ข่าว

"เปรมฤดี"นายกเล็กสองแควสมัย2
เฉือนชนะคูแข่ง-เจ้าตัวลั่นเร่งสางงานต่อ

"เปรมฤดี"นายกเล็กสองแควสมัย2 เฉือนชนะคูแข่ง-เจ้าตัวลั่นเร่งสางงานต่อ

15 มิ.ย. 2554

พิษณุโลก - "เปรมฤดี ชามพูนท" นั่งเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลกอีกสมัย หลังเฉือนชนะคู่แข่ง ขอบคุณประชาชนช่วยให้ชนะเลือกตั้ง เปิดโอกาสให้กลับมาพัฒนาเมือง ระบุ ภารกิจแรกเร่งสานต่องานค้าง-แก้ปัญหาใหม่ด่วนที่สุด

 ชาวเมืองพิษณุโลกให้ความสนใจผลการนับคะแนนเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก ที่โรงอาหารโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยนเรศวร อ.เมือง จ.พิษณุโลก เมื่อคืนวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยผู้สมัคร 5 คน หมายเลข 1 นางเปรมฤดี ชามพูนท หัวหน้าคณะลูกนเรศวร หมายเลข 2 นายธวัชชัย กันนะพันธุ์ หัวหน้าคณะหลักเมือง หมายเลข 3 นางรพิรัตน์ ภัทรประสิทธิ์ หมายเลข 4 นายทรงวุฒิ เชื้อน่วม และหมายเลข 5 น.ส.ทิพย์มณเทียร ทองจันทร์ การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 54,284 คน จนถึงเวลา 15.00 น. มีการปิดหีบบัตรจาก 88 หน่วยเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ได้ขนมากองรวมและตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อย ทางคณะกรรมการได้ให้เจ้าหน้าที่เริ่มนับคะแนนการเลือกตั้งจำนวน 16 กระดาน ท่ามกลางความสนใจจากประชาชนชาวพิษณุโลกและตัวแทนผู้สมัครที่มาสังเกตการณ์ใกล้ชิด

 เจ้าหน้าที่ กกต.ได้สำรวจบัตรผู้ลงคะแนนทั้งหมด 30,161 คน ถือว่ามาใช้สิทธิ์ 55% ในการนับคะแนนกระดานแรกปรากฏว่าสูสี แต่ส่วนใหญ่แล้วคะแนนเทมาที่แชมป์เก่า นางเปรมฤดี ชามพูนท มีคะแนนเหนือกว่านายธวัชชัย กันนะพันธุ์ อดีตนายกอบจ.พิษณุโลก คู่แข่งสำคัญ โดยคะแนนนางเปรมฤดีนำหลายกระดาน กระทั่งเวลา 23.30 น.วันเดียวกัน ผลการนับคะแนนหมดทุกกระดานปรากฏว่านางเปรมฤดีชนะคู่แข่งรักษาเก้าอี้นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลกได้อีกหนึ่งสมัย

 สำหรับผลคะแนน หมายเลข 1 นางเปรมฤดี ชามพูนท ได้ 14,142 คะแนน หมายเลข 2 นายธวัชชัย กันนะพันธุ์ ได้ 11,406 คะแนน หมายเลข 3 นางรพิรัตน์ ภัทรประสิทธิ์ ได้ 242 คะแนน หมายเลข 4 นายทรงวุฒิ เชื้อน่วม ได้ 1,477 คะแนน และหมายเลข 5 น.ส.ทิพย์มณเทียร ทองจันทร์ ได้ 192 คะแนน บัตรเสีย 692 ไม่ประสงค์ที่จะลงคะแนน 2,163 รวมบัตรทั้งสิ้น 30,161 ใบ

 นางเปรมฤดี ชามพูนท ว่าที่นายกเทศมนตรีนครพิษณุโลก กล่าวว่า การชนะเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครพิษณุโลกครั้งนี้ต้องขอบคุณประชาชน ที่ต้องการให้กลับมาทำงานเพื่อประชาชนอีกครั้ง การชนะเลือกตั้งแสดงให้เห็นว่าประชาชนเปิดโอกาสและพร้อมให้ตนกลับมาบริหารงาน เพื่อสร้างประโยชน์สาธารณะ บริหารท้องถิ่นให้มีการพัฒนา

 สำหรับงานที่จะทำต่อจากนี้จะมีทั้งภารกิจที่ค้างอยู่ทั้งการสร้างสวนสาธารณะ สนามกีฬา ศูนย์ประชุมอินโดไชน่าคอมเพล็กซ์ ฯลฯ ต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ นอกจากนี้ยังมีงานแก้ไขปัญหาให้ประชาชน จากการลงพื้นที่หาเสียงพบว่ามีปัญหาเพิ่มมากมาย ต้องเร่งแก้ไขด่วนที่สุด รวมถึงการปรับปรุงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีการบริหารจัดการที่ดีขึ้น