
สลายแดงสุเทพหลั่งน้ำตารับแทนมาร์ค
ปชป.ปราศรัยใหญ่สี่แยกราชประสงค์ "สุเทพ" สะอื้น เปิดคลิปยันชุดดำแฝงตัวเสื้อแดงฆ่าประชาชน-เผาบ้านเผาเมือง ย้ำชัดไม่มีคนตายที่ราชประสงค์ ป้อง "มาร์ค" พยายามปรองดองแต่แกนนำนปช.เมิน แอ่นอกรับแทน"มาร์ค"เหตุสลายม็อบ ตำรวจวางเส้นทางหลบหนีบุคคลสำคัญ
เมื่อเวลา 18.00น.วันที่ 23 มิ.ย. พรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดการปราศรัยใหญ่ที่สี่แยกราชประสงค์ เริ่มจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง ระบุว่า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช.เขียนข้อความกล่าวหาว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บงการสังหารหมู่ประชาชน โดยบอกว่าเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์เปลี่ยนวันเจรจาเป็นวันสังหารหมู่ แต่ขอชี้แจงว่า วันที่ 19 พฤษภาคม 2553 ไม่มีคนตายแม้แต่คนเดียวที่ราชประสงค์ ไม่มีการสังหารหมู่ที่แยกราชประสงค์ ไม่มีการปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนโดยกองทัพในวันนั้น
นายสุเทพเปิดคลิปภาพพร้อมบรรยายตามไปด้วยว่า คนที่ตายนั้นตายที่ถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 โดยมีคนตาย 26 คน เป็นทหาร 5 คน พลเรือนไทย 20 คน ผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่น 1 คน ซึ่ง 26 ศพที่ตายไม่ได้ตายที่ราชประสงค์ แต่คนที่ทำให้ตายคือคนเสื้อดำ คลุมหัวเป็นไอ้โม่งปะปนอยู่ในกลุ่มคนเสื้อแดงเข่นฆ่าสังหาร ฆ่าทหาร ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ยั่วยุให้แต่ละฝ่ายโกรธแค้น ลุกฮือจนกลายเป็นสงครามกลางเมือง ตามแผนที่วางไว้ โดยมีการจัดทำเป็นขบวนการ ยิงเอ็ม 79 อาก้า เอ็ม 16 ระเบิดขว้าง บางคนเดินมา บางคนนั่งมอเตอร์ไซค์มา ถืออาวุธสงครามปะปนในกลุ่มผู้ชุมนุม บางคนมารถตู้ รถเก๋ง ขนกันมา มีพยานยืนยันว่ารถยนต์ฮอนด้าซีอาร์วี สีบรอนซ์เทา ขนคนชุดดำ และอาวุธสงครามมาปฏิบัติการพื้นที่ราชดำเนินในวันที่ 10 เมษายน ต่อมาหลังเกิดเหตุดีเอสไอได้จับกุมรถฮอนด้าทะเบียนตรงตามที่พยานระบุ ตามจับที่บ้าน ได้อาก้า 5 กระบอก กระเอ็ม 16 คาร์บิน ในบ้านพักซอยอ่อนนุช 17 สวนหลวง ได้ผู้ต้องหา 3 คน กำลังดำเนินคดีชั้นศาลในขณะนี้
นายสุเทพกล่าวอีกว่า ทุกด้านชุมนุมของคนเสื้อแดงมีการ์ดตรวจตราเข้มแข็ง คนนอกเข้าไม่ได้ เจ้าหน้าที่ยิ่งไม่มีสิทธิเข้าใกล้ แล้วทำไมคนชุดดำจึงผ่านได้ ทำไมถืออาวุธสงครามฝ่าฝูงชนไปถึงแนวทหารโดยไม่มีใครขัดขวาง ทักท้วง เป็นเหตุให้ พ.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม เสียชีวิต ทหารบาดเจ็บ 200-300 คน
นายสุเทพได้เปิดภาพตอนทหารถูกยิงด้วยเครื่องยิงระเบิดและบรรยายว่ามีคนชุดดำเป็นมือปืน ซุ่มยิงจากบนตึก ใช้เลเซอร์ช่วยเล็งเป้า ยิงใส่ประชาชนจากบนตึก จากแนวราบ เป็นการยิงประชาชนที่มาชุมนุม รวมทั้งมีคลิปนายวสันต์ที่ถูกยิงเสียชีวิต พร้อมทั้งบรรยายตามไปว่า ภาพนั้นทหารอยู่ซ้ายมือจอภาพ คนเสื้อแดงฮือต่อต้านทหาร นายวสันต์ถือธงยืนย้อนกลับ หันหน้าตรงข้ามทหาร แล้วถูกยิงหงายท้อง ไม่ได้ยิงจากทิศทางทหาร เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าถูกซุ่มยิงจากคนชุดดำ เพราะวิถีกระสุนที่พุ่งเข้าศีรษะนายวสันต์มาทางด้านหน้า และเป็นกระสุนความเร็วสูง ประชาชนและนักข่าวที่เสียชีวิตก็เสียชีวิตในลักษณะนี้ คนในที่ชุมนุมยืนยันคนชุดดำเป็นคนยิง
จากนั้นเปิดคลิปภาพการชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่มีเสียงนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง บอกถ้ามีอะไรเกิดขึ้นให้บอกไม่รู้ไม่เห็นอย่างเดียว ภาพระหว่างการยิง มีเสียงบอกไม่รู้ใครยิง ภาพคนชุดแดงบอกยิงมาจากดาดฟ้า ไม่ใช่ทหารยิง
นายสุเทพบรรยายต่อว่า ตลอดเวลาที่เกิดวิกฤติรุนแรงขึ้น เผาบ้านเผาเมืองตลอด 68 วันนั้น พวกตนและรัฐบาลเสียใจทุกวันที่เห็นคนตาย เราพยายามหลีกเลี่ยงผ่อนหนักเป็นเบา อดทน อดกลั้นไม่ให้มีคนเจ็บตาย พอมีเหตุ 91 ศพเราเสียใจทุกคน เราเป็นคนธรรมดา เหมือนคนอื่น
"ผมไม่กล้ามองหน้านายกฯ ผมเข้าใจเลย (น้ำเสียงเครือ) ผมเรียนได้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเดือนเมษายน ถ้าผมถามนายกฯแม้แต่คำเดียว จะลาออก แต่ผมไม่ถาม ผมรู้นายกฯคิดอะไร ผมกลัวนายกฯจะลาออก ผมกลัวนายกฯตัดสินใจยุบสภา (น้ำเสียงเครือมากขึ้นจนหยุดพูดไประยะหนึ่ง) ผมเห็นหน้านายกฯ ผมเห็นความปวดร้าวในสายตานายกฯ ถ้านายกฯยุบสภา ลาออกในวันนั้น บ้านเมืองจะยุ่งเหยิงยับเยินขนาดไหน ผมเห็นธาตุแท้นายกฯเห็นภาวะความเป็นผู้นำ ที่กล้ำกลืนให้คนประณามว่าเป็นนายกฯมือเปื้อนเลือด แต่ประคับประคองแก้สถานการณ์ ถ้าลาออกคนหัวรุนแรงอย่างณัฐวุฒิ จตุพร จะยอมเลิกหรือ ผมเชื่อโดยไม่ถามนายกฯว่าที่ต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดเพื่อพาชาติรอดวิกฤตินั้น เพราะท่านวิเคราะห์ออกว่า แม้ยอมทำตามแต่ตราบใดที่แกนนำไม่ได้สิ่งที่เขาต้องการย่อมไม่มีวันเลิก สิ่งที่เขาต้องการคือ นายของเขา ทักษิณต้องไม่ติดคุก ต้องได้เงิน 4.6 หมื่นล้านคืน ต้องกลับมามีอำนาจรัฐเหมือนเดิม" นายสุเทพลกล่าว
นายสุเทพกล่าวต่อว่า นายอภิสิทธิ์เพียรหาทางออก ไม่มีนายกฯคนไหนในประเทศที่ลงทุนไปนั่งเจรจากับแกนนำหัวรุนแรง แต่คนเหล่านั้นปฏิเสธข้อเสนอของนายกฯอย่างไม่มีเยื่อใย ไม่ยอมรับแนวทางประนีประนอมที่นายอภิสิทธิ์ยื่นให้ ยังยกระดับปฏิบัติการให้รุนแรง โดยในเวลาต่อมามีคนเอาปืนเอ็ม 79 ยิงใส่สถานที่ราชการต่างๆ ทั้งกระทรวงกลาโหม สาธารณสุข ทำเนียบรัฐบาล ธนาคารกรุงเทพ สถานีรถไฟฟ้า โรงแรมดุสิตธานี เท่านั้นไม่พอ ยังมีการยกพวกบุกข่มขู่ กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ สำนักงานป.ป.ช. ตั้งด่านเถื่อนตรวจค้นประชาชนที่สัญจรไปมา คุกคามเสรีภาพประชาชน ที่น่าสลดคือคนเหล่านี้บุก รพ.จุฬาฯ หมอ-พยาบาลต้องอพยพคนไข้ไปโรงพยาบาลอื่น พยายามยึดสีลม คืนวันที่ 22 เมษายน ยิงเอ็ม 79 จากเต็นท์ชุมนุมที่สวนลุมฯ ใส่ผู้ชุมนุมสีลม มีคนเจ็บ 80 คน ตาย 1 คน เป็นแม่ค้าข้าวแกง ที่บังเอิญผ่านมาและรับเคราะห์เสียชีวิต
นายสุเทพกล่าวว่า อยากถามว่า ตรงไหนที่บอก 92 คนตายที่ราชประสงค์ ที่บอกทหารมาสลายฝูงชนทำให้คนตาย เพราะเช้าวันที่ 19 พฤษภาคม เจ้าหน้าที่เข้ากระชับพื้นที่ เราเรียกปฏิบัติการกระชับพื้นที่เพื่อหวังยึด รพ.จุฬาฯและสวนลุมฯคืน ไม่ให้เป็นที่ซ่องสุมอีกต่อไปเท่านั้น กำลังเจ้าหน้าที่บีบมาด้านเดียวจากถนนพระราม 4 แล้วมาหยุดที่ถนนสารสิน วันนั้นทหารตาย 1 นาย ผู้สื่อข่าวอิตาลีตาย 1 คน คนไทยถูกยิงหน้า รพ.จุฬาฯ 2 คน โดยปฏิบัติการวันที่ 19 พฤษภาคม มีคนเสียชีวิต 4 คนเท่านั้น ส่วนคนที่ตายในสวนลุมพินีนั้น ทหารเข้ามาตอนเช้า 6 โมงเห็นว่ามีคนนอนตายอยู่แล้ว 2 คนหน้าเต็นท์ และเลือดเริ่มแห้งแล้ว
ดังนั้นไม่ใช่ฝีมือทหารแน่ เพราะเหตุการณ์ 19 พฤษภาคม ทหารไม่ได้มาถึงแยกราชประสงค์ ตอนที่นายณัฐวุฒิประกาศยุติชุมนุม ไม่มีทหารมาใกล้เวทีแม้แต่คนเดียว มีคนตายวันนั้น แต่ตายตอนกลางคืน ตายในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ 1 คน ตายตอนไฟไหม้เพราะสำลักควันไฟตาย ไม่รู้วิ่งขึ้นไปทำไม และมีคนเสียชีวิตวัดปทุมฯ 6 คน เสียชีวิตตอน 2-3 ทุ่ม นายจตุพร นายณัฐวุฒิกล่าวหาทหารยิงตาย แต่ 6 คนนั้นสถาบันนิติเวชของตำรวจตรวจเขม่าดินปืน พบเขม่าดินปืนที่มือ จับอาวุธยิงปืนมาก่อน ตรงกับที่เจ้าหน้าที่รายงานว่ามีปะทะแยกเฉลิมเผ่าตอนค่ำ ตอนเจ้าหน้าที่พยายามคุ้มครองรถดับเพลิงมาดับเพลิง เรื่อง 6 ศพวัดปทุมฯ ต้องปล่อยให้คณะกรรมการที่เป็นกลางที่ตั้งขึ้นมาตรวจสอบ ตนไม่เอามาพูดให้ถกเถียงกัน
นายสุเทพกล่าวว่า "สรุปว่า ปฏิบัติการกระชับพื้นที่วันนั้นมีคนเสียชีวิต 4 คน ไม่มีใครที่หน้าเวทีราชประสงค์ตายแม้แต่คนเดียว ไม่มีคนตายที่ราชประสงค์ในวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่แกล้งมาทำเป็นผีบอกมีคนตายที่นี่ เขาตายที่อื่นครับ แต่พอยุติชุมนุม เพราะชุดดำแตกที่สวนลุมพินี เขาถึงยุติชุมนุม แต่ดีใจได้ไม่เท่าไหร เขาเผาบ้านเผาเมืองเลย เผาโรงหนังสยาม เซ็นทรัลเวิลด์ ธนาคากรุงเทพ ช่อง 3 ศาลากลางจังหวัดหลายจังหวัด ผมเชื่อบริสุทธิ์ใจว่าการเผาคราวนั้นไม่ใช่เพราะคนโกรธแค้นที่ยุติชุมนุม แต่เขาปลุกระดมวางแผนกันไว้แล้ว"
จากนั้นได้เปิดคลิปเสียงนายอริสมันต์มีน้ำมัน 1 ล้านลิตร รับรองกทม.เป็นทะเลเพลิงแน่นอน...เลือดหยดแม้แต่หยดเดียวหมายความว่ากรุงเทพฯจะกลายเป็นทะเลเพลิงทันที และคลิปเสียงณัฐวุฒิ...พวกคุณยึดอำนาจพวกผม เผาทั่วประเทศ...เผาไปเลยพี่น้องผมรับผิดชอบเอง
นายสุเทพกล่าวว่า ถึงเวลาที่เราต้องช่วยเหลือบ้านเมือง นายกฯอภิสิทธิ์ทำเต็มที่สุดกำลังแล้ว 2 ปีกว่า ถ้าประชาชนเห็นว่าบ้านเมืองนี้ไว้ใจอภิสิทธิ์ได้ ขอให้เทใจเลือกเบอร์ 10 ทั้ง 2 ใบ
"ผมเป็นนักการเมืองอาชีพพอ หากผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไรผมยอมรับ แต่หากพี่น้องประชาชนไม่เลือกนายอภิสิทธิ์ พรรคประชาธิปัตย์เพราะข้อหาที่ว่าฆาตรกร แบบนี้ผมนอนร้องไห้ทุกวัน เพราะว่านายอภิสิทธิ์ไม่ได้มีส่วนในการสั่งการสลายการชุมนุม ซึ่งการดำเนินการในวันนั้นผมเป็นคนสั่งการ หากมีความผิดอย่างไรผมพร้อมจะถูกดำเนินคดี" นายสุเทพ กล่าว
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยกล่าวถึงการเดินทางไปหาเสียงในพื้นที่ต่างว่า ได้มีโอกาสเข้าไปเยี่ยมหมู่บ้านกลุ่มคนเสื้อแดงด้วย ซึ่งก็ทำให้เข้าใจว่ากลุ่มคนเสื้อแดงนั้นมีการฝึกให้มีการปลุกระดมหรือด่าคนอย่างไร ดังนั้นพี่น้องอย่าได้เหมารวมว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะเป็นเหมือนกันทั้งหมด บางบ้านก็ไม่เต็มใจให้เอาธงแดงไปติด ทั้งพี่น้องภาคเหนือและอีสานนั้นเป็นคนรักสงบ ที่ไม่ขัดขืนเพราะหวงความไม่ปลอดภัย เพราะมีกลุ่มคนที่รังควานชาวบ้าน
แฉซ้ำตุลาการยุบพรรคเคยโดนขู่แต่ไม่เป็นผล
นอกจากนี้นายชวนยังได้ปราศรัยถึงการปรองดองว่า ต้องยึดหลักกฎหมาย ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก รวมถึงระบุถึงสมัยรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีการแทรกแซงสื่อและองค์กรอิสระ เช่นเดียวกับเมื่อครั้งมีคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ที่มีการพยายามแทรกแซงตุลาการโดยใช้วิธีการข่มขู่ โดยระบุว่าหากไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ก็จะเปิดเผยความลับของตุลาการคนนั้น แต่สุดท้ายก็ถูกตุลาการคนนั้นปฏิเสธเพราะไม่มีความลับใดที่กลัวจะถูกเปิดเผย
"เต้น"โต้"สุเทพ"ใช้ข้อมูลเก่า"พูดเรื่องเดิม"
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ถึงการปราศรัยของนายสุเทพว่า เป็นความพยายามของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะใช้ประเด็นนี้สร้างกระแสเพื่อให้ความนิยมในพรรคสูงขึ้น สิ่งที่ปราศรัยก็ไม่ปรากฏสาระหรือประเด็นข้อมูลที่เป็นเรื่องใหม่ และแต่ละประเด็น คนเสื้อแดงก็มีข้อมูลข้อเท็จจริงที่ชี้แจงต่อสังคมไปแล้ว เชื่อว่าประชาชนจะใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ
นายณัฐวุฒิกล่าวว่า ไม่น่าเชื่อว่าหลายคำพูดมาจากคนสำคัญของรัฐบาลอย่างนายสุเทพ เพราะไม่รับผิดชอบความสูญเสียต่อประชาชนที่เกิดขึ้น คำบอกที่ว่าไม่มีใครตายที่ราชประสงค์ แต่จะตายที่ไหนก็ตาย เพราะข้อเท็จจริงคือมีสไนเปอร์มีกำลังทหารออกมา มีทหารยิงใส่ประชาชนหลายที่ นายสุเทพเป็นรองนายกฯไม่ใช้หัวหน้ารปภ.ของราชประสงค์
"คุณสุเทพเที่ยวนี้พูดเรื่องเดิมแต่เพิ่มร้องไห้แค่นั้นเอง และเราจะชี้แจงเท่าที่จำเป็น"นายณัฐวุฒิกล่าว
อภิสิทธิ์ยังอยู่ในห้องพักไม่ออกมาข้างนอก
เมื่อเวลา 17.05 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางมาลงรถด้านหน้าโรงแรมเซนทาราแกรนดแอทเซ็นทรัลเวิลด์ และได้เข้ามาพักในห้องรับรองไพรเวทบิซสิเนสเซ็นเตอร์บริเวณชั้น 1 ของห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษาสบ.10 เดินทางเข้าพบที่ห้องรับรอง โดยใช้เวลาในการพบนานประมาณ 1 ชั่วโมง
พล.ต.อ.อัศวิน เปิดเผยภายหลังพบนายกฯว่า เป็นการพูดคุยเรื่องทั่วไปซึ่งนายกฯเน้นย้ำว่าไม่อยากให้เกิดกรณีทำร้ายหัวคะแนน และได้สอบถามบรรยากาศด้านหน้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งตนรายงานว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ซึ่งมีญาติของผู้เสียชีวิต 4 ศพจากวัดปทุมฯจะมาแสดงสัญลักษณ์ที่บริเวณแยกราชประสงค์ ส่วนอย่างอื่นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ส่วนการจัดกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยก็มีการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 กองร้อย หรือประมาณ 500 นาย อาทิ หน่วยปราบจราจล(ปจ.) หน่วยปฏิบัติการพิเศษ(นปพ.) คอมมานด์โดและตำรวจในพื้นที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าทั้งนี้ตั้งแต่นายอภิสิทธิ์เดินทางมาถึงก็ได้อยู่แต่ในห้องรับรองและนอกจากพล.ต.อ.อัศวิน เดินทางเข้าพบแล้วแล้วยังมีแกนนำพรรคประชาธิปัตย์หลายคนมาพบ อาทิ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ นายกรณ์ จาติกวณิช นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ซึ่งเจ้าตัวยังปักหลักชมการถ่ายทอดสดจากเวทีปราศัยอยู่ภายในห้องและจะออกไปปราศัยในเวลาที่ใกล้คิวปราศัยที่ต่อจากนายกอร์ปศักดิ์ หรือประมาณ 20.30 น. เพื่อไม่ต้องการล่อเป้าและเพื่อป้องกันเหตุวุ่นวายที่คาดไม่ถึง
ทั้งนี้จากการสังเกตุบรรยากาศด้านในห้างเซ็นทรัลเวิลด์บริเวณชั้น 1 พบว่าบรรดาร้านเครื่องเพชร เครื่องประดับราคาแพงต่างพากันเก็บสินค้าออกจากตู้โชว์หลายร้าน เนื่องจากกังวลว่าจะมีเหตุวุ่นวายแล้วมีการบุกเข้ามาในห้างและเกิดจราจลเหมือนช่วงพ.ค. 53 อีก
ตำรวจวางเส้นทางหลบหนีบุคคลสำคัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การจัดปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ภายใต้หัวข้อ "ดับไฟประเทศ" ว่าเป็นไปอย่างคึกคัก โดยรูปแบบเวทีปราศรัยนั้นมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ใช้ฉากหลังสีฟ้าตรงกลางเป็นธงชาติไทยผืนใหญ่มีโพเดียมและไมโครโฟนตั้งกลาง มีการจัดวางเครื่องเสียงอย่างดี พร้อมจอแอลซีดีมอนิเตอร์สำหรับผู้ปราศรัย ซึ่งนอกจากจอโปรเจ็กเตอร์ขนาดใหญ่ 2 ข้างเวทีแล้วยังเพิ่มจอบริเวณที่นั่งผู้ชมเพื่อความทั่วถึงอีกด้วย
สำหรับการรักษาความปลอดภัยนั้น สน.ปทุมวัน ถือเป็นเป็นแม่งานตั้งกองอำนวยการร่วมประสานงานแผนรปภ.ใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทั้งชายหญิง แผนงานวางกำลังหนาแน่นเข้มงวดรัศมี 400 เมตรรอบแยกราชประสงค์ มีการวางเส้นทางหลบหนีสำหรับบุคคลสำคัญ โดยให้ใช้เส้นทางด้านหลังห้าง โดยกันไม่ให้มีผู้ใดเข้าออกในพื้นที่ดังกล่าว โดยนายสาทิตย์ วงหนองเตย กก.บห.พรรคปชป.เดินทางมาดูความพร้อมเป็นคนแรกตั้งแต่ช่วงบ่าย
อย่างไรก็ตามเมื่อถึงเวลา 16.00 น.ฝนได้เทลงมาอย่าหนักทำให้ทุกคนวิ่งหลบเข้าเต๊นท์กันจ้าละหวั่นแต่เมื่อแกนนำสำคัญทยอยเดินทางมาสมทบฝนก็หยุดตกทันที ทั้งนี้แกนนำสำคัญร่วมคับคั่ง อาทิ นายชวน หลีกภัย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน นายกรณ์ จาติกวณิช ฯลฯ ฝ่ายกฎหมายพรรคนำโดยนายบุณฑิต ศิริพันธุ์ รวมทั้งผู้สมัครส.ส.กทม.และบัญชีรายชื่อของพรรค
ขณะที่กิจกรรมบนเวทีเริ่มเมื่อเวลา 16.30 น. พิธีกรทำความเข้าใจผู้ชมว่า การปราศรัยครั้งนี้จะไม่เหมือนกับการปราศรัยหาเสียงปกติของพรรคปชป. เพราะจะเป็นการชี้แจงข้อกล่าวหาที่ฝ่ายตรงข้ามกล่าวหาว่าปชป.ฆ่าประชาชน จากนั้นแกนนำบางส่วนทยอยขึ้นทักทายมวลชนนับพันคน อาทิ นายอภิรักษ์ รวมถึงนายกรณ์ที่ระบุการทำงานของรัฐบาลยากลำบากและถูกขัดแข้งขัดขามาตลอด ดังนั้นไม่ใช่เวลาจะกลับไปนับหนึ่งใหม่อีกแล้ว
สำหรับคิวปราศรัยโดย 4 ขุนพลปชป.เริ่มที่นายสุเทพ เล่าถึงเหตุการณ์จลาจลในกทม.ช่วงตั้งแต่เดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 พร้อมฉายภาพและคลิปประกอบ นายกอร์ปศักดิ์ เล่าถึงกระบวนการปรองดองและการเจรจากับแกนนำเสื้อแดงที่ไม่สำเร็จเพราะมีคนสั่งล้มโต๊ะเจรจา นายชวนปราศรัยเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตย และนายอภิสิทธิ์ปิดท้ายด้วยการเดินหน้าประเทศไทย
ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางมาถึงบริเวณที่ปราศรัยในเวลา 17.40 น. และได้เข้าไปพูดคุยกับบรรดาแกนนำพรรคด้านในห้างเซ็นทรัลเวิลด์
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลา 17.50 น . ฝนเริ่มตกมาอีกครั้งหนึ่งทำให้ประชาชนที่มารับฟังต้องกางร่มและหลบอยู่ตามใต้หลังคาและบางส่วนก็หลบเข้าไปในห้าง เช่นเดียวกับผู้สื่อข่าวที่ต้องเบียดหลบฝนอยู่ภายในเต๊นท์หลังเวทีที่ทางพรรคได้จัดเตรียมไว้ให้อย่างทุลักทุเล