมธีปล่อยให้ช้างอด ซึ่งตั้งแต่เกิดเหตุช้างล้มเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2553 หลวงปู่ครูบาธรรมมุนี ฐิตธัมโมก็รับปากว่าจะดูแลช้างที่เลี้ยงไว้อย่างดี ไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ช้างล้มขึ้นอีก และได้กำชับให้ปศุสัตว์จังหวัดเข้าตรวจสอบความเคลื่อนไหวและดูแลสุขภาพช้างมาโดยตลอด แต่ก็ยังมาเกิดเหตุซ้ำอีก