
จับแล้วมือฆ่าปาดคอผช.พยาบาลสิงห์บุรี
ฆ่าปาดคอพนักงานโรงพยาบาลดังเมืองสิงห์บุรี ดับคาบ้านพัก ตำรวจคาดคนร้ายก่อเหตุชิงทรัพย์ แต่ผู้ตายขัดขืนจะลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยม และตามจับได้ในที่สุดเป็นลูกพี่ลูกน้องของผู้ตาย
เมื่อเวลา 01.20 น.วันที่ 18 มิถุนายน 2554 ร้อยตำรวจเอกรุ่งเกียรติ นาทัย ร้อยเวรสอบสวน สถานีตำรวจภูธรค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิต ภายในบ้านเลขที่ 17/2 หมู่ 12 ตำบลท่าข้าม อำเภอค่ายบางระจัน ใก้ลเคียงบริเวณโค้งสาธุติดถนนสายสิงห์บุรี
หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมรายงานให้พันตำรวจเอกพิชาญ ทองสุกแก้ว ผู้กำกับการตำรวจภูธรค่ายบางระจัน พันตำรวจโท นารทนรินทร์ อ่องลออ สารวัตรสืบสวนฯ กำลังชุดสืบสวนพร้อมแพทย์เวรโรงพยาบาลค่ายบางระจัน มูลนิธิสมาคมกู้ภัยสิงห์บุรี ให้รุดไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านตึกยกพื้นสูงมีรั้วรอบขอบชิดภายในห้องกลางบ้านพบศพ นางฑณฐภา ใจธรรม อายุ 42 ปีมีบาดแผลถูกของมีคมบาดที่ข้อพับแขนขาวลำคอจนเวอะหวะเลือดสดๆสาดกระจายเต็มพื้นห้อง คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 ชั่วโมง
สอบสวนนายไกรศร ใจธรรม อายุ 48 ปี สามีผู้ตาย เล่าว่า ตนทำงานการรถไฟที่กรุงเทพฯ โดยทุกวันศุกร์จะกลับบ้าน ส่วนนางฑณฐภา ภรรยาทำงานเป็นพนักงานของโรงพยาบาลสิงห์บุรีเวชการหมอประเจิด ก่อนเกิดเหตุได้ไปช่วยญาติเสริฟอาหารตามสั่งที่ตัวเมืองสิงห์บุรี ภรรยาไม่ได้ไปด้วย โดยอยู่บ้านกับลูกชายวัย 13 ปี
ทั้งนี้ หลังเลิกงานที่ร้านจึงได้เดินทางกลับ ก่อนถึงบ้านจะโทรหาภรรยาทุกครั้งให้เปิดประตูรั้วที่หน้าบ้าน แต่ภรรยาไม่รับสาย และเมื่อถึงหน้าบ้านประตู ภรรยาก็ยังไม่ลงมาปิด จึงปีนรั้วเข้าไปในบ้าน พบว่าประตูในบ้านเปิดอยู่ จึงรีบเข้าไปตรวจสอบ พบภรรยาเสียชีวิต นอนจมกองเลือดอยู่ ส่วนลูกชายนอนหลับอยู่อีกห้องปลอดภัย
นายไกรศร เล่าต่อว่า ทรัพย์สินที่ยังหาไม่พบ และหายไปนั้น มีสร้อยคอทองที่ติดตัวภรรยา น้ำหนัก 2 สลึง และกระเป๋าสตางค์ที่มีเงินสดอยู่ประมาณ 1 หมื่นบาท
เบื้องต้นจากการสอบสวนในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่คาดว่า คนร้ายน่าจะรู้ความเคลื่อนไหวของคนภายในบ้าน และเมื่อสบโอกาสจึงได้ลงมือก่อเหตุชิงทรัพย์ แต่ผู้ตายขัดขืนจะลงมือฆ่าอย่างโหดเหี้ยม ทั้งนี้ ตำรวจได้ส่งศพไปตรวจชันสูตรอย่างละเอียดที่สถาบันนิติวิทยา
ด้านพันตำรวจเอกพิชาญ ทองสุก ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรค่ายบางระจัน กล่าวว่า เบื้องต้นได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ออกหาข่าวเพื่อเร่งติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่ก่อเหตุแล้ว คาดว่าน่าจะเป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าว ที่เข้ามาทำงานก่อสร้างในพื้นที่ใกล้เคียง
ตร.ตามจับมือฆ่าได้เป็นลูกพี่ลูกน้องของผู้ตาย
ต่อมาพล.ต.ต.โกศล บัวประเสริฐ ผบก.ภจว.สิงห์บุรี มอบหมายให้ พ.ต.อ.พิชาญ ทองสุกแก้ว ผกก.สภ.ค่ายบางระจัน พร้อมชุดทีมชุดสืบสวนกองบังคับการประชุมและรวบรวมข้อมูลจากการสอบสวนนายไกรศร สามีนางฑัณฐภา ทราบว่าผู้ต้องสงสัยน่าจะเป็นนายชัยรัตน์ มารศรี อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 28/3 หมู่ที่.13 ต.ท่าข้าม อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี ซึ่งเป็นญาติลูกพี่ลูกน้องกับภรรยาผู้เสียชีวิต เนื่องจากนายชัยรัตน์เคยต้องคดีเสพยาเสพติดและเป็นคนชอบดื่มสุราและเมา ชอบมาที่บ้านมาขอเงินภรรยาบ่อย ๆ
ดังนั้น พ.ต.อ.พิชาญ จึงได้ขอหมายศาลสิงห์บุรีไปทำการตรวจค้นและจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ดังกล่าว นำตัวมาสอบสวน โดยนายชัยรัตน์ได้ให้การรับสารภาพว่าเมื่อคืนก่อนเกิดเหตุตนได้ไปดื่มเหล้าขาว 3 ขวด จึงเกิดอาการมึนเมาจึงได้ไปที่บ้านของนางฑัณฐภา ได้เห็นนางฑัณฐภาขี่รถจักรยานยนต์โดยมีลูกชายซ้อนท้ายเข้าไปในบ้านตนจึงได้เดินตามเข้าไปในบ้านหลังจากนางฑัณฐภาด้พาลูกชายเข้าไปนอนในห้องเรียบร้อยแล้ว
นายชัยรัตน์ได้ให้การต่อว่า หลังออกมาจากห้องนอนตนจึงเดินเข้าไปหาผู้ตายเพื่อขอเงินไปกินเหล้า แต่ผู้ตายกับด่าว่าและตบหน้าตน 1 ครั้ง ทำให้ตนเกิดความโมโห จึงตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อจนกระดุมเสื้อขาดหลังจากนั้นก็ได้ต่อสู้กัน ตนจึงใช้ใบเลื่อยที่เจียรเป็นใบมีด ตวัดไปโดนที่แขนของผู้ตายจนเป็นแผลฉกรรจ์ หลังจากนั้นก็ได้ใช้ใบมีดตวัดไปโดนที่คอจนล้มลงจมกองเลือดและดึงสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึงที่คอผู้ตายไปด้วย พร้อมกระเป๋าที่ใส่สตางค์วางไว้บนโต๊ะติด หลังก่อเหตุแล้วตนจึงได้รีบหลบหนีไปที่บ้านพร้อมอาวุธที่ใช้ก่อเหตุไปโยนทิ้งในคลองชลประทาน หลังวัดสาธุการาม หมู่ที่.13 ต.ท่าข้าม อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี จนมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับได้ดังกล่าว