ข่าว

พลอยเมืองจันท์งานของ “กุลา” ไทยใหญ่

พลอยเมืองจันท์งานของ “กุลา” ไทยใหญ่

15 มิ.ย. 2554

การทำพลอยได้เข้ามามีบทบาทมากต่อเศรษฐกิจเมืองจันทบุรีนอกเหนือจากการทำสวนผลไม้ยางพารา และพืชไร่ ที่เป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจ

  พลอยเมืองจันทบุรี เริ่มจากพวก “กุลา” คือ ชาวไทยใหญ่จากทางเหนือของพม่า เข้ามาอาศัยในจันทบุรีช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 เล่ากันว่าพวกกุลาเคลื่อนย้ายมาเริ่มทำพลอยที่ ต.บางกะจะ ต่อมาได้ไปทำพลอยที่บ่อไร่ บ่อไพลิน บ่อเวฬุ และกลับมาตั้งถิ่นฐานในจันทบุรีในช่วงหลัง พ.ศ.2498
 
 เหมืองพลอย เป็นกิจการอย่างหนึ่งที่สำคัญของชาวกุลา มีศูนย์กลางอยู่บริเวณเมืองจันทบุรี ส่วนที่เหมืองพลอยไพลินในกัมพูชาขุดพบในปี พ.ศ. 2425 ทำให้มีคนต่างชาติหลั่งไหลเข้าไป มีกุลาจากพม่าทำเหมืองพลอยได้ผลดีก็ทยอยไปๆ มาๆ แล้วนำพลอยที่ได้ออกขายทางทะเลสู่ร่างกุ้ง หรือกัลกัตตา

 พวกกุลาถนัดเจียระไนหิน มีพระพุทธรูปหิน ปัจจุบันไปขุดพลอยอยู่เมืองไพลิน ในเขมร และยังกลายเป็นประชากรส่วนหนึ่งของเมืองจันทบุรีตั้งแต่เมื่อครั้งเข้ามาทำพลอยในยุคแรกๆ ก่อนสมัยรัชกาลที่ 5

 กระแสความนิยมพลอยที่มาจากแหล่งเมืองจันท์เริ่มมีมากขึ้นเมื่อประมาณทศวรรษ พ.ศ. 2500 เช่น พลอยแดงจากเขตขลุง หรือบุษย์น้ำทอง เขียวส่อง ฯลฯ จากเขตท่าใหม่และบางกะจะ ทำให้แหล่งพลอยทั้ง 3 เขต และภายใน อ.เมือง อันเป็นแหล่งค้าพลอย ขยายตัวและเจริญขึ้นอย่างรวดเร็วขึ้น

 โดยเฉพาะช่วงราว พ.ศ. 2520 ข่าวการค้นพบทับทิมสยามยิ่งสร้างกระแสตื่นพลอยในแถบจันทบุรีและตราดให้มากขึ้น ธุรกิจการทำพลอยกลายเป็นธุรกิจใหญ่ทำให้ตัวเมืองจันทบุรีขยายจากบริเวณย่านการค้าเดิม คือ ท่าหลวง-ตลาดล่าง ลงมาตามถนนสายท่าแฉลบ 

 เมื่อเร็วๆนี้ นายกสมาคมผู้ผลิตอัญมณีจันทบุรี และประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าและการค้าพลอยแถลงว่าจะเปิดตลาดพลอยก้อนบริเวณถนนศรีจันทร์ใจกลางตลาดพลอยจันทบุรี เป็นตลาดพลอยก้อนแห่งแรก โดยการนำเต็นท์และตู้โชว์ประมาณ 20 ตู้นำพลอยสวยๆ มาวางจำหน่าย

 แต่ยังต้องทำประชาพิจารณ์ร่วมกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดเพื่อขออนุญาตเจ้าของบ้านในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีกลุ่มพ่อค้าพลอยประสานมาแล้วกว่า 200-400 ราย ซึ่งคาดว่าจะเปิดตลาดพลอยก้อนได้ภายใน 2 เดือนนี้
         
"เรือนอินทร์ หน้าพระลาน"