
ขึ้นทะเบียนต่างด้าวคึก นายจ้างมหาชัยวอนรัฐแกัปัญหาจริงใจ
สมุทรสาคร-วันที่ 15 มิถุนายนไปจนถึงวันที่ 14 กรกฎาคม เปิดขึ้นทะเบียนแรงานต่างด้าวอีกรอบ มหาชัยคึก แม้จะเปิดให้ความรู้ก่อนวันรับจริง แต่ก็ยังมีข้อถกเถียงจากนายจ้างให้รัฐแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ขณะจัดการงาน แจงหากพ้นกำหนดไม่ขึ้นทะเบียนเจอจับทันที
นายวันชัย สาครมณีรัตน์ ฝ่ายควบคุมใช้แรงงาน สำนักงานจัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวหลังเปิดปฐมนิเทศการใช้แรงงานต่างด้าว และปฏิบัติตามข้อตกลงและกฎหมาย ให้แก่บรรดานายจ้าง และสถานประกอบการในพื้นที่ ซึ่งใช้แรงงานถูกและนอกระบบตามมติรัฐบาล ว่าก่อนที่จะเปิดให้มีการรับจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวเปิดขึ้นอีกครั้ง ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน-14 กรกฎาคมนี้ กรมการจัดหางานได้ให้ความรู้แก่นายจ้าง สถานผู้ประกอบการ และหน่วยงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการใช้แรงงานนอกระบบ เพื่อเป็นการแจ้งให้ทราบว่าจะมีการเปิดรับให้จดทะเบียนแรงงานเข้าสู่ระบบได้อย่างถูกต้องอีกครั้ง เพื่อจะได้เข้าใจร่วมกันในเรื่องการใช้แรงงานนอกระบบให้เป็นไปตามกลไกของรัฐ
พร้อมกับย้ำว่าจะมีการออกหนังสือก่อนออกกวดขัน เพื่อผลักดันแรงงานเถื่อนพ้นประเทศอย่างจริงจัง โดยแรงงาน 3 สัญชาติ จะได้ ทร.38 ประจำตัว จากนั้นให้เข้าสู่ระบบการพิสูจน์สัญชาติ ซึ่งในการหารือกันครั้งนี้ ได้มีนายจ้าง หรือสถานประกอบการต่างๆ ร่วมมารายงาน หวังทำงานในโครงการดังกล่าวทั้งหมดกว่า 897 ราย
“ขอแจ้งเตือนบรรดาแรงงานต่างด้าวและนายจ้าง หรือตัวแทนผู้อาสา ห้างร้าน โรงงาน และบริษัทต่างๆ ว่า พบรู้เห็น หรือปัญหาฝ่าฝืน เคลื่อนย้ายแรงงาน ทั้งหลบหนีนายจ้าง จนเกิดปัญหา จะติดตามเอาผิดดำเนินคดีสถานหนัก หรือยกเลิกใบอนุญาตทำงาน ตามกฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด ในส่วน จ.สมุทรสาคร หลังวันที่ 14 กรกฎาคม ครบกำหนดจดทะเบียนรอบนี้ จะกวดขันจับกุมอย่างหนักด้วย"
ขณะที่นายศรัญย์ณัฐ ประมงทรัพย์ ในฐานะตัวแทนชาวเรือประมง จ.สมุทรสาคร กล่าวยืนยันว่า ล่าสุดมีมติระหว่าง 13 จังหวัดชายทะเล ซึ่งมีส่วนใช้แรงงานต่างด้าวลงเรือ ฟันธง ไม่สังฆกรรมหน่วยงานภาครัฐ หากจัดระเบียบแบบไร้คำยืนยันว่าจะช่วยแก้ปัญหาให้พวกตนได้อย่างชัดเจน เพราะปัญหาเดิม เช่น แรงงานรู้มาก หนีนายจ้าง สิ่งเหล่านนี้ส่งผลกระทบต่ออาชีพและสร้างความเดือดร้อนให้แก่นายจ้างผู้ประกอบอาชีพเรือประมง ซึ่งเป็นมาช้านนานแต่ไม่ได้รับการแก้ไข หากรัฐยังไม่มีมาตรการแก้ไขปัญหาเหล่านี้แก่นายจ้างด้วย การต่ออายุเช่นนี้ก็จะไม่อยู่ในความสนใจของพวกตนและอาชีพประมงก็อาจจะลดน้อยและหดหายไปในที่สุด
จากตัวเลขผู้ประกอบอาชีพเรือประมงขณะนี้ ตามทะเบียนอาญาบัตรจังหวัดสมุทรสาคร เหลือไม่ถึง 500 ราย จากในอดีตที่เคยมีอยู่ประมาณ 900 ราย ทั้งนี้เนื่องมาจากปัญหาน้ำมันแพง แรงงานต่างด้าวหลบหนี ส่งผลให้แรงงานขาดแคลน บางครั้งถูกจับเรียกหัวคิว ผู้ประกอบการจึงลดลงเรื่อยๆ จำต้องทิ้งอาชีพและขายเรือทิ้ง หรือนำเรือไปทิ้งทะเลเพื่อร่วมโครงการทำปะการังเทียม เนื่องจากไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้