ข่าว

"น่าน"เมืองเก่าที่มีชีวิต 
1ใน10เมืองต้นแบบศก.สร้างสรรค์

"น่าน"เมืองเก่าที่มีชีวิต 1ใน10เมืองต้นแบบศก.สร้างสรรค์

15 มิ.ย. 2554

จังหวัดน่าน เป็นเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน และมีวัฒนธรรมอันโดดเด่นเป็นของตนเองสืบทอดจากอดีตมาถึงปัจจุบัน ทั้งด้านสถาปัตกรรม ประติมากรรม ศิลปกรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม และมีโบราณสถานที่ยังทรงบทบาทสำคัญต่อชุมชน

 กระทั่ง “กรมทรัพย์สินทางปัญญา” ได้มอบโล่เกียรติยศ พร้อมประกาศเกียรติคุณให้ จังหวัดน่านเป็นเมืองเก่าที่มีชีวิต เป็น 1 ใน 10 เมืองต้นแบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่ถูกคัดเลือกให้เป็น แบบอย่างที่ดีแก่ชุมชนทั่วประเทศ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและรายได้ในทุกภูมิภาค 

 จังหวัดน่าน เคยเป็นนครรัฐเล็กๆ มาก่อน มีเงินใช้ของตนเองเรียกว่าเงินเจียง มีอายุถึง 754 ปี ตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 ประมาณปี 1800 ควบคู่มากับยุคกรุงสุโขทัยเป็นราธานี (1800-1893) ด้วยเหตุผลเป็นเมืองเก่าที่มีชีวิต จะเห็นได้ว่าประชาชนสามารถอยู่อาศัยทำมาหากินมีอาชีพได้อย่างกลมกลืน มีการบริหารจัดการที่เหมาะสม ภายใต้การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เพื่อดำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของชาวเมืองน่าน

 มีหมู่บ้านกว่า 800 หมู่บ้าน มีวัดกว่า 400 วัด โดยเฉลี่ย 2 หมู่บ้านต่อ 1 วัด ในเขตเมืองน่านมี 12 วัด มีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เป็นสัญลักษณ์ของจังหวัด ที่แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนเมืองน่านได้อย่างชัดเจน ภาพปู่ม่านย่าม่าน อายุกว่า 100 ปี ที่วัดภูมินทร์ สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีอุทยานแห่งชาติซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยว ถึง 7 แห่ง

 นายภาณุ ขันธ์แก้ว พาณิชย์จังหวัดน่าน เปิดเผยว่า วิสัยทัศน์จังหวัดน่านคือ เมืองสงบสุข ธรรมชาติสมบูรณ์ คุณภาพชีวิตดี วิถีพอเพียง

 ขณะที่ยุทธศาสตร์การค้า เป็นเมืองแห่งการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าและบริการเชื่อมโยงข้อมูลการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และวัฒนธรรม เพื่อเป็นแรงผลักดันสู่การพัฒนาธุรกิจด้านอื่นๆ อีกทั้ง ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มแก่สินค้าและบริการ

 โครงสร้างระบบเศรษฐกิจการค้าของจังหวัดน่าน ประกอบด้วยการเกษตรมีสัดส่วนร้อยละ 27 และนอกภาคเกษตรมีสัดส่วนร้อยละ 73 ผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัว ปี 2552 เท่ากับ 47,371 บาทต่อปี เป็นอันดับที่ 59 ของประเทศ ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศเดินทางมาเที่ยวเพิ่มมากขึ้น

  จังหวัดน่าน จึงให้ความสำคัญในการสนับสนุนเพิ่มมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ ให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขให้สอดคล้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง  
  
"สันติไฌญ จารุพิพัฒน์บุตร"